กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จในการผสานความร่วมมือกับ แบล็คร็อค (BlackRock) หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใน 1 ปีแรกด้วยผลงานยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ตัวแรก ‘กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE)’ กองทุนที่พัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้ากรุงศรีโดยเฉพาะ สร้างผลตอบแทนย้อนหลังสูงถึง 7% และส่งต่อองค์ความรู้ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยเตรียมออกผลิตภัณฑ์พิเศษตัวใหม่ ใช้มุมมองและความเชี่ยวชาญระดับโลก ร่วมสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมกับลูกค้ากรุงศรีในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อขับเคลื่อนกรุงศรีสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank หรือ ธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุน
กรุงศรี และ แบล็คร็อค ได้ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการสร้างความแข็งแกร่งในด้านการให้คำปรึกษา การลงทุน และการบริหารความมั่งคั่งของธนาคารตั้งแต่ในเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา
นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา กรุงศรีและแบล็คร็อคทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในหลากหลายมิติ โดยในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีมุมมองระดับโลก แบล็คร็อคมีข้อมูลในเชิงมหภาคในมุมต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างแม่นยำ ดังนั้นแบล็คร็อคได้แบ่งปันมุมมองและแนวทางการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกให้กับกรุงศรี และร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการลงทุนให้กับลูกค้าของกรุงศรีอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมสัมมนาและบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่กรุงศรีส่งมอบให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นมุมมองความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนเท่านั้น แบล็คร็อคยังได้ร่วมนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์และเป็นโอกาสการลงทุนระยะยาวอย่างในเรื่อง เทรนด์การลงทุนในความยั่งยืน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เองที่เป็นปัจจัยที่ช่วยให้กรุงศรีสามารถขับเคลื่อนสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank หรือ ธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้”
“อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถสะท้อนความสำเร็จจากความร่วมมือกันในครั้งนี้คือ ผลการดำเนินงานของ KFCORE กองทุนเปิดแบบผสมหลากสินทรัพย์ทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับลูกค้ากรุงศรีโดยเฉพาะ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยปัจจุบันมีผู้สนใจลงทุนมากกว่า 4,000 ล้านบาท และท่ามกลางตลาดที่ผันผวนกองทุน KFCORE สามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นดอลลาร์มากกว่า 7% และผลตอบแทนที่เป็นไทยบาทอยู่ที่ราว 7% ซึ่งสูงกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3-5% สิ่งสำคัญคือแบล็คร็อคมีการวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการใช้ Big Data และเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการบริหารกองทุน ทำให้มีความยืดหยุ่นสามารถปรับพอร์ตอย่างรวดเร็ว กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก หรือสามารถปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนได้อย่างเหมาะสมและถูกจังหวะเวลา โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด ปัจจุบันกรุงศรีและแบล็คร็อคกำลังเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนร่วมกัน ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มสินทรัพย์ใหม่ๆ เพื่อเป็นโอกาสการลงทุนของลูกค้ากรุงศรีในอนาคต” นายวิน กล่าวเพิ่มเติม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด