บทสรุป Accelerate Impact with PRUKSA Season 2 สานต่อความสำเร็จ ส่งต่อความยั่งยืนเพื่อสังคม | Techsauce

บทสรุป Accelerate Impact with PRUKSA Season 2 สานต่อความสำเร็จ ส่งต่อความยั่งยืนเพื่อสังคม

“พฤกษา” ผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของไทยได้จัดโครงการ “Accelerate Impact with PRUKSA Season2" เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจเพื่อสังคมของไทย (Social Enterprise) ที่ต้องการเงินทุนสนับสนุน รับโอกาสต่อยอดขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมจัดโปรแกรมบ่มเพาะสตาร์อัพ ยกระดับศักยภาพบุคลากร โดยมีวิทยากร และผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตลอดโครงการ ซึ่งในปีนี้มาพร้อมประเด็นความท้าทายครั้งใหม่ และมีนักธุรกิจเพื่อสังคมสมัครเข้าร่วมโครงการมากกว่า 70 ราย ทั่วประเทศไทย โดยมีองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมที่มีรูปแบบและเป้าหมายธุรกิจ สอดคล้องตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการครั้งนี้มากที่สุด ผ่านการรับสมัครตั้งแต่ปี 2566

กว่า 70 ทีมที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ได้ผ่านรอบคัดเลือก 10 ทีม จนมาถึง 4 ทีมสุดท้าย ซึ่งทุกทีมได้พบกับกิจกรรม Boothcamp ที่อัดแน่นด้วยความรู้เพื่อต่อยอดธุรกิจในหลากหลายมิติตลอดหลักสูตร ก่อนเดินหน้าเข้าสู่ช่วงการขยายธุรกิจสู่ความแข็งแกร่งและเติบโต พร้อมนำเสนอแผนธุรกิจและแผนงาน (Pitching)  ในวันที่ 22 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

4 ทีมสุดท้ายในวัน Demo Day กับธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวก

Accelerate Impact with PRUKSA Season 2 ได้ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่แล้ว ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมที่มีเป้าหมายและปณิธาน สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมให้เป็นรูปธรรมได้อย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ มีองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ 

1. Agnos Health ผู้พัฒนา AI ด้านการแพทย์ โดยใช้ AI วิเคราะห์อาการป่วยด้วยตนเอง และแนะนำผู้ป่วยไปยังบริการที่เหมาะสม สามารถช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทันท่วงที ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็น Smart OPD Platform 

ตัวแทนจาก Agnos Health กล่าวว่า “นับเป็นความประทับใจอย่างมากที่ได้รับเลือกเข้าโครงการนี้ อยากจะขอขอบคุณตัวเองและโครงการ รวมไปถึง Alumni จากปีก่อน ที่คอยช่วยให้คำแนะนำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมอบ Insight ใหม่ๆ ที่ช่วยต่อยอดและขยายผลทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือสังคมได้ในอนาคต ไม่ใช่เพียงแค่กับผู้ป่วย แต่รวมไปถึงโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย”


2. Labmove บริการเจาะเลือดถึงที่พักอาศัย โดยนักเทคนิคการเเพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ ที่สามารถนำตัวอย่างมาส่งที่โรงพยาบาลต้นสังกัด ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และเข้าถึงบริการได้แม้อยู่ที่บ้าน

ตัวแทนจาก Labmove กล่าวว่า  “การเข้าร่วมโครงการ Accelerate Impact with Pruksa ถือเป็นการ Upscale ให้กับการทำธุรกิจ และมีตัวชี้วัดที่สร้างผลกระทบเชิงบวกได้จริง รวมถึงทำให้ธุรกิจสร้างมารถโฟกัสกับจุดแข็งของ Labmove ได้ว่า การมีนักเทคนิคการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุอย่างที่ตั้งใจไว้ รวมถึงการมีเครือข่ายการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลของรัฐได้มากขึ้น”


3. Pharmcare คือ แฟลตฟอร์ม Telepharmacy สำหรับช่วยให้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงร้านยาที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย จากคำแนะนำของเภสัชกรร้านยาในชุมชน และยังช่วยส่งเสริมให้ร้านยาชุมชนเติบโตสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

ตัวแทนจาก Pharmcare กล่าวว่า  “ตลอดระยะเวลาของโครงการ Pharmcare ได้พัฒนาบริการให้กับลูกบ้านของพฤกษาถึง 4 โครงการ ที่สามารถเข้าถึงร้านยาและเภสัชกรในชุมชนได้อย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อผู้ป่วยเข้ากับเภสัชกรโดยตรง ซึ่งตลอดระยะสามเดือนที่ผ่านมา มีบริการมากกว่า 800 บริการ คิดเป็น 70% ของการบริการที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้อยากที่จะขยายบริการเพื่อลูกบ้านกลับมาใช้บริการมากขึ้นในอนาคต ตลอดจนร้านยาและเภสัชกรในชุมชนมีรายได้มั่นคงและอยู่ได้อย่างยั่งยืน”


4. Wongphai ผู้ผลิต “KN Biochar” ไบโอชาร์ จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรของชุมชนปลูกไผ่ ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน ในขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยด้านสิ่งแวดล้อม และสามารถต่อยอดในการสร้าง Carbon Credit ได้เช่นกัน

ตัวแทนจาก Wongphai กล่าวว่า  “การเข้าร่วมโครงการนี้ ทำให้เราสามารถต่อยอดธุรกิจและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนได้มากขึ้น ด้วยการทำ KN Biochar จากการเผาที่ถูกต้องจำนวนวันละ 6 ตัน จะเปลี่ยนเป็น Biochar 1 ตันที่ช่วยกักเก็บคาร์บอนได้ 1.8 ตัน รวมถึงพัฒนา สร้างคุณค่า สร้างรายได้ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีในภาคการเกษตรให้มากขึ้นในอนาคตอีกด้วย”

โดยทั้ง 4 ทีมได้สร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยนำผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) มาเปิดเผยและสร้างแรงบัลดาลใจในการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม ดังนี้

1. Agnos Health มีผลวิเคราะห์คะแนนผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) อยู่ที่ 1.19 โดยมีกิจกรรม ที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นเคสผู้ป่วยเขียวหรือผู้ป่วยที่สามารถรักษาตัวเองได้ที่บ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและประหยัดเวลาจากการเดินทางไปพบแพทย์ได้อย่างมาก อีกทั้งในเคสสีแดงหรือผู้ป่วยหนักก็จะสามารถช่วยให้นำส่งตัวไปรักษาได้อย่างทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังสามารถช่วยร้านยาที่อยู่ใกล้กับที่พักอาศัยมีรายได้มากขึ้นอีกด้วย 

จากการคาดการณ์ในระยะเวลา 1 ปี จะสามารถช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยเคสสีเขียวที่มีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 3.8 ล้านบาท ช่วยลดการสูญเสียสำหรับผู้ป่วยเคสสีแดงที่มีอาการรุนแรง คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียกว่า 2.8 แสนบาท อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านยาที่อยู่ใกล้กับที่พักอาศัยมากกว่า 1.6 ล้านบาท

2. Labmove มีผลวิเคราะห์คะแนนผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) อยู่ที่ 1.5 โดยมีกิจกรรมบริการเจาะเลือดให้ถึงบ้านโดยนักเทคนิคการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันกับทางพฤกษา ในด้านของมูลค่าของผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้น จากการคาดการณ์ในระยะเวลา 1 ปี จะทำให้เกิดความเท่าเทียมของการเข้าถึงบริการมากขึ้น รวมไปถึงงานบริการที่รวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายได้เช่นกัน อาทิ

  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงได้มากถึง 5,000 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท
  • ช่วยให้ญาติผู้ป่วยไม่ต้องลางาน ไม่ขาดรายได้จากการทำงานปีละ 5.5 ล้านบาท
  • ลดการเดินทางมาที่โรงพยาบาล ได้ปีละกว่า 1.5 แสน กิโลเมตร
  • ช่วยลดความแออัดของการรับบริการเจาะเลือดในโรงพยาบาลได้วันละ 40 ราย
  • ลดชั่วโมงการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมแล้วปีละ 3,750 ชั่วโมง 
  • เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ป่วยและญาติได้มากถึง 90%

3. Pharmcare มีผลวิเคราะห์คะแนนผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) อยู่ที่ 1.63 โดยมีกิจกรรมขยายบริการร้านยาใกล้กับชุมชนและลูกบ้านของพฤกษา รวมถึงมีเภสัชกรที่เข้าร่วมเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยสามารถเข้าถึงเภสัชกร ประหยัดเวลาการไปโรงพยาบาล ลดความแออัดในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตเพื่อเชื่อมต่อบริการ Telemedicine 

ในด้านของมูลค่าของผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น รวมไปถึงยังช่วยให้ร้านยาที่อยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนมีรายได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยสามารถนำมาคิดประเมินเป็นมูลค่าที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนี้

  • ผู้ป่วยสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทางไปยังสถานพยาบาลได้มากกว่า 5.6 แสนบาท
  • ทำให้ร้านขายยาที่อยู่ใกล้กับแหล่งชุมชมมีรายได้สูงขึ้นมากกว่า 2.6 แสนบาท

4. Wongphai มีผลวิเคราะห์คะแนนผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) อยู่ที่ 1.29 โดยมีกิจกรรม ที่เข้าร่วมโครงการกับพฤกษาอย่าง Live well Stay well ที่ทำให้เจอชุมชน รวมถึงความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยในการใช้ Biochar ปรับปรุงหน้าดิน จาการคาดการณ์ระยะเวลา 1 ปีในด้านของมูลค่าของผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์รวมไปถึงช่วยลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมทางการเกษตรได้อีกด้วย

ทางด้าน นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของโครงการ “Accelerate Impact with PRUKSA Season2" ว่า “ทีมที่ได้รับคัดเลือกในปีนี้ต่างก็มีพันธกิจที่สอดคล้องกับนโยบายของพฤกษาที่ต้องการขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้คนในสังคม เราเชื่อว่าทั้ง 4 ทีมที่ผ่านเข้ามาได้ทำการแก้แผนธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้นในการขยายธุรกิจ มีโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมที่สอดคล้องกับโจทย์ที่กำหนด มีกรอบในการวัดผล มีความเป็นทีม มีประสบการณ์ และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนเพื่อผลักดันผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ซึ่งการที่พฤกษาเข้าไปช่วยสนับสนุนผ่านโครงการนี้ได้ช่วยเร่งให้แต่ละทีมไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ในโอกาสนี้ เราขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่ได้รับเงินลงทุนเพิ่มจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ อีกทั้งทุกทีมที่เข้าร่วมโครงการยังได้รับโอกาสร่วมเป็นพันธมิตรกับพฤกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม อยู่ดี มีสุข ตามเจตนารมณ์ของพฤกษา”


บทสรุปสุดท้าย สานต่อความยั่งยืนเพื่อสังคมแห่งอนาคต

ทุกทีมที่ได้รับคัดเลือกในปีนี้ ต่างก็มีพันธกิจองค์กรที่สอดคล้องกับนโยบายของ พฤกษา โฮลดิ้ง ที่ต้องการขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ช่วยสร้างคุณค่าทางด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม 

และขอแสดงความยินดีกับทีม ทีมแล็บมูฟ ทีมแอ็กนอส และทีมฟาร์มแคร์ ที่ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมทีมละ 5 แสนบาท พร้อมคว้าโอกาสในต่อยอดธุรกิจร่วมกับกลุ่มวิมุต บริการด้านสุขภาพในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง  และทีมวงศ์ไผ่ ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมสูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจในชุมชน สร้างคาร์บอนเครดิต และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวต่อไป 

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง https://www.pruksaimpact.com/

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

OpenAI เปิดตัว ChatGPT-4o แรงกว่า ฉลาดกว่า AI ที่เข้าใกล้ความสามารถของมนุษย์ไปอีกขั้น

OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุด ChatGPT-4o ที่เร็วกว่า ฉลาดกว่าเดิม มีความสามารถในการรับรู้และโต้ตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล และเข้าใจอารมณ์มนุษย์...

Responsive image

‘KBTG Techtopia: A BLAST FROM THE FUTURE' ชวนท่องโลกเทคโนโลยีสุดล้ำ ไปกับรถไฟสายพิเศษ

เผยความพิเศษของ 'KBTG Techtopia: A BLAST FROM THE FUTURE' 1 Day Event แห่งปี 2024 กับการโชว์เทคสุดล้ำ, Speakers มากกว่า 50 คน มาแชร์ความรู้และเทรนด์ใหม่ๆ ผ่าน 3 เวทีใหญ่ และเวิร์กช...

Responsive image

จากเทคโนโลยี AI สู่ IA เพื่อมนุษย์ ในมุมมองของ “Pattie Maes”

เทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาชีวิตได้อย่างไร? มาดูแนวคิดในการออกแบบและทดสอบอุปกรณ์ที่ช่วยให้มนุษย์สามารถเรียนรู้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไปกับคุณ Pattie Maes นักวิจ...