อนาคตของ AI ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยใครคนใดคนหนึ่ง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นผลลัพธ์ของการร่วมสร้างสรรค์จากทุกฝ่าย นี่คือประเด็นสำคัญที่ Techsaue ได้รับรู้จากการเข้าร่วมงาน London Tech Week 2025
เมื่อผู้นำรัฐบาลสหราชอาณาจักรอย่าง Sir Keir Starmer และหัวเรือใหญ่แห่ง NVIDIA อย่าง Jensen Huang ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ร่วมกันในการผลักดัน UK สู่แถวหน้าของวงการ AI โลก
Sir Keir Starmer นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวย้ำถึงความจำเป็นที่ UK ต้องเปิดรับศักยภาพอันมหาศาลของ AI ไม่ใช่มองว่า AI จะเป็นความเสี่ยง แต่ให้มองว่า AI จะพลิกโฉมชีวิตผู้คนหลายล้านคนให้ดีขึ้น โดยยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในด้านสุขภาพ การศึกษา ไปจนถึงการลดภาระงานของบุคลากรภาครัฐ
"ทีมของเขากำลังพิจารณาทุกกระทรวงเพื่อดูว่าจะนำ AI มาปรับใช้ได้อย่างไร" Starmer กล่าว โดยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้เห็นผลกระทบที่แท้จริงของการปฏิวัติ AI ต่อชีวิตประจำวันของพลเมือง UK
AI จะส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมพร้อมกัน
ด้าน Jensen Huang เสริมว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่คือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ (New Infrastructure) ที่สำคัญไม่แพ้ไฟฟ้าหรืออินเทอร์เน็ต โดยเน้นย้ำความสามารถของ AI ในการเข้าใจ สร้างสรรค์ข้อมูล คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสิ่งใหม่ๆ รวมถึงความปลอดภัยที่สูงขึ้น
หากมองกันในภาพกว้าง UK ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่น AI ที่มีวัตถุดิบชั้นเลิศ ทั้งชุมชนนักวิจัย AI ที่แข็งแกร่งระดับโลก มหาวิทยาลัยชั้นนำ (Oxford, Cambridge, Imperial College) และเป็นแหล่งลงทุน VC ด้าน AI อันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียงแค่สหรัฐฯ และจีน
แต่ Jensen Huang บอกว่า UK ยังมีจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ขาดหายไปนั่นคือ โครงสร้างพื้นฐาน AI ของตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI Supercomputers ซึ่งเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญสำหรับนักวิจัย และนักพัฒนา
มันน่าประหลาดใจที่นี่คือระบบนิเวศ AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง…คุณไม่สามารถสร้าง Machine Learning ได้ถ้าไม่มี Machine
การประกาศลงทุนด้านคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น 20 เท่าของรัฐบาล UK จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เป็นการเร่งเครื่องครั้งใหญ่ โดย Sir Keir Starmer ยืนยันว่า UK จะลงทุนประมาณ 1 พันล้านปอนด์ในด้านคอมพิวเตอร์เพื่อการวิจัย AI ภายในปี 2030 โดยเริ่มลงทุนตั้งแต่ปีนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึง Sovereign AI Ambitions ของ UK ที่มองว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นการประมวลผลวัฒนธรรม สามัญสำนึก และประวัติศาสตร์ของชาติ
ส่วนฝั่ง NVIDIA เองก็พร้อมจะเข้ามาเป็นก้าวสำคัญในการจุดติด Flywheel Effect หรือวงจรการขับเคลื่อนด้าน AI ในประเทศ ด้วยการสนับสนุน 6 ด้านคือ
Sir Keir Starmer ยอมรับว่าเทคโนโลยีจะไร้ความหมายหากขาดบุคคลากรที่มีคุณภาพ รัฐบาล UK จึงประกาศแผนฝึกอบรมคนกว่า 7.5 ล้านคนให้มีทักษะด้าน AI ครอบคลุมตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคนทำงานในหลากหลายสาขาอาชีพ
ผมตื่นเต้นกับโครงการที่เกี่ยวกับโรงเรียน และมหาวิทยาลัย การฝึกอบรมเยาวชนให้เร็วขึ้นหมายความว่าพวกเขาจะมีทักษะที่ดีขึ้น และจะเก่งกว่าเรา
นอกจากนี้ Jensen Huang ยังให้มุมมองที่น่าสนใจว่าตอนนี้ AI คือ The Greate Equalizer หรือตัวสร้างความเท่าเทียมที่ยิ่งใหญ่ เพราะภาษาโปรแกรมใหม่คือภาษามนุษย์ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึง และใช้งานง่ายกว่าเดิมมาก มันเป็นการทลายกำแพงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมแบบเดิมๆ
ภาษาโปรแกรมใหม่คือ ภาษามนุษย์ ใครๆ ก็สามารถสั่งงาน AI ให้เขียนโปรแกรม สร้างภาพ แต่งกลอน ได้เพียงแค่สั่งอย่างสุภาพ
นอกจากการสั่งงานด้วยภาษาที่เรียบง่ายแล้ว อีกสิ่งที่น่าทึ่งของ AI คือ ความเร็วในการพัฒนา Jensen Huang เปรียบเทียบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา AI ก้าวหน้าไป 1,000,000 ทเ่า ขณะที่กฎของมัวร์ (Moore’s Law) ที่เคยเป็นมาตรวัดความก้าวหน้าของวงการคอมพิวเตอร์ทำได้เพียง 100 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
Jensen Huang เคยบอกว่า ต่อจากนี้ไปโลกจะเข้าสู่ยุคกฎของหวง (Huang’s Law) แล้ว เพราะชิป AI จะแรงขึ้น 2 เท่าในเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น
หัวใจสำคัญที่ผู้นำทั้งสองเน้นย้ำคือ การเป็นพันธมิตร และการสนทนาสองทาง โดยรัฐบาล UK เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้นโยบายและการดำเนินการต่างๆ ตอบโจทย์และสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างแท้จริง
"นโยบาย และผลลัพธ์จากรัฐบาลจะดีขึ้น ถ้ามันมี 'รอยนิ้วมือ' ของคุณอยู่ด้วย" Sir Keir Starmer กล่าวทิ้งท้าย เชิญชวนให้ทุกคนในระบบนิเวศเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของ AI ใน UK
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด