ชวนส่องอนาคตยานยนต์พลังงานสะอาด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน Future Mobility Asia 2022 | Techsauce

ชวนส่องอนาคตยานยนต์พลังงานสะอาด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน Future Mobility Asia 2022

"ฟิวเจอร์ โมบิลิตี้ เอเชีย" (Future Mobility Asia) หรือ เอฟเอ็มเอ 2022 (FMA 2022) เป็นงานนิทรรศการและงานประชุมระดับโลกที่จัดแสดงแนวคิดและโซลูชันต่างๆ ที่ครอบคลุมเรื่องยานยนต์พลังงานสะอาดในทุกด้าน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ถึง 22 กรกฎาคม ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) โดยในเบื้องต้นได้มีการจัดงานรอบพรีวิวที่เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวในวันที่ 30 มีนาคม 2565 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ที่ผ่านมา  

Future Mobility Asia 2022

ปรากฏการณ์ใหม่สำหรับเอเชียของยานยนต์พลังงานสะอาด

การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่สำหรับภูมิภาคเอเชียในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งได้เปิดกว้างให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มารวมตัวกันในงานรอบพรีวิว (Event Preview) ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความมุ่งมั่นเรื่องยานยนต์พลังงานสะอาดและการจัดการกับความท้าทายทางธุรกิจในภาคยานยนต์ 

รวมถึงเพื่อกำหนดและปรับเปลี่ยนโปรแกรมการประชุมของงานเอฟเอ็มเอ 2022 (FMA 2022) ให้ดียิ่งกว่าเดิม สำหรับการจัดงานรอบพรีวิวในครั้งนี้เป็นการบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชนในรูปแบบผสมผสานที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนในประเทศไทยได้เข้าร่วมภายในงานจริงและมีระบบเสมือนจริงสำหรับการเข้าร่วมของสื่อต่างประเทศ

"การเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์พลังงานสะอาดมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมให้ภูมิภาคแห่งนี้ก้าวไปไกลเกินกว่าเพียงแค่ได้รับประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อม การปฏิวัติยานยนต์พลังงานสะอาดกำลังสร้างโอกาสให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างก้าวกระโดด ทั้งยังขับเคลื่อนให้เกิดความสามารถด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจและนำไปสู่การสร้างงานเพิ่มมากขึ้นด้วย ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญภายหลังการเกิดโรคระบาดใหญ่ แรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งจำเป็นและจะช่วยสนับสนุนให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้พลิกฟื้นขึ้นมาเพื่อตอบรับโอกาสดังกล่าว" คุณเมล แลนเวอร์ส-ชาห์ รองประธานประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ดีเอ็มจี อีเว้นท์ กล่าว

การบรรยายสรุปสำหรับสื่อในรูปแบบผสมผสาน

จากการที่สื่อมวลชนในประเทศไทยได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแบบตัวต่อตัว ณ เวลา 14.00 น. (GMT+7) ซึ่งได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับความท้าทายทางธุรกิจในประเทศไทยในการก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านยานยนต์พลังงานสะอาดแบบไร้คนขับ โดยมีสื่อต่างประเทศเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกันผ่านระบบเสมือนจริง 

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานประเทศไทย และเป็นประธานร่วมของคณะกรรมการขับเคลื่อนยานยนต์แห่งอนาคตในเอเชีย (Future Mobility Asia Steering Committee); คุณชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน; คุณจุง เหงียน ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เอสอีเอ อิเล็กทริค; คุณโจเซฟิน อ๋อง กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ บริษัท แดสสอลท์ ซิสเต็มส์ และคุณนิโคล หวู่ ซีอีโอและผู้อำนวยการบริษัท อีวีโลโม (EVLOMO) ได้เข้าร่วมการบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชนเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับมุมมองด้านโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับระบบชาร์จพลังงานของประเทศไทย รวมถึงแผนของประเทศไทยในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง 

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานประเทศไทย และเป็นประธานร่วมของคณะกรรมการขับเคลื่อนยานยนต์แห่งอนาคตในเอเชีย (Future Mobility Asia Steering Committee) กล่าวว่า "แน่นอนว่าประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่แนวทางของยานยนต์พลังงานสะอาด โดยมีแผนที่จะส่งเสริมให้เกิดสถานีชาร์จภายในครัวเรือนและสถานีชาร์จสาธารณะที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนยานยนต์พลังงานสะอาดอย่างแน่นอน และเราคาดการณ์ว่าในเร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัวแผนและนโยบายเชิงรุกเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบชาร์จพลังงานในประเทศไทย" 

อาเซียนสามารถเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดได้อย่างก้าวกระโดด

ในงานเอฟเอ็มเอ 2022 รอบพรีวิว (FMA 2022 Event Preview) ซึ่งจัดขึ้นเวลา 16.00 น. (GMT+7) บรรดาผู้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมได้รับเชิญให้นำเสนอกรณีศึกษาที่เป็นรูปธรรมของยานยนต์พลังงานสะอาดและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงอย่างประสบความสำเร็จ โดยภายในงานรอบพรีวิวได้แบ่งการเสวนาออกเป็นสองกลุ่ม 

ซึ่งจะมีตัวแทนระดับอาวุโสของรัฐบาลไทยและบรรดาผู้นำในอุตสาหกรรมมาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการด้านยานยนต์พลังงานสะอาดในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงนโยบายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3030 (Thailand 3030 EV Production Policy) ของประเทศไทยด้วย 

คุณแมทธิว โรวี ผู้อำนวยการฝ่ายโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ดีเอ็นวี แปซิฟิก ได้เปิดการเสวนากลุ่มแรกด้วยการแบ่งปันข้อมูลสถิติเกี่ยวกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน โดยบริษัท ดีเอ็นวี คาดการณ์ว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น 50% บนท้องถนนทั่วโลกภายในปี 2593 

อย่างไรก็ตามด้วยสัดส่วนการเติบโตของรถยนต์และรถกึ่งอัตโนมัติในปัจจุบัน ก็เป็นที่คาดกันว่าจำนวนยานยนต์ทั่วโลกอาจขยายตัวได้ถึง 60% หลังจากนำเสนอข้อมูลสถิติของรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว บรรดาผู้ให้บริการโซลูชันสำคัญๆ ก็ได้รับเชิญให้มาพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของแต่ละเมือง รวมถึงแนวทางที่ภูมิภาคอาเซียนสามารถเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดได้อย่างก้าวกระโดด

คุณจุง เหงียน ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เอสอีเอ อิเล็กทริค กล่าวเพิ่มเติมว่า "ที่บริษัท เอสอีเอ อิเล็กทริค เราเข้าใจดีว่ายานยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เม็ดเงินลงทุนราคาถูก ดังนั้นเราจึงต้องทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ในการเสริมสร้างอนาคตของยานยนต์พลังงานสะอาดด้วยการออกนโยบายแรงจูงใจต่างๆ แม้ว่าเราต้องเผชิญกับอุปสรรคอย่างมากมายจากผู้บริโภค แต่รัฐบาลก็พร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างมากในการจัดการกับข้อกังวลดังกล่าว และการเข้าร่วมงานฟิวเจอร์ โมบิลิตี้ เอเชีย (Future Mobility Asia) ของเราในเดือนกรกฎาคมถือเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้แบ่งปันประสบการณ์กับบรรดาผู้นำในอุตสาหกรรมระดับโลก" 

ขณะที่  คุณกิลโลม เจอรองโด รองประธานและผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายอุตสาหกรรมการขนส่งและยานยนต์ประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ กล่าวว่า ความเข้าใจเกี่ยวกับเมืองแต่ละเมืองอย่างถ่องแท้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมในระดับท้องถิ่นล้วนมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองและแต่ละประเทศ โดยเราจะต้องมีความเข้าใจในหัวข้อหลักสามประการ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความสมดุลระหว่างแรงจูงใจและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งประเทศสิงคโปร์ถือเป็นตัวอย่างที่ดี

"เนื่องจากสิงคโปร์ทราบดีว่า 15% ของผืนดินในประเทศถูกใช้เพื่อการขนส่งทางรถยนต์ ดังนั้นจึงได้เปิดตัวโครงการ Car-Lite โดยมีเป้าหมายเพื่อเดินหน้าสู่การดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเมืองต่างๆ จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดเศรษฐกิจและดำเนินมาตรการที่ดีที่สุดภายใต้การคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม"

ในปี 2573 ประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 725,000 คัน

ในฐานะผู้นำของภูมิภาคที่มาพร้อมโครงการคิดริเริ่ม เช่น นโยบายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3030 (3030 EV Production Policy) ทำให้ประเทศไทยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะปรับเปลี่ยนการผลิตรถยนต์ในสัดส่วน 30% จากทั้งหมดให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2573 ให้ได้ สำหรับการเสวนากลุ่มที่สองเป็นเวทีของตัวแทนจากรัฐบาลไทยและผู้เชี่ยวชาญของไทย ซึ่งได้มาพูดคุยเกี่ยวกับแผนของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตสำหรับยานยนต์พลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

"ภายในปี 2573 ประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 725,000 คัน โดยมีแผนที่จะเจาะตลาดโลกด้วย เราคาดว่าจะสามารถจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 400,000 คันสำหรับตลาดภายในประเทศ ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะดำเนินการส่งออก" คุณชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าว 

ทั้งนี้การเสวนากลุ่มนี้ยังเน้นย้ำถึงความคาดหวังและความต้องการของประเทศไทยในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยที่จะต้องมั่นใจได้ว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่มีอยู่เดิมจะยังคงได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกันในขณะที่ประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานเสวนาได้แบ่งปันข้อกังวลและความท้าทายต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อประเทศไทยได้นำแนวทางของยานยนต์พลังงานสะอาดมาใช้ 

สุดท้ายนี้ ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และเป็นประธานกิตติมศักดิ์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า "หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ก็คือความต้องการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จพลังงาน โดยระบบชาร์จแบบสาธารณะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า ผู้บริโภคจะสามารถเดินทางได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดเช่นเดียวกับผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์ระบบ ICE กล่าวคือผู้คนอาจต้องพึ่งพาระบบชาร์จสาธารณะเนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ชาร์จพล้งงานภายในครัวเรือน ด้วยเหตุนี้ การสนับสนุนและการลงทุนของรัฐบาลในการดำเนินการจัดตั้งสถานีชาร์จพลังงานทั่วกรุงเทพมหานครจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง" 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Tech Provider ห้ามพลาด! ร่วมปั้น SMEs บุกตลาดใหม่กับ ETDA พร้อมทุนสนับสนุน 4.5 แสนบาท

ETDA เดินหน้าสานต่อ “SMEs GROWTH” ภายใต้ โครงการยกระดับนวัตกรรมด้านดิจิทัลเชิงพื้นที่ ประจำปี 2568 โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถปรับตัวและเติบโตอย่าง...

Responsive image

Future Food Leader Summit 2025 ปั้นไอเดีย 'อาหารฟื้นฟู' สู่ธุรกิจแห่งอนาคต

TASTEBUD LAB ร่วมกับ Bio Buddy พร้อมขับเคลื่อนอนาคตอาหารของ จัดงาน Future Food Leader Summit 2025: Regenerative Food for the Future เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและนวัตกรรมอาหารอย่า...

Responsive image

SPC เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ด้วยการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า 100%

SPC (สหพัฒนพิบูล) ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า 100% จำนวน 4 คัน เพื่อพัฒนาโลจิสติกส์สีเขียว วิ่งระหว่างศูนย์กระจายสินค้าและร้...