บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (“VGI”) และ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งแรก พร้อมร่วมปั้นโปรเจกต์ใหม่ เสริมความแข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า รองรับการขยายตัวทางธุรกิจด้านการสื่อสารการตลาด และผู้ผลิตคอนเทนต์ ได้สอดคลล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำการตลาดแบบ O2O Solutions ธุรกิจโฆษณาคือ 1 ใน 3 แพลตฟอร์มธุรกิจของ VGI ที่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร เราให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจร ที่ครอบคลุมเส้นทางการใช้ชีวิตและการเดินทางของผู้คนในเมืองหลวงไปจนถึงผู้คนในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน, สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน, สื่อกลางแจ้ง, สื่อประเภทสตรีทเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสื่อในสนามบินทั้งในและต่างประเทศ ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง Offline และ Online เรามีความเข้าใจอย่างแท้จริงในพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค จึงทำให้สามารถนำเสนอมุมมองสื่อโฆษณาได้ครบ 360 องศา
ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสีสันและความแปลกใหม่ให้กับวงการเพลง ด้วยการนำ MUSIC CONTENT มาสื่อสารผ่านสื่อโฆษณาของ VGI 3 ประเภท คือ การ Wrap ตัวขบวนรถไฟฟ้า (TRAIN BODY) , สื่อจอดิจิทัลบนสถานี บีทีเอส และ สื่อจอทีวีภายในขบวนรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารแบบ B2C ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส สูงถึงกว่า 1,300,000 คนต่อวัน ในขณะเดียวกัน แกรมมี่ก็ได้มอบอาวุธหลักให้ VGI ได้นำไปต่อยอดในการสร้างสรรค์แคมเปญและเพิ่มโซลูชั่นส์ในการใช้งานด้านสื่อสารการตลาดให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ทั้งยังช่วยยกระดับในการสร้างการรับรู้ และสร้างการมีส่วนร่วมให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง CONTENT ใหม่ๆได้อย่างง่ายดายมากขึ้นอีกด้วย ”
คุณภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจในฐานะที่แกรมมี่ ซึ่งเป็น MUSIC SOLUTION ซึ่งนอกจากการผลิต คอนเทนต์ที่ดีแล้วเรายังต้องมีพันธมิตรที่ดีมาช่วยขับเคลื่อน สอดคล้องกับ 1 ใน 7 ยุทธศาสตร์สำคัญที่ได้วางแนวทางไว้ นั่นคือ ยุทธศาสตร์ด้าน Media Partnership โดยปีนี้เราจะร่วมมือกับสื่อชั้นนำทั่วประเทศแบบครบวงจร รวมถึงแพลตฟอร์มรายใหญ่เพื่อการขยายฐานการเข้าถึงและการรับรู้ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สื่อทีวี, สื่อวิทยุ, สื่อ Outdoor และสื่อโรงภาพยนตร์
การร่วมมือกับ VGI ในครั้งนี้เป็นการเปิดช่องทางการค้า รวมถึงขยายช่องทางการทำการตลาดให้กับเจ้าของแบรนด์สินค้าและบริการต่าง ๆ ด้วย นับเป็นโอกาสดีที่แกรมมี่จะได้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งทางด้านสื่อที่ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคทุกระดับ ” โดยแกรมมี่ได้เสนอช่องทางการค้า ที่เรียกว่า MUSIC SOLUTION เพื่อนำมาใช้ในการร่วมมือกันครั้งนี้ ได้แก่
1. MUSIC CONTENT ในปีนี้แกรมมี่มี CONTENT เพลง ในรูปแบบของ DIGITAL ALBUM ออกมามากมาย ที่ตอบโจทย์ในการเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายทั้ง REACH & ENGAGEMENT ครอบคลุมกลุ่ม NATIONWIDE / LOCAL HERO /FANBASE และ TRENDING ALBUM อาทิ พบกับอัลบั้มเต็ม 10 เพลงใหม่เป็นครั้งแรกของวง KLEAR ในอัลบั้ม GROW IN THE DARK ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย NATIONWIDE ครอบคลุมทั่วประเทศ หรืออัลบั้มที่ตอบโจทย์ LOCAL HERO เจาะจงไปที่กลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น อย่าง อัลบั้มลำซิ่งลิซึ่ม ของหญิงลี ที่เจาะกลุ่มภาคกลาง เป็นต้น
2. DIGITAL MEDIA นอกเหนือไปจาก MUSIC CONTENT ในรูปแบบของเพลง อีกหนึ่ง ASSET ที่สำคัญของแกรมมี่ก็คือศิลปินและเหล่า INFLUENCERS ซึ่งถือได้ว่าแกรมมี่มี GMM INFLUENCER HUB กว่า 65 ล้าน FOLLOWERS ที่ทรงพลังอยู่ในมือ ครอบคลุมไปทุกกลุ่มเป้าหมาย NATIONWIDE & COVERAGE ตั้งแต่ระดับ ARTIST (ศิลปิน) / MACRO (เพจต่างๆ) ไปจนถึงระดับ LOCAL ( PAGE LOCAL) และ MICRO INFLUENCERS (INFLUENCERS ระดับ ท้องถิ่น) ทำให้สามารถสื่อสารเจาะกลุ่มได้ทั้งแนวราบและ แนวดิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ROAD TOURS กิจกรรมฟรีคอนเสิร์ต เจาะเข้าถึงตลาดภูมิภาคครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และครบวงจรในการทำ Music content คือ การทำ Online Offline และ On ground เมื่อมีอัลบั้มเพลงโปรโมทผ่านทาง Online Offline การทำ on ground คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ โดยในปีนี้มี Road tour ทั้งหมด 31 ครั้งครอบคลุมทุกพื้นที่ อาทิ แกรมมี่ซูเปอร์โชว์ บุก 8 จังหวัดเจาะพื้นที่ภาคอีสาน, CLASH Road tour 5 จังหวัด, POTATO Campus Tour รวม 10 มหาวิทยาลัย และปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 25 ปีแกรมมี่โกลด์กับเส้นทางสายมิตรภาพ 8 จังหวัด
4. SHOWBIZ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญทางธุรกิจ สำหรับคอนเสิร์ตขายบัตรทุกรูปแบบทั้ง MUSIC FESTIVAL อาทิ BIG MOUNTAIN / เชียงใหญ่เฟส / นั่งเล่น หรือ SOLO CONCERT ที่ถือได้ว่า แกรมมี่เป็นเจ้าตลาดกว่า 60% MARKET SHARE กว่า 300,000 ผู้ชมต่อปี ถือว่าเป็นช่องทางสำคัญสำหรับพาร์ทเนอร์รูปแบบ B2B ได้อย่างแท้จริง
การผนึกกำลังของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน CONTENT PROVIDER และ ด้านการตลาด O2O Solutions ในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นตลาด LIFESTYLE ให้มีความคึกคักทั้งยังตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนและเข้าถึงมากขึ้น ทั้งในแง่ของ B2C ที่เป็นผู้บริโภคเอง และกลุ่มพันธมิตร B2B ของทั้ง 2 บริษัท ฯ ซึ่งทำให้การสื่อสารการตลาดในเชิง MUSIC MARKETING มีความแปลกใหม่และน่าสนใจมากขึ้น โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำกันอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2020
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด