
ย้อนกลับไปในยุคดึกดำบรรพ์ ทวีปอเมริกาเหนือเคยเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดมหึมาราวกับหมีดำ สัตว์ที่สามารถขนย้ายหินก้อนยักษ์ด้วยปากเปล่า พวกมันคือบรรพบุรุษของ Castor canadensis หรือ 'บีเวอร์' ในปัจจุบัน ครั้งหนึ่งพวกมันเคยมีจำนวนมหาศาลถึง 400 ล้านตัว ครอบครองพื้นที่ด้วยฟันหน้าสีส้มที่เสริมความแกร่งด้วยธาตุเหล็ก ใช้โค่นต้นไม้ใหญ่เพื่อสร้างอาณาจักรครึ่งบกครึ่งน้ำตามสัญชาตญาณที่ฝังลึกใน DNA ทว่า การล่าสัตว์เพื่อเอาขนของมนุษย์อย่างไม่ปรานีได้ทำให้ประชากรบีเวอร์ลดฮวบลงกว่า 97.5% เหลือเพียงตำนานของนักสร้างเขื่อนผู้ยิ่งใหญ่
เป็นเวลานานที่บีเวอร์ถูกมองว่าเป็นเพียงสัตว์ฟันแทะที่สร้างความรำคาญ แต่ในปัจจุบัน มุมมองนั้นกำลังเปลี่ยนไป เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าบีเวอร์คือ 'ผู้จัดการชีวมณฑล' (Autonomous Biosphere Managers) ที่อาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการต่อสู้กับความโกลาหลของสภาพภูมิอากาศ
แต่ด้วยจำนวนที่เหลือเพียงราว 10 ล้านตัว พวกมันไม่สามารถสร้างเขื่อนได้รวดเร็วพอที่จะกอบกู้สิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายโดยอุตสาหกรรมได้ คำถามที่น่าสนใจจึงเกิดขึ้น: จะเป็นอย่างไรหากมนุษย์เริ่มคัดลอกสถาปัตยกรรมที่บีเวอร์สร้างขึ้น? คำตอบคือ มันเวิร์กมาก!
ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Restoration Ecology หัวข้อ 'Beaver-related restoration and freshwater climate resilience across western North America' นำโดย Jesse A.S. Burgher และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Washington State University (WSU) ได้เจาะลึกถึงแนวคิด 'Beaver-mimicry' หรือการเลียนแบบบีเวอร์
จากการประเมินผลการศึกษาที่เกี่ยวข้องกว่า 161 ชิ้น ทีมวิจัยฟันธงว่าเขื่อนบีเวอร์ (และสิ่งที่มนุษย์สร้างเลียนแบบ) ทำได้มากกว่าแค่การกักเก็บน้ำในบ่อลึก แต่มันคือเครื่องมือทรงพลังในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความมหัศจรรย์ของโครงสร้างเหล่านี้คือความสามารถในการช่วยให้ทางน้ำฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิของน้ำในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนระอุ เชื่อมโยงพื้นที่ราบน้ำท่วมถึง (Flood Plains) เข้าด้วยกัน และที่สำคัญคือช่วยป้องกันการลุกลามของไฟป่า ผลลัพธ์ที่ได้คือ 'ความหลากหลายทางชีวภาพ' ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับธรรมชาติ
Jonah Piovia-Scott รองศาสตราจารย์จาก WSU Vancouver และผู้เขียนอาวุโสของงานวิจัย ระบุว่าปัจจุบันมีการวิจัยเชิงรุกมากมายเกี่ยวกับการสร้าง 'เขื่อนเทียมเลียนแบบบีเวอร์' (Beaver-Dam Analogues หรือ BDAs) ซึ่งถักทอขึ้นจากต้นวิลโลว์และพืชพรรณต่างๆ
"แนวทางปฏิบัติที่มีการใช้งานแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ ในภูมิภาคของเรา" เขากล่าวถึงพื้นที่แปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่ Bridge Creek รัฐออริกอน ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำ John Day นักนิเวศวิทยาได้สร้าง BDAs จำนวนมากและพบว่ามันช่วยเพิ่มประชากรปลาหลากชนิด รวมถึงปลาเทราต์สายรุ้ง (Steelhead trout) ที่กำลังถูกคุกคาม
แม้ผลลัพธ์จะดูสวยหรู แต่ Piovia-Scott เตือนว่า "อัตราการนำแนวทางนี้ไปใช้นั้น รวดเร็วกว่างานวิจัยที่มีอยู่มาก" สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนคือการเชื่อมช่องว่างระหว่าง ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ กับ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงหน้างาน โดยเฉพาะความไม่แน่ใจว่าผลสำเร็จในพื้นที่หนึ่งจะสามารถนำไปใช้กับระบบนิเวศที่แตกต่างกันได้หรือไม่
เป้าหมายสำคัญของทีมวิจัยคือการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับชนเผ่าพื้นเมืองและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ต้องการฟื้นฟูประชากรบีเวอร์ ซึ่ง Jesse A.S. Burgher ผู้เขียนหลักของงานวิจัยเองก็ดำรงตำแหน่งผู้จัดการโครงการสัตว์ป่าของเผ่า Cowlitz Indian ด้วย
"พวกเขามีความเชี่ยวชาญหน้างานมากกว่าผมที่เป็นนักวิจัยเสียอีก" Piovia-Scott ยอมรับ แต่เขาก็ชี้ให้เห็นว่า แม้ทักษะจะสูงแค่ไหน องค์กรเหล่านี้มักไม่มีทุนวิจัยขนาดใหญ่ ดังนั้น การจับมือกันจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนความรู้หน้างานให้กลายเป็นองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ที่ยั่งยืน เพื่อกอบกู้โลกใบนี้ร่วมกัน
ที่มา: New Atlas
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด