Kimberly-Cark Professional หรือ KCP ใส่ใจสุขอนามัยของคนไทย ร่วมกับ Grab Kitchen และโรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี นำร่องโครงการ “Hygiene Excellence” เพื่อยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยในธุรกิจ Food Service ให้มีความสะอาดปลอดภัยระดับมืออาชีพ
“คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล” ผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยระดับโลก นำโดย แอนดี้ แมคแนร์ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มประเทศอาเซียน กล่าวถึงโครงการ Hygiene Excellence ว่า “เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เราก้าวสู่ยุค New Normal ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การดำเนินธุรกิจ การศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสาธารณสุข ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก ทาง KCP ในฐานะแบรนด์ที่มีองค์ความรู้ด้านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานความสะอาดให้กับกลุ่มธุรกิจอาหาร (Food Service) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่มีการสั่งอาหารผ่านระบบเดลิเวอรี่มากขึ้น เราจึงได้จับมือกับ Grab Kitchen ที่ถือว่าเป็นครัวกลางในการรวบรวมอาหารยอดนิยมมาไว้ใจกลางเมืองก่อนจัดส่งไปให้ผู้บริโภค โดยเริ่มที่ Grab Kitchen สาขาตลาดสามย่านกับ 7 ร้านอาหารชื่อดัง ได้แก่ อองตองข้าวซอย เอลวิสสุกี้ อร่อยดี Brown Cafe เก้ากุ้งอบปูอบ-สุกี้ นายฮี้ต้มเลือดหมู และ Inari ซึ่งเราคาดหวังจะขยายไปที่สาขาอื่นๆ ของ Grab Kitchen ภายในปี 2564 ทั้งนี้ เราได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี สถาบันสอนทำอาหารที่ร่วมผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลก โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้าน Food Hygiene และ Food Safety ให้เกียรติมาเป็นผู้อบรมให้กับโครงการ “Hygiene Excellence” ด้วย”
โครงการ Hygiene Excellence เริ่มให้การอบรมกับร้านค้าเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยทุกร้านที่ผ่านการอบรมจะมีมาตรฐานความสะอาดถูกต้องตามหลัก Food Hygiene และ Food Safety โดยจะมีการติดสติ๊กเกอร์ Hygiene Excellence บนกล่องอาหารในทุกๆ ออเดอร์ เพื่อการันตีความสะอาดถูกสุขอนามัยของครัวและเป็นการสร้างความมั่นใจในเรื่องของรสชาติและความสะอาดปลอดภัยระดับมืออาชีพ ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ในการอบรมและประเมินครัว Grab Kitchen คือเกณฑ์การประเมินมาตรฐานคุณภาพและบริการ QSC (Quality Service and Cleanliness) ที่ประยุกต์ร่วมกับโปรแกรมของ PACCE ของ Kimberly-Clark Professional ซึ่งจะทำให้เกิดผลลัพธ์ 5 ประการ ดังนี้
2. ความพร้อมในการตรวจสอบ (Audit Readiness)
3. ประสิทธิภาพการทำความสะอาด (Cleaning Efficiency)
4. การป้องกันการปนเปื้อนข้าม (Cross-Contamination Prevention)
5. ความปลอดภัยจากการทำงาน (Exceptional Safety)
โดยโปรแกรมนี้จะช่วยตรวจตรา 7 ส่วนที่เกิดขึ้นในธุรกิจบริการอาหาร ได้แก่ บริเวณแต่งกาย บริเวณเก็บวัตถุดิบ บริเวณจัดเตรียมและปรุงอาหาร บริเวณ Cashier & Counter บริเวณรับประทานอาหาร บริเวณห้องน้ำ และบริเวณซักล้าง
“KCP เราเป็นบริษัทระดับโลกที่ร่วมมือกับธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี ปลอดภัย และมีประสิทธิผล เราพร้อมจะช่วยยกระดับมาตรฐานความสะอาดให้กับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจ SMEs เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถวางใจได้ในความสะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย” แอนดี้ แมคแนร์ กล่าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด