เสียวหมี่ (Xiaomi) ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ 3 รุ่นในตระกูล Xiaomi 11 Series ได้แก่ Xiaomi 11T Pro, Xiaomi 11T ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ใช้งาน รวมถึง Xiaomi 11 Lite 5G NE ในโฉมใหม่อีกด้วย และยังเปิดตัว Xiaomi Pad 5 และผลิตภัณฑ์ AIoT มากมาย ได้แก่ Mi Smart Projector 2, Xiaomi Mesh System AX3000 (2-Pack) และ Mi Smart Band 6 NFC ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและล้ำหน้ากว่าใคร
เสียวหมี่ได้ก้าวขึ้นมาสู่ความสำเร็จอีกขั้นด้วยการเปิดตัวขุมพลังแห่งการสร้างภาพยนตร์ Xiaomi 11T Pro สมาร์ทโฟน เครื่องแรกของเสียวหมี่ที่วางจำหน่ายทั่วโลกด้วยเทคโนโลยี 120W Xiaomi HyperCharge ซึ่งได้รับการจดกรรมสิทธิ์แล้ว เทคโนโลยีสุดล้ำนี้จะทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลาเพียงแค่ 17 นาทีเท่านั้น เป็นการเพิ่มเวลาให้บรรดาเหล่าครีเอเตอร์สามารถสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่อง และลดช่วงเวลารอให้สั้นลงจึงทำให้สามารถใช้งานได้ตลอดวัน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น dual charge pumps, โครงสร้างแบตเตอรี่แบบ dual-cell, เทคโนโลยี MT รวมไปถึงการใช้ Graphene ในแบตเตอรี่ Li-ion และเทคโนโลยี Mi-FC โดยได้รับการรับรองความปลอดภัยของแบตเตอรี่จาก TÜV Rheinland ในส่วน Safe Fast-Charge System Certification ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่และการชาร์จถึง 34 แบบ รวมถึงการเฝ้าสังเกตอุณหภูมิเครื่องแบบเรียลไทม์และการตรวจสอบด้านอื่นๆ ทั้งหมดนี้ยังมาพร้อมกับ ชิปเซ็ตระดับแฟล็กชิป Qualcomm® Snapdragon™ 888
Xiaomi 11T Pro ไม่ได้มาพร้อมกับประสิทธิภาพอันทรงพลังเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยกล้องระดับเทพถึงสามตัวเทียบชั้นกล้องโปรที่ความละเอียด 108MP ที่เป็นเลนส์ไวด์ในตัว, เลนส์ Telemacro ซูมสองเท่าและเลนส์อัลตราไวด์ 120 องศา ยิ่งไปกว่านั้น Xiaomi 11T Pro ยังเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการถ่ายภาพยนตร์ชั้นยอด เพียงแค่เปิดโหมด One-Click AI Cinema การบันทึกภาพระดับ 8K และ HDR10+ จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคโนโลยี ISO อัจฉริยะแบบเดียวกับในกล้องดิจิทัล Xiaomi 11T Pro มีหน้าจอ AMOLED ความละเอียดระดับ FHD+ ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมทั้งรีเฟรชเรท 120Hz ผสานเทคโนโลยี TrueColor และรองรับ Dolby Vision® อีกด้วย นอกจากนี้ หน้าจอยังได้รับการรับรองด้วยคะแนน A+ จาก DisplayMate หน้าจอของ Xiaomi 11T Pro สามารถแสดงสีได้กว่า 1 พันล้านสีและให้ความสว่างมากที่สุดถึง 1,000 nits อีกทั้งมีอันตรา Touch Sampling Rate ถึง 480Hz และเคลือบด้วยกระจก Corning® Gorilla® รุ่น Corning® Gorilla® Glass Victus™ เพื่อเสริมความทนทานอีกขั้น Xiaomi 11T Pro รองรับการแสดงผลภาพแบบ Dolby Vision® ผู้ใช้จึงสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยสีสันสดคมชัด สว่างไหวและเก็บได้ครบทุกรายละเอียด นอกจากนี้ หน้าจอของ Xiaomi 11T Pro ยังมีฟีเจอร์ถนอมสายตาหลากหลายรูปแบบเพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากอาการตาอ่อนล้า เช่น ฟังก์ชั่น True Display ปรับสีอุณหภูมิหน้าจอโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้งานอยู่ รวมถึง Reading Mode 3.0 นอกจากนี้ Xiaomi 11T Pro ยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos® ด้วยลำโพงคู่ให้เสียงทุ่มนุ่มนวลระดับ SOUND BY Harman Kardon ให้เสียงกระหึ่มไม่ว่าจะเพลิดเพลินคอนเทนต์รูปแบบใด ทั้งฟังเพลง, ภาพยนตร์, Podcast หรือเล่นเกม
ให้ทุกคนเข้าถึงประสบการณ์แบบ Cinemagic ได้อย่างง่ายดาย Xiaomi 11T อัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมาย อาทิ กล้อง หลังสามตัว ประกอบด้วย กล้องหลักเลนส์ไวลด์ความละเอียด 108MP, เลนส์อัลตราไวลด์ 120 องศา, เลนส์ Telemacro ซูม 2 เท่า และยังมีโหมด One-Click AI Cinema ให้ผู้ใช้เนรมิตเทคนิคการถ่ายแบบระดับมืออาชีพด้วยฟีเจอร์อย่าง Time Freeze, Magic Zoom และอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น Audio Zoom ที่สามารถซูมเสียงที่อยู่ไกลได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
Xiaomi 11T มีหน้าจอ AMOLED ความละเอียดระดับ HDR10+ ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมทั้งรีเฟรชเรท 120Hz แสดงผลได้ 1 พันล้านสีและอัตรา Touch Sampling Rate 480Hz ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บภาพที่สวยงามได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วจากการแตะเบาๆ บนหน้าจอ เพลิดเพลินกับการใช้งานได้ตลอดวัน ด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ที่มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จ 67W แบบใช้สายที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในเวลาแค่ 36 นาที*
Xiaomi 11T Pro และ Xiaomi 11T มาใน 3 สี ได้แก่ สีเท่า Meteorite Gray, สีขาว Moonlight White และสีน้ำเงิน Celestial Blue
เสียวหมี่เผยโฉม Xiaomi 11 Lite 5G NE สุดล้ำสวยสะกดทุกสายตา ที่มาพร้อมกับความบางเบาเพียง 6.81 มิลลิเมตรและน้ำหนักเพียง 158 กรัม มีขอบด้านบนและด้านข้างบางเฉียบเพียง 1.88 มิลลิเมตร มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี อย่าง สีดำ White Truffle Black, สีฟ้า Bubblegum Blue และสีชมพู Peach Pink ที่กลับมาอีกครั้งในรุ่นนี้และสีใหม่ล่าสุดจากเสียวหมี่อย่างสีขาว Snowflake White สวยงามราวกับหิมะที่เพิ่งตก Xiaomi 11 Lite 5G NE ยังมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED DotDisplay ขนาด 6.55 นิ้ว รองรับ TrueColor ระดับ 10-bit และ Dolby Vision® Xiaomi 11 Lite 5G NE จึงให้คุณภาพแสงและสีสันที่งดงาม ที่มาพร้อมกับความสว่าง ความคมชัดและความละเอียดน่าทึ่ง นอกจากนี้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีกล้องเอกสิทธิ์ระดับ Xiaomi 11 Series โดย Xiaomi 11 Lite 5G NE มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 64MP เลนส์อัลตราไวด์ขนาด 8MP และเลนส์ Telemacro ขนาด 5MP โดยยังมีฟีเจอร์ AI ต่างๆ อาทิ One-click AI Cinema และ Cinematic video filter ตลอดจนโหมดการถ่าย Vlog แบบใหม่
Xiaomi 11 Lite 5G NE ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon™ 778G ชิปเซ็ต 5G ยกระดับการใช้งาน 5G ในชีวิตประจำวัน สามารถสตรีมวิดีโอ HD หรือจัดเกมหนักๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะสะดุด รวมถึงยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการวิดีโอคอลได้อย่างชัดเจน มีแบตเตอรี่ขนาด 4250mAh และมาพร้อมกับระบบฟาสชาร์จ 33W ที่สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายในระยะเวลารวดเร็ว Xiaomi 11 Lite 5G NE วางจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ 6GB + 128GB, 8GB + 128GB และ 8GB + 256GB โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 369 ยูโร
นอกจากสมาร์ทโฟนอันเยี่ยมยอดแล้ว เสียวหมี่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีชีวิตอย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ AIoT จากเสียวหมี่ที่สามารถตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี นำทัพโดย Xiaomi Pad 5, Mi Smart Projector 2, Xiaomi Mesh System AX3000 (2-pack) และ Mi Smart Band 6 NFC
Xiaomi Pad 5 คือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานหรือในห้องเรียน และยังสามารถเป็นอุปกรณ์สร้างความบันเทิงขนาดพกพาระดับพรีเมียมได้อีกด้วย
Xiaomi Pad 5 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Cosmic Gray และสีขาว White Pearl ใน 2 ขนาด 6GB+128GB ราคาเริ่มต้น 349 ยูโร และ 6GB+256GB ราคาเติ่มต้น 399 ยูโร
การระบาดของโควิด-19 ทำให้เสียวหมี่คิดค้นวิธีใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย มีสุขภาพที่ดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะท่ามกลางการเว้นระยะห่างทางสังคม และเพื่อให้ผู้ใช้ได้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เสียวหมี่จึงเริ่มปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ โดยเริ่มจากอุปกรณ์ส่วมใส่ในชีวิตประจำวัน เมื่อเดือนมีนาคม 2563 เสียวหมี่ได้เปิดตัว Mi Smart Band 6 ที่เพิ่มฟังก์ชั่นการวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้มอนิเตอร์ระบบทางเดินหายใจของตนเอง รวมไปถึงฟีเจอร์การตรวจสอบสถานะของสุขภาพทั้งหมด เช่น การนอน การตรวจจับระดับความเครียด การช่วยกำหนดลมหายใจ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กันได้ และในตอนนี้ เสียวหมี่จับมือร่วมกับ Mastercard และทำให้ Mi Smart Band 6 อุปกรณ์สวมใส่อันดับ 1 ของโลก กลับมาเฉิดฉายในสปอตไลท์อีกครั้ง โดยมุ่งไปที่การจ่ายเงินแบบไร้การสัมผัส โดยเพิ่มฟีเจอร์เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง NFC เข้าไป ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดนี้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกต่อการชำระมากที่สุด โดยการชำระเงินสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าครั้งใดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายของซุปเปอร์มาร์เก็ต ชำระค่าบริการรถสาธารณะ หรือชำระค่ากาแฟ นอกจากนี้ สมาร์ทแบนด์อัจฉริยะอย่าง Mi Smart Band 6 NFC โฉมใหม่ ยังมีฟีเจอร์ในตัวที่รวมถึง Alexa ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Amazon ที่จะมายกระดับประสบการณ์การใช้งานให้แก่บรรดาเจ้าของบ้านสมาร์ทโฮมในปัจจุบันอีกด้วย โดย Mi Smart Band 6 NFC ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 54.9 ยูโร
เสียวหมี่ยังเปิดตัวอุปกรณ์ให้ความบันเทิงโฉมใหม่ในกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฮม ได้แก่ โปรเจคเตอร์อัจฉริยะ Mi Smart Projector 2 ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 1920 x 1080 Full HD ในขนาดกะทัดรัด ใช้สะดวก ง่ายต่อการพกพา และสามารถต่อเข้ากับทุกอุปกรณ์อัจฉริยะแบบที่ผู้ใช้งานต้องการ และยังรองรับ Dolby Audio™ ที่จะทำให้โปรเจคเตอร์ตัวนี้สามารถให้เสียงที่คุณภาพชัดใสในทุกรูปแบบ และด้วยฟีเจอร์การแก้ไขความตั้งฉากอัตโนมัติ รวมถึงออโต้โฟกัสที่มีหลากหลายมุม โปรเจคเตอร์อัจฉริยะตัวนี้จะสามารถให้ภาพที่เป็นสี่เหลี่ยมสมมาตรเมื่อฉายบนกำแพงส่วนใหญ่ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการที่มีระบบ Android TV™ในตัวซึ่งมาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant ผลิตภัณฑ์นี้จึงไม่ได้แค่ให้ความบันเทิงอย่างแก่ผู้ใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้ฟังก์ชั่นคำสั่งเสียงกับทุกอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอัจฉริยะได้เช่นกัน โดย Mi Smart Projector 2 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 599 ยูโร
ที่สุดแห่งเราเตอร์ทรงพลังโฉมใหม่อย่าง Xiaomi Mesh System AX3000 (2-Pack) มาพร้อมกับการถูกออกแบบให้เป็นจุดเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้าน ซึ่งมี Dual-Band Wi-Fi 6 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,000 ตารางฟุต และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากถึง 254 ชิ้นอีกด้วย7 ไม่ว่าจะมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่แล้วกี่ชิ้นก็ตาม เราเตอร์ทรงพลังตัวนี้จะให้ช่องสัญญาณที่มีประสิทธิภาพและลดความเร็วในการตอบสนองระหว่างเครื่อง (latency) ด้วย 1024QAM Modulation รวมถึง OFDMA และการรองรับเทคโนโลยี 2x2 MIMO การเชื่อมต่อไร้สายแบบตาข่ายอัจฉริยะนี้ยังรองรับการสลับเน็ตเวิร์ค โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ใช้อย่างไร้การสะดุดในขณะที่เดินไปมาจากห้องสู่ห้อง นอกจากนี้ อุปกรณ์ตัวนี้ยังสามารถสร้างระบบ Self-repairing เพื่อจัดระบบช่องสัญญาณใหม่เมื่อตรวจพบว่ามีอุปกรณ์บางชิ้นอยู่ในโหมดออฟไลน์ จึงทำให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อกับ Wi-Fi 6 ได้ตลอดทุกช่วงเวลา โดย Xiaomi Mesh System AX3000 (2-pack) ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 149 ยูโร
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ Xiaomi 11T Pro, Xiaomi 11T, Xiaomi 11 Lite 5G NE, Xiaomi Pad 5,, Mi Smart Projector 2, Xiaomi Mesh System AX3000 และสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ (One-pager) Xiaomi 11T Pro, Xiaomi 11T, Xiaomi 11 Lite 5G NE, Xiaomi Pad 5, Mi Smart Projector 2, Xiaomi Mesh System AX3000
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด