กลางเวทีเสวนาในงาน Techsauce Global Summit 2025 ปีนี้ มีหนึ่งใน Session ที่พาเราไปฟังการถกกันของคน 2 สาย อย่างสาย Tech และสาย Non-Tech ระหว่าง Dr. Wit Sittivaekin, Dr. Luis Kristhanin และ Peeranat Thoonsaengngam พูดถึงเรื่องเดิมที่เราได้ยินมาตลอดอย่างเรื่อง “AI จะเปลี่ยนโลก แต่โลกไม่ได้เปลี่ยนเพราะ AI เพียงอย่างเดียว โลกเปลี่ยนเมื่อ AI จับมือกับ Authentic Intelligence ของมนุษย์ และเมื่อคนสาย Tech และสาย Non-Tech คุยกันรู้เรื่อง”
บทความนี้ชวนไล่เรียงตั้งแต่ภาพใหญ่ ทำไมการผสานสองโลกจึงสำคัญ ไปจนถึงเครื่องมือที่ลงมือทำได้ทันทีทั้งในทีมและองค์กรของคุณ

Dr. Wit เริ่มต้นด้วยการพาย้อนเวลาไปสู่ยุคไฟฟ้า วิทยุ และอินเทอร์เน็ต เพื่อชี้ให้เห็นว่า ทุกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกไม่เคยเกิดจากเทคโนโลยีล้วนๆ แต่มาจากการจับคู่กับจินตนาการและการประยุกต์ ของคนที่อาจไม่ใช่วิศวกรด้วยซ้ำ
เขาทิ้งประเด็นสำคัญว่า AI ในวันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าขาดการตีความและปรับใช้จากมนุษย์ ก็อาจเป็นแค่เทคโนโลยีที่ไร้ชีวิต
คุณ Peeranat ได้แบ่งวิวัฒนาการ AI ให้ดูง่ายๆ เป็นทั้งหมด 3 ยุค โดยชี้ว่า กุญแจของคนไม่สายเทค อย่าเริ่มที่ “จะใช้ AI อะไรดี?” แต่เริ่มที่ “Pain Point ของเราคืออะไร?” แล้วค่อยหาว่าฟีเจอร์ไหนของ AI ช่วยปลดล็อกได้
เมื่อมุมของเทคโนโลยีถูกตั้งอยู่บนโจทย์ของมนุษย์แล้ว Dr. Luis ก็พาเรื่องเข้าสู่ชั้นขององค์กร เขาเปลี่ยน A ใน AI ให้หมายถึง Alignment และเติม I ให้หมายถึง Integration
Dr. Luis เล่าถึงเวิร์กช็อป Lego Serious Play ที่ให้ผู้บริหารต่อโมเดลไอเดียของตัวเองและวางรวมกันบนโต๊ะ เดิมทีห้องประชุมเต็มไปด้วยศัพท์ยาก แต่ทันทีที่มีภาพร่วมกัน ทุกคนก็เข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องเถียงยืดยาว
ในเวิร์กช็อป Lego Serious Play ผู้บริหารแต่ละคนต่อโมเดลแทนความคิดของตัวเอง ก่อนนำมารวมกันบนโต๊ะเดียว ทำให้ห้องประชุมที่เคยคุยกันด้วยศัพท์เฉพาะ กลายเป็นการสื่อสารด้วยภาพที่เข้าใจตรงกันทันที ผลลัพธ์คือจากห้องประชุมที่เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิค กลายเป็นเวทีที่ทุกคนเห็นภาพเดียวกัน ไม่ต้องใช้คำอธิบายยาวๆ
ช่วง 0–30 วัน: ตั้งหลักจาก Pain Point
ช่วง 31–60 วัน: ทำให้เสถียรและปลอดภัย
ช่วง 61–90 วัน: ขยายผลและวัดคุณค่า
KPI ที่ควรวัด (เลือกเท่าที่จำเป็น)
ข้อมูลจากงาน Techsauce Global Summit 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด