แน่นอนว่าเรื่องการแบน TikTok ในสหรัฐฯ กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้ง เพราะวันที่ 19 มกราคม 2568 คือเส้นตายที่กำหนดไว้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง TikTok จะถูกลบออกจาก App Store ในสหรัฐฯ ซึ่งนั่นหมายถึงการปิดประตูสำหรับผู้ใช้ในประเทศนี้
ยิ่งใกล้ถึงวันนั้นเท่าไหร่ ผู้ใช้งานชาวอเมริกันก็เริ่มมองหาแอปทางเลือกกันมากขึ้น และหนึ่งในแอปที่กำลังถูกพูดถึงก็คือ RedNote หรือที่รู้จักในชื่อ Xiaohongshu ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสในหมู่คนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ ล่าสุด Techcrunch รายงานว่า การที่ RedNote กลายเป็นกระแสนี้ยังส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ให้กับแอปเรียนภาษาจีนอย่าง Duolingo โตขึ้นกว่า 216% ในช่วงเวลาเดียวกัน
เป็นเพราะ RedNote ถูกออกแบบมาเพื่อตลาดผู้ใช้ในจีนเป็นหลัก ทำให้ภาษาหลักในแอปคือภาษาจีนกลาง การที่ผู้ใช้ชาวอเมริกันจำนวนมากอยากเข้ามาในวงการนี้ จึงทำให้พวกเขาต้องเร่งมือเรียนภาษาจีนกลางผ่านแอปเรียนภาษาอย่างเร่งด่วน
มีชาวเน็ตบางส่วนในไทยก็มองว่าหรือนี่จะเป็นการประท้วงเพราะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล บางส่วนมองว่าเป็นการปั่นกระแส แต่สิ่งที่น่าสนใจจากเหตุการณ์นี้ก็คือ ทำไมชาวอเมริกันถึงดิ้นรนเพื่อจะใช้ TikTok ขนาดนั้น มันสำคัญกับพวกเขาอย่างไร ?
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งาน TikTok สูงสุดในโลกที่ 170 ล้านคน และเหตุผลหลักมาจากเรื่องนี้แหละ ยิ่งเข้าถึงคนได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจาก TikTok มีบริษัทแม่คือ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีน ทำให้เกิดความกังวลว่าสิ่งนี้อาจเปิดช่องให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐฯ หรือใช้แพลตฟอร์มนี้ในการเผยแพร่ข้อมูลชวนเชื่อในเชิงการเมือง
จริง ๆ การพยายามแบน TikTok เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2021 สมัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเขาได้ออกคำสั่งแบนแอปฯ นี้ แต่สุดท้ายคำสั่งก็ถูกศาลกลางสหรัฐฯ ระงับ เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและเกินกว่าเหตุ
นอกเหนือจากความสนุกและความบันเทิง TikTok ยังเป็นพื้นที่ที่ธุรกิจ SME สามารถโปรโมตสินค้าและบริการได้โดยแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ การแบน TikTok ที่อาจเกิดขึ้นจึงกลายเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหลายล้านแห่งที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการขยายกิจการ
Desiree Hill เจ้าของ Crown’s Corner Mechanic ในเมืองคอนเยอร์ส รัฐจอร์เจีย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เธอเริ่มธุรกิจซ่อมรถด้วยตัวคนเดียว แต่วิดีโอ TikTok ที่เธอโพสต์ช่วยให้ธุรกิจเติบโตจนเธอสามารถเปิดร้านขนาด 9,000 ตารางฟุต พร้อมพนักงาน 5 คน ได้ภายในเวลาเพียง 18 เดือน
“ทุกวัน ฉันมีลูกค้าอย่างน้อยสองถึงสามคนที่เห็นฉันบน TikTok ดูวิดีโอของฉัน แล้วตัดสินใจมาใช้บริการ” Hill กล่าว แม้ TikTok จะเปิดตัวได้ไม่นานตั้งแต่ปี 2016 แต่แพลตฟอร์มนี้กลายเป็นแหล่งสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งในด้านการเพิ่มฐานลูกค้า การโฆษณา การตลาด และการขายสินค้าโดยตรง
นอกจากนี้ Oxford Economics ได้เผยแพร่รายงานชื่อ "TikTok: Helping Grow Small and Midsized Businesses and Delivering Value for Consumers Across the United States" เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ชี้ว่า การลงทุนในโฆษณาและการตลาดบน TikTok ของ SMB สร้างรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ นอกจากนี้ SMB ยังให้คุณค่าอย่างมากกับบริการฟรีของ TikTok ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบออร์แกนิก ทั้งสองส่วนนี้ร่วมกันสนับสนุนการสร้างมูลค่า 24.2 พันล้านดอลลาร์ต่อ GDP ของสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการสนับสนุน SMB จากการศึกษา Oxford Economics พบว่า:
นอกจากนี้ ตามข้อมูลของ TikTok หากมีการแบนเกิดขึ้นธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้แพลตฟอร์มนี้อาจสูญเสียรายได้รวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน
ปัจจุบัน อาชีพ Content Creator และ Influencer ได้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวอเมริกันหลายล้านคน แต่การแบน TikTok ในสหรัฐฯ กำลังสร้างความกังวลให้กับคนในวงการนี้อย่างมาก เนื่องจากพวกเขาอาจสูญเสียแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยสร้างชื่อเสียงและรายได้
Joanne Molinaro อดีตทนายความในชิคาโก คือตัวอย่างหนึ่งที่ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะ TikTok หลังจากทำงานในสายกฎหมายมากกว่า 10 ปี เธอลาออกจากตำแหน่งพาร์ทเนอร์ในบริษัทใหญ่เพราะความกดดันและความเหนื่อยล้า ในปี 2020 เธอเริ่มโพสต์วิดีโอทำอาหารลง TikTok ภายใต้บัญชี @TheKoreanVegan ซึ่งวิดีโอของเธอได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน และยังตีพิมพ์หนังสือทำอาหารที่ประสบความสำเร็จ
อีกตัวอย่างคือ Eli Rallo ผู้เริ่มต้นอาชีพ Content Creator ในช่วงล็อกดาวน์ เธอสร้างวิดีโอสนุก ๆ และกลายเป็นไวรัล จนสามารถสร้างรายได้จากดีลโฆษณากับแบรนด์ต่าง ๆ และการขายหนังสือ ปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง Molinaro และ Rallo กังวลว่าการแบน TikTok จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของพวกเขาอย่างมหาศาล เพื่อเตรียมตัวรับมือ พวกเขาได้พยายามขยายฐานผู้ติดตามไปยังแพลตฟอร์มอื่น เช่น Instagram หรือสร้างอีเมลลิสต์เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้ชมโดยตรง แต่การสร้างฐานผู้ติดตามใหม่ให้แข็งแกร่งเทียบเท่า TikTok ต้องใช้เวลาและความพยายาม
TikTok ประเมินว่า หากแอปถูกแบนในสหรัฐฯ ธุรกิจขนาดเล็กกว่า 7 ล้านแห่งจะสูญเสียรายได้รวมถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในหนึ่งเดือน และผู้สร้างคอนเทนต์ 2 ล้านคนจะสูญเสียรายได้กว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Molinaro ยอมรับว่า เธอสูญเสียรายได้จากสปอนเซอร์ไปแล้ว 30% ตั้งแต่ปี 2024 เนื่องจากแบรนด์ไม่กล้าลงทุนในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน ดังนั้น การแบน TikTok จึงอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการ Content Creator และธุรกิจดิจิทัลในสหรัฐฯ ที่ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนี้
หลายๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมชาวสหรัฐฯ ถึงไม่เปลี่ยนไปใช้แอปอื่นๆ เช่น Instagram หรือ Youtube ?
TikTok ได้ใจผู้ใช้ทั่วโลก เพราะอัลกอริทึมที่ฉลาดล้ำ มันรู้ว่าผู้ใช้อยากดูอะไร และสามารถเสิร์ฟเนื้อหาที่ตรงใจแบบไม่ขาดตอน ต่อให้คุณไม่ได้ติดตามครีเอเตอร์คนนั้นก็ยังเจอวิดีโอที่ใช่เสมอ ทำให้แพลตฟอร์มนี้เต็มไปด้วยความสนุกและการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา
นอกจากนี้ TikTok ยังสร้างโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปกลายเป็นไวรัลได้อย่างง่ายดาย ด้วยระบบที่เปิดกว้างสำหรับเนื้อหาทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ใหม่หรือครีเอเตอร์ที่ไม่มีฐานผู้ติดตามมาก่อน พวกเขาก็สามารถกลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน แตกต่างจากแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Instagram Reels และ YouTube Shorts ที่แม้จะพยายามเลียนแบบฟีเจอร์ แต่ยังไม่สามารถก้าวข้ามความโดดเด่นในด้านนี้ได้
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ TikTok ส่งเสริมความเป็นธรรมชาติและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องสร้างเนื้อหาที่ดูสมบูรณ์แบบเหมือนแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่าง Instagram ซึ่งเน้นความเป๊ะและภาพลักษณ์ที่ดูดี TikTok กลายเป็นพื้นที่ที่ผู้ใช้สามารถแสดงตัวตนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมันดีต่อทั้งธุรกิจและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ปัจจัยนี้ทำให้ TikTok ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจผู้ใช้ แม้จะมีแอปอื่น ๆ เข้ามาแข่งขันก็ตาม
ในอีกมุม TikTok มันจึงไม่ใช่แค่แอปเล่นสนุก แต่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนอเมริกัน ทั้งช่วยหาเงิน ทำธุรกิจ และสร้างชื่อเสียง ดังนั้น การแบน TikTok อาจไม่ได้แค่ตัดแอปออกไป แต่มันเหมือนตัดโอกาสและความหวังของคนอีกหลายล้านคนที่พึ่งพามันอยู่ในทุกๆ วัน
อ้างอิง: edition.cnn, apnews, tiktokeconomicimpact, edition.cnn
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด