IBM เปิดโครงการ Call for Code Global Challenge ร่วมรับมือสถานการณ์ COVID-19 | Techsauce

IBM เปิดโครงการ Call for Code Global Challenge ร่วมรับมือสถานการณ์ COVID-19

IBM เปิดโครงการ Call for Code Global Challenge ประจำปี 2563 พร้อมประกาศขยายขอบเขตให้ครอบคลุมประเด็นเรื่อง COVID-19 ที่ทั่วโลกกำลังหวั่นกลัวตอนนี้ โดยเพิ่มเติมจากประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งสองประเด็นล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โลก และการอยู่รอดของมนุษย์

นับตั้งแต่ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นในปี 2561 Call for Code ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการจัดการกับปัญหาท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เริ่มจากการบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การรับมือกับความจริงอันโหดร้ายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนถึง COVID-19 ในปัจจุบัน โดย COVID-19 กำลังแสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของระบบที่เรามักมองข้ามมาโดยตลอด 

โครงการ Call for Code Global Challenge จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยเป็นหนึ่งในการแข่งขันสำหรับนักพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจุดประสงค์ในการสร้างโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีแบบโอเพนซอร์ส เช่น Red Hat OpenShift, IBM Cloud, IBM Watson, IBM Blockchain และข้อมูลจาก The Weather Company ในระดับที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาได้จริง โดยในปี 2562 มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 180,000 รายจาก 165 ประเทศ และได้สร้างเป็นแอพพลิเคชันมากกว่า 5,000 แอพที่เน้นเรื่องความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและการบรรเทาภัยต่างๆ 

ในประเด็นเกี่ยวกับ COVID-19 ในปีนี้นั้น Call for Code Global Challenge จะเน้นไปที่เรื่องการติดต่อสื่อสารในช่วงวิกฤติ การศึกษาจากระยะไกล และการให้ความร่วมมือในชุมชน โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องเหล่านี้และรับ Starter Kit เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถมุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาในด้านที่ส่งผลกระทบสูงได้อย่างตรงจุด ได้ที่ callforcode.org โดย Starter Kit แต่ละชุดจะประกอบด้วยคำอธิบายเกี่ยวกับโซลูชัน แผนผังเชิงสถาปัตยกรรม และบทเรียนพร้อมด้วยโค้ดเริ่มต้นและเอกสารอ้างอิง ที่จะช่วยให้นักพัฒนาเริ่มสร้างผลงานได้ในเวลาไม่กี่นาที  

ผลงานที่ชนะการแข่งขัน Call for Code Global Challenge ปี 2563 จะได้รับการพัฒนาและเผยแพร่ให้ใช้งานทาง Code and Response ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่ไอบีเอ็มลงทุนถึง 25 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง พัฒนา ทดสอบ และเปิดตัวโซลูชันเทคโนโลยีแบบโอเพนซอร์ส โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือชุมชนในยามที่ต้องการ ซึ่งต่างจากพันธมิตรการกุศลรายอื่นๆ ที่สนับสนุนเงินทุนให้กับโครงการริเริ่มเพียงอย่างเดียว

ทีมผู้ชนะเลิศโครงการ Call for Code Global Challenge ในปีที่แล้วคือ Prometeo ได้สร้างอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่สามารถตรวจวัดคาร์บอนมอนอกไซด์ ควันไฟ ความชื้น และอุณหภูมิ เพื่อติดตามความปลอดภัยของนักผจญเพลิงแบบเรียลไทม์ โดย Prometeo ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยทีมงานที่ประกอบด้วยนักผจญเพลิงที่มีประสบการณ์ พยาบาลกู้ชีพ และนักพัฒนาอีกสามท่าน และ Promoteo ได้ทำการทดสอบภาคสนามกับไฟป่าเป็นครั้งแรกร่วมกับพันธมิตร ระหว่างการเผาป่าที่มีการควบคุมใกล้กับเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“วันนี้เราได้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการกับปัญหาภัยพิบัติ รวมถึงผลกระทบอันเกิดจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทั่วโลกกำลังหวั่นวิตก ไม่เพียงแต่การแก้ปัญหาในปัจจุบันแต่ยังรวมถึงการเตรียมความพร้อมในอนาคตด้วย” นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีนและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าว “ไอบีเอ็มมีความมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจปัญหา และพัฒนาเครื่องมือสำหรับการใช้งานในวงกว้างเพื่อช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ เสริมศักยภาพมนุษย์ และสร้างโลกที่ดีกว่าให้กับคนในยุคต่อไป และวันนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่เราจะร่วมผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น”

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ม.มหิดล ชูความสำเร็จผลงานนวัตกรรมวัคซีนไข้เลือดออกเดงกี ชนิดเข็มเดียว เตรียมผลักดันออกสู่ตลาดโลก

โรคไข้เลือด เป็นหนึ่งในโรคประจำถิ่นในทุกประเทศเขตร้อนของโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี มียุงลายหรือยุงรำคาญเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน และในปัจจุบันมีประชากรประม...

Responsive image

ททท. ประกาศผู้ชนะ TAT Travel Tech Startup 2024 ทีม HAUP คว้าชัย ร่วมผลักดัน ท่องเที่ยวไทยกับ 11 ทีม Travel Tech

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศผลผู้ชนะโครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 กิจกรรมบ่มเพาะและโจทย์ด้านการท่องเที่ยวสุดท้าทาย ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้แนวคิด WORLD...

Responsive image

ทำความรู้จักกับซิม IoT จาก SoftBank และ 1NCE จ่ายครั้งเดียว ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ปี

รู้จักซิมการ์ด IoT จาก 1NCE เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทั่วโลกใน 173 ประเทศ ด้วยค่าใช้จ่ายครั้งเดียวใช้งานได้นาน 10 ปี เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันคุ้มค่าและจัดการง่าย...