
ในยุคที่ไลฟ์สไตล์ของเราไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในห้องนั่งเล่นหรือโต๊ะทำงานอีกต่อไป คอนเซ็ปต์ของ 'จอภาพ' ก็กำลังถูกท้าทายและพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ล่าสุด LG ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดนี้อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว LG StanbyME 2 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ใช่แค่การอัปเกรดจากรุ่นแรกที่เคยสร้างกระแสไวรัล แต่คือการปฏิวัติประสบการณ์การรับชมที่มอบอิสระให้กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
LG StanbyME 2 คือคำตอบของ LG ต่อคำถามที่ว่า 'ทำไมเราต้องเดินไปหาจอ ในเมื่อจอสามารถเดินมาหาเราได้?' อุปกรณ์ชิ้นนี้ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของทีวีแบบดั้งเดิม ด้วยแนวคิดของจอไลฟ์สไตล์อัจฉริยะแบบไร้สาย ที่มาพร้อมขาตั้งและล้อเลื่อน 5 แฉกที่ซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน ทำให้คุณสามารถเข็นเพื่อนคู่ใจด้านความบันเทิงเครื่องนี้ตามติดไปได้ทุกที่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดคลิปสอนทำอาหารในห้องครัว, ดูซีรีส์เรื่องโปรดบนเตียงนอน, หรือแม้แต่เปิดวิดีโอออกกำลังกายในสวนหลังบ้าน

หัวใจสำคัญของ StanbyME 2 คือหน้าจอสัมผัสขนาด 27 นิ้ว ที่ได้รับการอัปเกรดความละเอียดขึ้นเป็น QHD (2560 x 1440p) จากเดิมในรุ่นแรกที่เป็น Full HD ซึ่งมอบความคมชัดและรายละเอียดของภาพที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ความพิเศษของมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนคือจุดขายที่ทำให้ StanbyME 2 โดดเด่นเหนือใคร
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 90Wh ที่ติดตั้งมาในตัว ให้คุณใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หมดปัญหาเรื่องสายไฟระเกะระกะและข้อจำกัดเรื่องตำแหน่งปลั๊กไฟไปโดยสิ้นเชิง

เบื้องหลังภาพและเสียงที่น่าประทับใจคือชิปประมวลผล α8 AI Processor มาพร้อมเทคโนโลยี AI Brightness Control ที่ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแสงในห้องโดยอัตโนมัติ และยังรองรับมาตรฐาน Dolby Vision เพื่อการแสดงผลภาพ HDR ที่มีมิติและความลึกของสีอย่างน่าทึ่ง
ในด้านพลังเสียง แม้จะมีลำโพงสเตอริโอ 2.0 แชนเนล กำลังขับ 10 วัตต์ แต่ด้วยเทคโนโลยี AI Sound Pro ชิป α8 จะทำการอัปมิกซ์เสียงให้กลายเป็นระบบเสียงรอบทิศทางเสมือนจริงแบบ 9.1.2 แชนเนล พร้อมรองรับ Dolby Atmos ทำให้มิติเสียงที่ได้นั้นยิ่งใหญ่เกินตัว ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระสุนในหนังแอ็คชั่น หรือเสียงบรรยากาศในสารคดี ก็สมจริงราวกับอยู่ในเหตุการณ์
LG StanbyME 2 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ webOS ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและความง่ายในการใช้งาน สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งยอดนิยมได้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Netflix, YouTube, Disney+ Hotstar หรือ Prime Video การควบคุมสามารถทำได้หลากหลาย ทั้งการสัมผัสโดยตรงที่หน้าจอ หรือจะใช้ฟังก์ชัน Far-Field Voice Recognition สั่งการด้วยเสียงผ่านคำว่า 'Hi, LG' ก็สะดวกสบายโดยไม่ต้องพึ่งพารีโมทคอนโทรล
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เก๋ๆ อย่าง Mood Maker ที่เปลี่ยนหน้าจอให้เป็นนาฬิกา, เครื่องเล่นแผ่นเสียง, หรือกรอบรูปศิลปะดิจิทัล และ Let’s Draw ที่ให้คุณใช้หน้าจอเป็นกระดานวาดภาพเพื่อปลดปล่อยจินตนาการได้อีกด้วย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด