MC รายได้เติบโต 12 เปอร์เซ็นต์ แตะ 1,132 ล้านบาท เดินเกมรุก ตอกย้ำแผน Turnaround ปันผลสูง

MC กำไรสวนกระแส นิวไฮรอบ 3 ปี เดินเกมรุก ตอกย้ำแผน Turnaround เติบโต-ปันผลสูง พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท

บมจ.แม็คกรุ๊ป โชว์ผลงาน ไตรมาสที่ 2 ปี 20 อัตรากำไร 20% รายได้เติบโต 12% แตะ 1,132 ล้านบาท ทำนิวไฮในรอบ 3 ปี ตอกย้ำสัญญาณ Turnaround ประกาศเกมรุก ใช้ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคเชิงลึก เชื่อมต่อออฟไลน์-ออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเซน ยกระดับแบรนด์ยีนส์ของคนไทย พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท ในวันที่ 4 มีนาคม 2563

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 2563 (1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2019) มีรายได้จากการขายสินค้าและอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี  โดยรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโต 9.4% โดยเฉพาะร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-Standing Shop) ที่เพิ่มขึ้น 18.4% แตะ 671 ล้านบาท ห้างสรรพสินค้า (Department Store) เพิ่มขึ้น 9.4% แตะ 368 ล้านบาท และร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้น 41.3% แตะ  94 ล้านบาท ผลักดันรายได้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปีต่อเนื่อง และรักษาอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 14 – 16%

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) รักษาระดับอยู่ที่ 58% เท่ากับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า อีกทั้งบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้จากการขาย (SG&A) อยู่ที่ 36.5% ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 39.5% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 19.8% จาก 18.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

คุณชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 2563 (1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2019) รายได้และอัตรากำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี สวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดค้าปลีกที่ปรับตัวชะลอลง สะท้อนสัญญาณ Turnaround อย่างชัดเจนนั้น เกิดจากแผนงานการบริหารจัดทัพเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพื้นฐานธุรกิจ และยกระดับแบรนด์แม็คยีนส์ ผ่านกลยุทธ์หลัก 4C

1. Customer-centric and Data-driven Approach ดึง Big Data ที่มีมายาวนานกว่า 45 ปี วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ผู้บริโภค เพื่อออกแบบและพัฒนาสินค้าใหม่ได้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย สอดรับเทรนด์ยุคปัจจุบัน  

2. Customer Base Expansion สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ด้วยการเชื่อมต่อออฟไลน์ที่มีกว่า 600 จุดในปัจจุบันเข้ากับออนไลน์ (O2O) อย่างไร้รอยต่อ ขยายความร่วมมือพันธมิตรแบรนด์ใหม่ๆ และใช้ Influencer กระตุ้นการรับรู้และจดจำแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

3. Connected Supply-chain บริหารจัดการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด  

4. Captivated Brand Experience สร้างประสบการณ์ที่ดีในแบรนด์สินค้า ผ่านคอนเซ็ปต์ Authentic Chic

“ท่ามกลางเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความท้าทายรอบด้าน ทั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาสงครามการค้า และกำลังซื้อที่ชะลอลง เราต้องบริหารจัดการให้ทุกอย่างให้ดีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ สร้าง Brand Value เพิ่มขึ้น คัดสรรสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า ไปพร้อมๆกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ จึงจะทำให้เราแข็งแรงพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนได้” คุณชนัญญารักษ์กล่าว


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

TECNO เปิดตัว POVA Slim 5G สมาร์ตโฟน 3D Curved บางที่สุดในโลก ดีไซน์ล้ำอนาคต แบตอึด 5,160 mAh

TECNO แบรนด์เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดในซีรีส์ POVA อย่างเป็นทางการ ได้แก่ TECNO POVA Slim 5G สมาร์ตโฟน 5G 3D Curved ที่บางที่สุดในโลก...

Responsive image

วีซ่า เผย 5 ประเด็นสำคัญ ด้านความปลอดภัยและการสร้างความมั่นใจในระบบชำระเงินดิจิทัลไทย จาก Visa Forum 2025

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศเดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยธุรกรรมการเงินไทย ผ่านงานฟอรัมใหญ่แห่งปีในธีม “Navigating Tomorrow: Enabling Trust, Driving...

Responsive image

depa ปิดฉากความสำเร็จ ODOS Summer Camp รุ่นที่ 1 สร้างปรากฏการณ์ปั้นดิจิทัลทาเลนต์รุ่นใหม่

depa ปิดฉากความสำเร็จ ODOS Summer Camp รุ่นที่ 1 สร้างปรากฏการณ์ปั้นดิจิทัลทาเลนต์รุ่นใหม่ พัฒนาและยกระดับศักยภาพเยาวชนไทยผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีระดับนานาชาต...