Microsoft ปล่อยอัปเดตครั้งใหญ่ของ AI เรือธงอย่าง Copilot เรียบร้อยแล้ว!  โดยทาง Yusuf Mehdi รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดผู้บริโภค ได้ออกมาเผยว่าอัปเดตครั้งนี้จะเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน Copilot ของคุณให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

สิ่งแรกที่น่าสนใจคือ Copilot จะใช้งานง่ายขึ้น พร้อมตอบคำถามได้รวดเร็วกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล ช่วยเหลือในงานเอกสาร หรือแม้แต่การวิเคราะห์ข้อมูล Copilot ก็สามารถจัดการให้ได้แบบทันใจ นอกจากนี้ Microsoft ยังปรับโทนเสียงของ Copilot ให้เป็นมิตรและเหมือนมนุษย์มากขึ้น ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ ให้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังคุยกับเพื่อนมากกว่าคุยกับเครื่องจักร

แต่สิ่งที่ทำให้ Copilot รุ่นนี้พิเศษยิ่งกว่าคือความสามารถในการให้คำแนะนำและให้กำลังใจในแต่ละวัน Copilot ไม่เพียงช่วยแค่เรื่องงาน แต่ยังพร้อมช่วยคุณรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิต ซึ่งการอัปเดตในครั้งนี้มาพร้อมสิ่งใหม่ถึง 7 อย่างด้วยกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย !

7 อัปเดตใหม่ใน Copilot

1. Copilot Voice ฟีเจอร์ที่ให้คุณโต้ตอบกับ Copilot ได้ด้วยเสียงของคุณ ทำให้การสื่อสารกับ Copilot ง่ายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะกำลังระดมความคิด ถามคำถามด่วน หรือเพียงแค่แบ่งปันว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณโต้ตอบกับ Copilot ได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังเดินทาง นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเสียงตอบกลับได้ถึง 4 แบบ

2. Copilot Daily เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการ Recap เหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้า ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารที่ผ่านการคัดกรองจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อย่าง Reuters, Axel Springer และ Hearst Magazine และ Microsoft ยังวางแผนขยายความร่วมมือกับสำนักข่าวอื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข่าวสารที่หลากหลายและแม่นยำ 

นอกจากข่าวสารแล้ว Copilot Daily ยังสามารถพยากรณ์อากาศประจำวันให้คุณทราบได้ทันที พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่อย่างการเตือนความจำที่ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกกิจกรรมสำคัญในแต่ละวัน

3. Copilot Discover: เป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรวจและเริ่มใช้ Copilot ได้อย่างง่ายดาย โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะให้คำแนะนำ คำแนะนำ และการเริ่มต้นบทสนทนาที่มีประโยชน์เพื่อให้การเริ่มต้นใช้ Copilot ง่ายขึ้น เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวจะปรับแต่ง AI ตามประวัติการแชทและวิธีที่ User ใช้แพลตฟอร์ม ทำให้ประสบการณ์การใช้งานตรงกับความต้องการของมากยิ่งขึ้น

4. Copilot ใน Microsoft Edge: ฟีเจอร์ AI ในตัวที่ช่วยงานได้โดยตรงภายในเบราว์เซอร์ เช่น ถามคำถาม สรุปเนื้อหาในหน้าเว็บ แปลข้อความได้อย่างรวดเร็ว และด้วย Copilot ที่ผสานรวมเข้ากับ Edge ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ Copilot ได้อย่างราบรื่นขณะท่องเว็บโดยไม่ต้องสลับไปใช้แอปอื่น เพียงแค่พิมพ์ @copilot ในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

5. Copilot Labs: โปรแกรมที่ผู้ใช้สามารถทดสอบและทดลองใช้ฟีเจอร์ของ Copilot ที่ยังอยู่ในช่วงพัฒนาได้ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยลูกค้า Copilot Pro จะได้รับฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Copilot Vision และ Think Deeper โดยโปรแกรมนี้มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมคำติชมจากผู้ใช้ในช่วงแรกเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์เหล่านี้และปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

6. Copilot Vision: ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ Copilot "เห็น" เนื้อหาบนเว็บเพจและโต้ตอบกับเนื้อหานั้นได้แบบเรียลไทม์ โดยฟีเจอร์นี้ผสานเข้ากับเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ช่วยให้คุณเข้าใจทั้งข้อความและรูปภาพบนเพจได้ คุณสามารถถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังดู รับคำแนะนำสำหรับขั้นตอนต่อไป หรือรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานต่างๆ โดยไม่รบกวนเวิร์กโฟลว์ของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังซื้อเฟอร์นิเจอร์ Copilot Vision สามารถช่วยคุณค้นหาตัวเลือก เปรียบเทียบตัวเลือก และแม้แต่แนะนำเค้าโครงห้องได้

7. Think Deeper: ฟีเจอร์ใหม่ใน Copilot ที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง ซึ่งสามารถช่วยเหลือในการทำภารกิจที่มีรายละเอียด เช่น แก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยาก หรือประเมินต้นทุนของโปรเจกต์ที่บ้าน ซึ่งแตกต่างจากการตอบกลับอย่างรวดเร็ว Think Deeper ใช้เวลาในการประมวลผลนานกว่า ก่อนจะให้คำตอบที่รอบคอบและเป็นขั้นตอนทีละขั้นตอน ทำให้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องใช้การใช้เหตุผลเชิงลึกมากขึ้น

เมื่อ AI ขยับเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์

สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในอัปเดตครั้งนี้คือ Copilot สามารถ "มองเห็น" ได้แล้ว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของ AI Fei-Fei Li นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชื่อดัง เคยกล่าวไว้ว่า

“ในช่วงเริ่มต้นของเอกภพ ทุกอย่างมืดสนิท จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตแรกพัฒนาการมองเห็น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ การพัฒนา และความฉลาด สิ่งเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์”

คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงยุคใหม่ของ AI ที่ไม่เพียงแค่ประมวลผลข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเริ่มเข้าใจโลกจริงผ่านสิ่งที่เรียกว่า "ความฉลาดเชิงพื้นที่" (Spatial Intelligence) ซึ่งเป็นความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และตีความข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม 3 มิติ พร้อมทั้งวางแผนและควบคุมการเคลื่อนที่เพื่อตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว

พลังของ Spatial Intelligence จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของมนุษย์ และสร้างผลกระทบเชิงบวกในหลายด้าน ยกตัวอย่างในวงการแพทย์ AI สามารถช่วยตรวจจับแพทย์ที่ล้างมือไม่สะอาด ติดตามการใช้เครื่องมือผ่าตัด หรือแจ้งเตือนผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการล้มได้ทันเวลา นอกจากนี้ หุ่นยนต์อัตโนมัติก็จะเข้ามามีบทบาทในการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงเทคโนโลยี Augmented Reality ที่จะช่วยนำทางศัลยแพทย์ในการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ความก้าวหน้าด้านนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์สามารถใช้ความคิดในการควบคุมหุ่นยนต์เพื่อทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าอนาคตที่ Fei-Fei Li เคยพูดถึงไม่ได้เป็นเพียงความฝัน แต่กำลังจะกลายเป็นจริง และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Copilot ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าเราก้าวเข้าสู่อนาคตได้เร็วขึ้นทุกวัน

อ้างอิง: Microsoft