เปิดรายงาน WEF 2025 ‘10 เทคโนโลยีช่วยเปลี่ยนโลก’ แผนที่เอาตัวรอดของมวลมนุษยชาติ จากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

10 Emerging Technology Solutions for Planetary Health

ตั้งแต่โปรตีนจากห้องแล็บ สู่คอนกรีตดูด CO2 นี่คือแนวทางของเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่กำลังเกิดขึ้นจริง และอาจเป็นความหวังเดียวของมวลมนุษยชาติ

รายงานล่าสุดจาก World Economic Forum (WEF) ในชื่อว่า “10 Emerging Technology Solutions for Planetary Health” (10 เทคโนโลยีเกิดใหม่เพื่อสุขภาวะของโลก) ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความหวัง แต่เริ่มด้วยความจริงอันน่าตกใจจากนักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ Johan Rockström ที่ว่า ณ ปี 2025 มนุษยชาติได้ทำลาย ‘ขอบเขตความปลอดภัยของดาวเคราะห์’ (Planetary Boundaries) ซึ่งเป็นเกณฑ์ชี้วัดความอยู่รอดของระบบนิเวศโลก ไปแล้วถึง 7 จาก 9 ข้อ

เรากำลังอยู่ในจุดที่โลกบอบช้ำอย่างหนักและอนาคตก็คาดเดาไม่ได้ แต่รายงานฉบับนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อตอกย้ำความสิ้นหวัง WEF ร่วมกับ Frontiers ได้ศึกษาและชี้ให้เห็นถึงแสงสว่างปลายอุโมงค์ ผ่าน 10 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่กำลังออกจากห้องแล็บสู่โลกความเป็นจริง เทคโนโลยีเหล่านี้คือทางรอดที่อาจช่วยให้เราดึงโลกกลับมาจากปากเหวแห่งวิกฤตได้ทันเวลา

10 Emerging Technology Solutions for Planetary Health

ปฏิวัติระบบอาหารและการจัดการของเสีย (The New Food Matrix)

ระบบอาหารและขยะคือหนึ่งในตัวการหลักที่สร้างภาระให้โลก เทคโนโลยีกลุ่มนี้จะเข้ามาทลายวงจรการผลิตแบบเดิมๆ ที่ทำลายล้างโลก

1. การหมักแม่นยำสูง (Precision Fermentation) สู่จุดจบของฟาร์มปศุสัตว์?

ลืมวัวและไก่ไปได้เลย เพราะโปรตีนแห่งอนาคตกำลังถูกต้มขึ้นในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ

  • เทคโนโลยีคืออะไร: ไม่ใช่การหมักเบียร์ธรรมดา แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังใช้เทคโนโลยีชีววิศวกรรมเพื่อปรับแต่งจุลินทรีย์ (เช่น ยีสต์และแบคทีเรีย) ให้กลายเป็นโรงงานจิ๋วที่มีประสิทธิภาพสูง พวกมันจะถูกเลี้ยงด้วยน้ำตาลจากพืชในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ (Bioreactor) และถูกตั้งโปรแกรมให้ผลิตโปรตีนจำเพาะที่มีโครงสร้างเหมือนกับโปรตีนในนมวัว (เวย์, เคซีน) หรือไข่ไก่ทุกประการ โดยไม่ต้องใช้สัตว์แม้แต่ตัวเดียว
  • สำคัญอย่างไร: ตัวเลขผลกระทบนั้นน่าทึ่งมาก ผลการประเมินวัฏจักรผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) ชี้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 72-97%, ลดการใช้น้ำ 81-99%, และลดการใช้ที่ดินได้มากถึง 99% เมื่อเทียบกับการผลิตนมวัวแบบดั้งเดิม
  • เกิดขึ้นจริงแล้วที่ไหน: สตาร์ทอัพอย่าง Perfect Day ได้รับการอนุมัติโปรตีนเวย์ไร้สัตว์จาก FDA สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2020 และกำลังขยายการผลิตไปทั่วโลก
  • จุดเปลี่ยนสำคัญ: ความท้าทายคือ กฎหมายความปลอดภัยทางอาหารที่ซับซ้อน, เงินลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่, และการสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรที่อยู่ในระบบปศุสัตว์แบบดั้งเดิม

2. อัปไซเคิลขยะอาหารอัตโนมัติ (Automated Food Waste Upcycling) เมื่อ AI จัดการขยะในถัง

ในปี 2022 แค่ขยะอาหารจากครัวเรือนทั่วโลกก็มีปริมาณมากกว่า 1 พันล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่ไปจบลงที่หลุมฝังกลบและปล่อยก๊าซมีเทนออกมา

  • เทคโนโลยีคืออะไร: การผสมผสานระหว่าง AI, Computer Vision และแขนกลหุ่นยนต์ ทำให้เกิดระบบคัดแยกขยะอาหารออกจากขยะประเภทอื่นได้อย่างแม่นยำ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ Near-infrared และ Hyperspectral ทำให้เครื่องจักรสามารถจำแนกเศษอาหารได้ทันที แม้ว่าอาหารจะเน่าเสียหรือปะปนกับบรรจุภัณฑ์ก็ตาม
  • สำคัญอย่างไร: เทคโนโลยีนี้สร้างสายพานวัตถุดิบอินทรีย์ที่สะอาด เพื่อนำไป 'Upcycle' เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น อาหารสัตว์, ก๊าซชีวภาพ, พลาสติกชีวภาพ และปุ๋ยหมักคุณภาพสูง ตลาดผลิตภัณฑ์ Upcycled Food ทั่วโลกมีมูลค่าแล้วกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
  • เกิดขึ้นจริงแล้วที่ไหน: กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด โดยใช้ระบบอัตโนมัตินำขยะอาหารกว่า 95% ออกจากหลุมฝังกลบได้สำเร็จ ขณะที่บริษัทอย่าง Orbisk กำลังติดตั้งระบบยูนิตขนาดเล็กในครัวโรงแรมและซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง
  • จุดเปลี่ยนสำคัญ: การจะขยายผลได้ ต้องอาศัยนโยบายระดับประเทศที่บังคับให้มีการแยกขยะอาหาร และการสนับสนุนทางการเงินเพื่อให้ระบบนี้เข้าถึงได้ในประเทศกำลังพัฒนา ไม่ใช่แค่ในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น

Decarbonize ภาคอุตสาหกรรมหนัก

คอนกรีต, ปุ๋ย, และก๊าซมีเทน คือ ตัวร้ายในสมการโลกร้อนที่จัดการได้ยากที่สุด แต่นวัตกรรมเหล่านี้กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนเกม

3. การผลิตแอมโมเนียสีเขียว (Green Ammonia Production) ปุ๋ยสะอาดเพื่อโลก

แอมโมเนียคือหัวใจของปุ๋ยเคมีที่หล่อเลี้ยงประชากรโลก แต่กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม (Haber-Bosch) คือหายนะทางสิ่งแวดล้อมที่ใช้พลังงานถึง 2% ของพลังงานทั้งโลก

  • เทคโนโลยีคืออะไร: Green Ammonia เข้ามาแทนที่ก๊าซธรรมชาติ ในกระบวนการผลิตด้วยไฮโดรเจนสีเขียว (ที่ผลิตจากการแยกน้ำด้วยไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน) นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สามารถเปลี่ยนไนโตรเจนในอากาศให้เป็นแอมโมเนียได้โดยตรงด้วยไฟฟ้า ลดขั้นตอนและลดการปล่อยคาร์บอน
  • สำคัญอย่างไร: ไม่เพียงแต่จะทำให้ปุ๋ยสะอาดขึ้น แต่ยังปูทางให้แอมโมเนียกลายเป็น 'เชื้อเพลิงสะอาดแห่งอนาคต' สำหรับอุตสาหกรรมการเดินเรือ และเป็นตัวกลางสำหรับกักเก็บพลังงานหมุนเวียน
  • เกิดขึ้นจริงแล้วที่ไหน: โครงการนำร่องเกิดขึ้นแล้วใน 15 ประเทศ ท่าเรือทั่วโลกเริ่มออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับแอมโมเนียในฐานะเชื้อเพลิงเรือแล้ว
  • จุดเปลี่ยนสำคัญ: ต้นทุนการสร้างโรงงานและเครื่องผลิตไฮโดรเจน (Electrolyzer) ยังสูงมาก หากไม่มีนโยบายราคาคาร์บอนที่เข้มแข็ง ก็ยากที่จะแข่งขันกับแอมโมเนียจากฟอสซิลที่ราคาถูกกว่า

4. การดักจับและใช้ประโยชน์จากมีเทน (Methane Capture & Utilization) เปลี่ยนวายร้ายให้กลายเป็นพระเอก

ก๊าซมีเทนร้ายกว่า CO2 ถึง 80 เท่า ในระยะ 20 ปีแรก การลดมีเทนจึงเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการชะลอโลกร้อน

  • เทคโนโลยีคืออะไร: เซ็นเซอร์ขนาดเล็กและเทคโนโลยีการถ่ายภาพรุ่นใหม่ ช่วยให้เราตรวจจับการรั่วไหลของมีเทนจากแหล่งต่างๆ เช่น ฟาร์ม, หลุมฝังกลบ, และเหมืองถ่านหินร้าง ได้อย่างคุ้มค่า จากนั้นเทคโนโลยีตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalytic) จะเข้ามาเปลี่ยนมีเทนที่ดักจับได้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า เช่น เมทานอลสีเขียว (Green Methanol)
  • สำคัญอย่างไร: การสกัดกั้นมีเทนก่อนที่มันจะลอยสู่ชั้นบรรยากาศ เปรียบเสมือนการ เหยียบเบรกให้กับภาวะโลกร้อนอย่างฉับพลัน
  • เกิดขึ้นจริงแล้วที่ไหน: บริษัทอย่าง Frost Methane Labs กำลังติดตั้งระบบดักจับมีเทนในเหมืองร้าง ขณะที่โครงการอื่นๆ กำลังเปลี่ยนก๊าซชีวภาพจากฟาร์มโคนมให้เป็นพลังงาน
  • จุดเปลี่ยนสำคัญ: ความเสี่ยงสูงสุดคือเทคโนโลยีนี้อาจถูกใช้เป็นข้ออ้างของอุตสาหกรรมฟอสซิลเพื่อยืดอายุการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไป นโยบายจึงต้องชัดเจนว่านี่คือเครื่องมือสำหรับจัดการ 'การปล่อยก๊าซที่มีอยู่เดิม' ไม่ใช่ใบอนุญาตให้สร้างมลพิษเพิ่ม

5. คอนกรีตสีเขียว (Green Concrete) เมื่อสิ่งก่อสร้างกลายเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน

คอนกรีตคือวัสดุที่มนุษย์ใช้มากที่สุดในโลก ส่วนผสมหลักอย่างปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (Portland cement) ตัวเดียวรับผิดชอบการปล่อย CO2 ถึง 8% ของทั้งโลก

  • เทคโนโลยีคืออะไร: มี 2 นวัตกรรมหลัก คือ 1) สารยึดเกาะจีโอโพลีเมอร์ (Geopolymer Binders) ที่ใช้ของเสียจากอุตสาหกรรม เช่น เถ้าลอยจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาแทนที่ปูนซีเมนต์ และ 2) การทำให้ CO2 กลายเป็นแร่ (CO2 Mineralization) ซึ่งเป็นการอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับมาเข้าไปในเนื้อคอนกรีตระหว่างการผลิต ทำให้ CO2 ถูกกักเก็บอย่างถาวรในรูปของแร่
  • สำคัญอย่างไร: เปลี่ยนสถานะของสิ่งก่อสร้างจากผู้สร้างมลพิษให้กลายเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน (Carbon Sink) ขนาดใหญ่
  • เกิดขึ้นจริงแล้วที่ไหน: สตาร์ทอัพ Sublime Systems ใช้กระบวนการทางไฟฟ้าเคมีผลิตซีเมนต์ที่ลดการปล่อยก๊าซได้กว่า 90% และมีการสร้างบ้านต้นแบบจากขยะการก่อสร้างที่เสริมด้วยเทคโนโลยีดูดซับ CO2 นี้แล้ว
  • จุดเปลี่ยนสำคัญ: อุตสาหกรรมก่อสร้างนั้นอุ้ยอ้ายและเปลี่ยนแปลงช้า การยอมรับในวงกว้างจึงขึ้นอยู่กับการปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้าง (Building Codes) และการสร้างแรงจูงใจผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ

สู่ดาวเคราะห์อัจฉริยะ (The Intelligent Planet)

เทคโนโลยีกลุ่มสุดท้ายคือการสร้างระบบเครือข่ายอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกัน เพื่อบริหารจัดการพลังงาน, น้ำ และผืนดินได้อย่างชาญฉลาดและทันท่วงที

6. ระบบชาร์จอัจฉริยะแบบสองทิศทาง (Next-Gen Bi-Directional Charging)

ถ EV ของคุณคือโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่ ด้วยจำนวนรถ EV เกือบ 58 ล้านคัน ทั่วโลก พลังงานในแบตเตอรี่คือสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ เทคโนโลยี Vehicle-to-Grid (V2G) ทำให้รถสามารถ 'ขายไฟ' คืนสู่ระบบเพื่อสร้างเสถียรภาพในช่วงพีคได้ ตัวอย่างเช่น รถโรงเรียนไฟฟ้าในสหรัฐฯ ทำเงินจากการขายไฟคืนให้กริดในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน

7. การสำรวจโลกที่แม่นยำและทันท่วงที (Timely and Specific Earth Observation) 

นี่คือการสร้าง Digital Twin ของโลกทั้งใบ ด้วยการรวมข้อมูลจากดาวเทียม, โดรน, และเซ็นเซอร์ภาคพื้นดิน เข้ากับการวิเคราะห์ของ AI ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกแบบเรียลไทม์ โครงการ Destination Earth ของยุโรปกำลังสร้างโมเดลจำลองโลกเพื่อพยากรณ์น้ำท่วมและภัยแล้ง

8. พลังงานความร้อนใต้พิภพแบบโมดูลาร์ (Modular Geothermal Energy) 

พลังงานความร้อนใต้พิภพที่ไปได้ทุกที่ ด้วยเทคนิคการขุดเจาะที่ล้ำหน้า ทำให้เราสามารถติดตั้งโรงไฟฟ้าความร้อนใต้พิภพขนาดเล็กได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งภูเขาไฟ Google จับมือกับ Fervo Energy เพื่อใช้พลังงานนี้กับ Data Center ของตนเองในรัฐ Nevada แล้ว

9. การแยกเกลือจากน้ำทะเลแบบหมุนเวียน (Regenerative Desalination) 

ในขณะที่โลกกำลังขาดแคลนน้ำจืด เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ (โดย Desolenator) หรือคลื่น (โดย Oneka) ไม่เพียงแต่ผลิตน้ำจืด แต่ยังสามารถสกัดแร่ธาตุมีค่าออกจากน้ำเกลือเข้มข้นที่เหลือทิ้ง ลดการปล่อยของเสียพิษลงสู่ทะเล

10. เทคโนโลยีสุขภาพดินแบบบูรณาการ (Soil Health Technology Convergence)

เหมือนการตรวจสุขภาพให้กับผืนดิน การรวมเซ็นเซอร์พกพา, AI, และเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์ (Microbiome) ช่วยให้เกษตรกรเข้าใจสุขภาพดินได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถฟื้นฟูหน้าดิน, เพิ่มการกักเก็บคาร์บอน และลดการใช้ปุ๋ยเคมีเกินความจำเป็น

ถึงเวลาลงมือสร้าง

สารจาก World Economic Forum คือการมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังและมีการคำนวณมาแล้ว เทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการได้มาถึงแล้วหรือกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ลำพังนวัตกรรมอย่างเดียวคือทางตัน

รายงานสรุปว่า การบรรลุอนาคตที่ยั่งยืน 'จะต้องอาศัยการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่ไปกับนโยบาย, การลงทุน, และการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ' 

ดังนั้น ยุคของคำว่า 'ถ้าหาก' ได้จบสิ้นลงแล้ว และ ยุคของคำว่า 'ทำอย่างไร' ได้เริ่มต้นขึ้น คำถามเดียวที่เหลืออยู่คือ เรามีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะสร้างมันขึ้นมาหรือไม่? 

ที่มา: Weforum.org

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำไมญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีกว่าประเทศไหนในโลก? ถอดบทเรียนการออกแบบชีวิต เมือง และสังคมให้ไม่ล้มเมื่อโลกสั่น

ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้อย่างโดดเด่นเพราะมี ‘วัฒนธรรมความยืดหยุ่น’ ที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวัน งานวิจัยของศาสตราจารย์ Miho Mazereeuw และหนังสือ Design Before Disaster เผยให้เห็นว่าก...

Responsive image

สตาร์ทอัพสวิสฯ พัฒนา ‘Aurin’ เปลี่ยนปัสสาวะเป็นปุ๋ยพรีเมียม จากเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียที่ ESA รับรอง

รู้จัก VunaNexus สตาร์ทอัพสวิสที่นำเทคโนโลยีอวกาศจาก ESA มาเปลี่ยนปัสสาวะให้เป็นปุ๋ย "Aurin" ช่วยลดมลพิษไนโตรเจนและสร้างระบบหมุนเวียนสารอาหารที่ยั่งยืนในอาคารสูง...

Responsive image

Solar Cell ย้อนกลับ? นวัตกรรมจาก Stirling Engine ปั่นไฟจากความเย็นยามค่ำคืน ไม่ง้อแดดและแบตเตอรี่

นวัตกรรม Stirling Engine ผสาน Radiative Cooling ผลิตพลังงานกลจากความเย็นยามค่ำคืน ไม่ง้อแสงอาทิตย์ ไม่ใช้แบตเตอรี่ ทางเลือกใหม่เพื่อการระบายอากาศในโรงเรือนและบ้านประหยัดพลังงาน...