พวกเราคงเห็นเว็ปไซต์เปรียบเทียบประกันภัยกันในบ้านเรามาหลายปีแล้ว เว็ปไซต์เปรียบเทียบประกันคือการแสดงสินค้าประกันภัยในตลาดเยอะๆ แล้วสุดท้ายเราก็จะเลือกประกันตัวที่คิดว่าเหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งบางทีประกันตัวนั้นอาจจะไม่ได้เหมาะกับเราที่สุดก็ได้ เพราะแต่ละคนก็มีความต้องการกันคนละแบบ มีการใช้ชีวิตต่างกัน มีความพร้อมจ่ายไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงมีการคิดค้นวิธีการคิดเบี้ยประกันแบบใหม่ที่เบี้ยประกันและความคุ้มครองของแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะเป็นไปตามความต้องการของแต่ละคนโดยการใช้ AI หรือ Artificial Intelligence วิเคราะห์และคิดแผนประกันออกมา
นี่คือสิ่งที่ Sherpa บริษัท Startup ในประเทศอังกฤษคิด ซึ่งบริษัท Sherpa เพิ่งได้รับเงินทุนไป 2.3 ล้านดอลลาร์ โดยหวังว่าจะเป็น Insurtech รุ่นใหม่ไฟแรงที่จะเปลี่ยนวงการประกันได้
ถึงแม้ Sherpa จะยังไม่ได้เปิดตัวและเปิดขายอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ได้พัฒนาและมีแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ขับเคลื่อนเรียบร้อยแล้ว โดย AI ตัวนี้จะคิดและวิเคราะห์ความเสี่ยงของผู้ใช้ และจะแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปและค่าใช้จ่ายที่จะป้องการการเสียหายจากความเสี่ยงนั้น Sherpa ได้จับมือกับบริษัทประกันเจ้าใหญ่ Gen Re ซึ่ง Sherpa ได้ลดราคาค่าคอมมิชชั่นออก เพื่อเป็นส่วนลดให้กับลูกค้า
Sherpa วางแผนจะคิดสร้างระบบ AI ที่สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงและคำนวณค่าเบี้ยประกันในทุกๆ ประเภทของประกันภัย ตั้งแต่ประกันบ้านพักที่อยู่อาศัย ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันการเดินทาง ประกันรถยนต์ ประกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และประกันสัตว์เลี้ยง
ปัจจุบันการปรับแต่งแผนประกันทั่วไปที่บริษัทประกันขาย คือการปรับแต่งแผนนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการปรับค่าต่างๆ นั้น ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือบริษัทประกัน ไม่ใช่ผู้บริโภคอยู่ดี
โดยทั่วไปเบี้ยประกันคิดจากการการนำความเสี่ยงของทุกคนมาเฉลี่ยเพื่อหาเบี้ยประกันและความคุ้มครองของทุกคนมา แล้วคุณก็มีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าเบี้ยประกันที่มาจาก Sherpa คือการที่เอาความเสี่ยงของแต่ละคน หาเบี้ยประกันให้แต่ละคน ไม่ได้เอาความเสี่ยงของแต่ละคนมาเฉลี่ยกัน ดังนั้นคุณเลยจะได้เบี้ยประกันและความคุ้มครองที่เหมาะสมกับคุณเท่านั้น และเป็นไปตามความต้องการ โดยไม่จำเป็นเอาความเสี่ยงของคนอื่นมาหารเฉลี่ยจากความเปลี่ยนของคุณ
การใช้ AI วิเคราะห์เบี้ยประกันแท้จริงแล้วส่งผลดีต่อทั้งบริษัทประกันและผู้บริโภค เพราะเมื่อราคาเบี้ยประกันของแต่ละคนเป็นไปตามความต้องการและความเสี่ยงของแต่ละคนแล้ว ผู้ที่มีความเสี่ยงมากก็ตระหนักได้ว่าต้องซื้อประกันเพิ่ม เพราะอยากเพิ่มความปลอดภัย ส่วนผู้ที่ความเสี่ยงน้อยก็จ่ายเท่าที่เขาต้องการ บริษัทประกันก็มีโอกาสขายประกันได้มากขึ้น เพราะผู้มีความเสี่ยงมากกล้าตัดสินใจซื้อประกันมากขึ้น ส่วนผู้ความเสี่ยงน้อยก็มีแนวโน้มที่จะซื้อประกันมากขึ้น เพราะราคาเบี้ยประกันน้อยลง ตัดสินใจง่ายขึ้น
Sherpa เป็นตัวอย่าง Insurtech ที่หาช่องว่างในวงการประกันภัยและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาทำให้เรื่องประกันต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เช่นเดียวกับ Lemonade ในสหรัฐฯ ที่ใช้ AI Chatbot มาช่วยระบบการเคลม ซึ่งทำให้ Lemonade ได้ทำลายสถิติการเคลมเร็วที่สุดในโลกตั้งแต่การแจ้งเคลมและผู้เอาประกันได้รับเงินชดเชยค่าเสียหาย ทั้งหมดรวมกัน 3 วินาทีเท่านั้น ในอนาคต
ข้อมูลจาก
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด