14 เครื่องมือ AI ที่ชาวออฟฟิศต้องมี ช่วยให้ทำงานง่ายสบายกว่าเดิม | Techsauce

14 เครื่องมือ AI ที่ชาวออฟฟิศต้องมี ช่วยให้ทำงานง่ายสบายกว่าเดิม

ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้หลายธุรกิจนำ AI เข้ามาปรับใช้ ช่วยให้ชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานของเราสะดวกรวมเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากผลสถิติของ SnapLogic ปี 2021 พนักงานกว่า 61% บอกว่า AI สามารถช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับการทำงานได้

วันนี้ Techsauce จึงรวบรวม 14 แอปพลิเคชั่นที่ใช้เทคโนโลยี AI สำหรับชาวออฟฟิศ ที่จะช่วยให้การทำงานของคุณสะดวกขึ้นกว่าเดิม

AI ช่วยเขียน 

Notion - NotionAI

  • สรุปเนื้อหาที่เขียนเอาไว้ 
  • ตรวจการสะกดคำพร้อมไวยากรณ์ 
  • ร่างการเขียนหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล บล็อก บทกลอน หรือแม้แต่แคปชั่นอินสตาแกรมก็ได้ 

สนนราคาที่ 10 เหรียญฯ ต่อคน ต่อเดือน ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานแบบเต็มๆ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ Notion AI

Mem

แอปจดโน๊ตที่สามารถจัดระเบียบตัวเองได้ด้วยการใช้ AI และ Natural Language Processing (NLP) สามารถเชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Slacks, Gmail, Google Calendar และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ลื่นไหล มีฟังก์ชันในการจัดระเบียบไอเดียและการเขียนได้คล้าย Notion ฟังก์ชันเด่นๆ ได้แก่ Similar Mems, Smart Search, Smart Write และ Smart Edit 

ราคาเริ่มต้นที่ 10 เหรียญฯ ต่อเดือน ต่อหนึ่งบัญชี และ 15 เหรียญฯ ต่อเดือนสำหรับการใช้งานแบบเป็นทีม นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันฟรีให้ใช้แต่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

Craftly

AI ที่จะมาช่วยงานเขียนระดับองค์กรหรือภาคธุรกิจ มีเครื่องมือหลากหลายในการสร้างเนื้อหารูปแบบต่างๆ สามารถใช้งานร่วมกันแบบเป็นทีมได้ มีวิธีการใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เลือกรูปแบบที่ต้องการ เช่น ร่างอีเมล เขียนบทความ จากนั้นเลือกรายละเอียดที่เราต้องการ เช่น กลุ่มผู้อ่าน เสร็จแล้ว Craftly ก็จะสร้างเนื้อหาให้เราแบบอัตโนมัติและเข้ากับธีมเนื้อหาที่เราต้องการ

สามารถทดลองใช้งานได้ฟรี 5 วัน ถ้าติดใจก็จ่ายเพิ่มเป็นเดือนละ 35 เหรียญฯ สำหรับ 20,000 คำ 79 เหรียญฯ สำหรับการใช้งานแบบไม่จำกัดคำ (สามารถเลือกจ่ายรายปีเพื่อราคาที่ถูกกว่าได้)

Jasper

Jasper เป็นผู้ช่วยในเรื่องของการสร้างเนื้อหาการเขียนต่างๆ เช่น เขียนโฆษณา อีเมล บทความ และอื่นๆ โดยสามารถใช้เป็น extension ของบราวเซอร์ได้ ทำให้เราสามารถใช้ Jasper ได้บนทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย อีเมลหรือเว็บไซต์ ล่าสุดมีฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานภาคธุรกิจ (Jasper for Business) โดยใช้ Generative AI ในการช่วยสร้างแบรนด์และสามารถทำงานร่วมกันกับคนในทีมได้

AI ช่วยจดโน้ต สรุปประชุม

MeetGeek

MeetGeek เป็นผู้ช่วยในเรื่องของการประชุมในแอปพลิเคชันชื่อดังต่างๆ อย่าง Zoom Google Meets และ Microsoft Teams เพื่อช่วยจดโน๊ตพร้อมทั้งสรุปการประชุม สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ เช่น Slacks, Google Drive และ Trello พร้อมรองรับหลากหลายภาษาในการทำงาน ได้รับการไว้วางใจทีมผู้ใช้งานกว่าหมื่นทีม ฟีเจอร์การใช้งานหลักๆ มีดังนี้

  • อัดวิดีโอการประชุมให้แบบอัตโนมัติ
  • ถอดคำพูดได้แบบเรียลไทม์
  • ช่วยสรุปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
  • สรุปใจความสำคัญในการประชุม
  • สามารถตั้งค่าให้เข้าร่วมการประชุมอัตโนมัติได้

สามารถใช้งานได้ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยแบบฟรีจะมีการจำกัดพื้นที่และการใช้งานในบางฟีเจอร์ และเสียเงินเพิ่มหากต้องการใช้งานในเวลาที่มากขึ้นตามลำดับ Basic (FREE) Pro ($15) Business ($29) ต่อเดือน และติดต่อเพื่อขอใช้งานแบบไม่จำกัดผ่านแพคเกจ Enterprise ได้อีกด้วย

Otter.ai 

Otter.ai เป็นตัวช่วยถอดเสียงการประชุม การบรรยาย หรือบทสัมภาษณ์ได้แบบเรียลไทม์ หรือจะนำเข้าไฟล์เสียง ไฟล์วิดิโอ แล้วให้โปรแกรมช่วยถอดออกมาเป็นสคริปต์ก็ได้ และช่วยระบุด้วยว่า นาทีไหน ตอนไหน ใครเป็นคนพูด นาย A หรือ B นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ Custom Vocabulary ก็คือการตั้งค่าภาษา หรือ คำศัพท์เฉพาะที่เราใช้กันในอุตสาหกรรม ป้องกัน Otter จะถอดเสียงผิดพลาด หลังจากถอดเสียงได้แล้ว ตัว Otter ยังช่วยสรุปประเด็นการประชุมได้ด้วย

AI ช่วยสร้างรูปภาพจากข้อความที่เราป้อน  (text-to-image)

DALL-E

เป็น AI ที่สามารถสร้างรูปภาพได้จากคำสั่งที่เราป้อนเข้าไป สร้างโดย OpenAI เจ้าของเดียวกับ ChatGPT สามารถปรับแต่งรูปแบบของรูปภาพได้ตามที่เราต้องการแถมยังอัปโหลดรูปเพื่อให้ AI ช่วยปรับเพิ่มเติมได้

Stable Diffusion

AI สร้างรูปภาพจากบริษัทสตาร์ทอัพ Stability AI ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้ DALL-E ของ OpenAI เป็นโปรเจคแบบ open-source สามารถใช้งานได้ฟรีแบบไม่ต้องลอคอินหรือสมัครสมาชิกใดๆ และมี prompt database เป็นฐานข้อมูลให้เราได้ศึกษาการใช้งาน prompt ด้วย

AI ช่วยสร้างเสียงและวิดีโอ (Media Creator)

Murf

เปลี่ยนตัวอักษรให้เป็นเสียงคนโดยการใช้ AI เพื่อพากย์เสียงให้เรา มีตัวเลือกในการปรับแต่งเสียงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงสำหรับ ธุรกิจ เกม การนำเสนอ พอตแคสต์ และอื่นๆ รวมถึงเพศและอายุของเสียงที่เราต้องการด้วย โดยเป็นเสียงที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากเสียงจริงๆ 

ราคามีตั้งแต่แบบฟรี (พร้อมข้อจำกัดการใช้งาน) และราคาแบบเบสิคอยู่ที่ 29 แบบโปร 39  และสำหรับองค์กรในราคา 59 เหรียญฯ ต่อเดือน

Supercreator

Supercreator แอปพลิเคชั่นที่ใช้ AI มาช่วยเราสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นๆ อย่าง Reels หรือ TikTok โดยให้ AI เขียนสคริปต์ในเรื่องนี่เราสนใจ พร้อมสร้างวิดีโอพื้นหลัง แคปชั่น ซับไตเติล แฮชแทก และตัดต่อให้เราอัตโนมัติ Supercreator เคลมว่าสามารถช่วยให้เราสร้างคอนเทน์ได้เร็วขึ้น 10 เท่าเลยทีเดียว แต่ตอนนี้การใช้งานจำเป็นต้องสมัครเพื่อรอ Early Access ก่อน

AI Search ค้นหาอะไรก็เจอ ถามอะไรก็ตอบได้  

Microsoft Edge + Bing

New Microsoft Edge experience ได้อัปเดตเบราว์เซอร์ Edge ด้วยความสามารถ AI ใหม่และรูปลักษณ์ใหม่ และได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่สองฟังก์ชัน: แชทและเขียน ด้วย Edge Sidebar ยกตัวอย่างเช่น สามารถขอสรุปรายงานทางการเงินแบบยาวเพื่อรับข้อมูลสำคัญ จากนั้นใช้ฟังก์ชันแชทเพื่อขอข้อมูลเปรียบเทียบกับข้อมูลทางการเงินของบริษัทคู่แข่งและบันทึกข้อมูลในเอกสารโดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถขอให้ Edge ช่วยเขียนเนื้อหา เช่น โพสต์บน LinkedIn หลังจากนั้น สามารถขอให้ช่วยอัปเดตโทน รูปแบบ และความยาวของโพสต์ได้ ซึ่ง Edge สามารถเข้าใจหน้าเว็บที่เปิดอยู่และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้

เปิดตัวพร้อมกับ New Bing ที่มีแชทบอทและฟังก์ชันหลากหลายจากเทคโนโลยีของ ChatGPT ด้วยความร่วมมือกันของ Microsoft และ OpenAI

Brave + Brave Search

Brave ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี AI บน Browser และ Search Engine ของตัวเอง “Brave Summarizer” โดยทำหน้าที่สรุปใจความสำคัญของสิ่งที่เราค้นหาผ่านการใช้ Large Language Model (LLMs) ที่ทาง Brave เทรนขึ้นมาเอง ทำให้สามารถประมวลผลคำตอบออกมาได้อย่างแม่นยำและถูกต้องมากขึ้น รวมไปถึงภาษาที่ออกมาจะมีความอ่านรู้เรื่องมากขึ้นด้วย พร้อมแนบลิ้งค์แหล่งที่มาของข้อมูลคล้ายกับ Edge หรือ Bing เพิ่มความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ของข้อมูล 

Brave Summarizer ถูกพัฒนาและออกแบบโดยทีม Brave Search และจุดเด่นที่มีไม่เหมือน Microsoft Edge คือการที่ Brave ไม่ได้ใช้ ChatGPT หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องใดๆ แต่ใช้ LLMs ถึง 3 ตัวในการเทรนข้อมูลที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

AI ช่วยแปลภาษา (Translator)

DeepL 

DeepL เป็นสตาร์ทอัปที่เปิดตัวในปี 2017 ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของ Google Translate เนื่องจากมีหลายเสียงจากผู้ใช้งานกล่าวว่ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่าในเรื่องของการแปลภาษา ที่ผ่านการเทรนข้อมูลแปลภาษานับล้าน ที่ใช้ AI ต่างจากคู่แข่งโดยใช้ Convolutional Neural Networks (CNNs) ที่ทำให้การแปลมีความแม่นยำและตรงมากกว่า ข้อจำกัดที่มีคือยังไม่รองรับภาษาได้เยอะเท่ากับ Google Translate 

การใช้งานแบบฟรีจำกัดการแปลให้แค่ 5,000 ตัวอักษร โดยราคาแบบเสียเงินที่จะทำให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบมากขึ้นอยู่ที่ 10.49-68.99 เหรียญฯ ต่อเดือน

memoQ translator pro

memoQ translator pro เป็นโปรแกรมช่วยแปลซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ที่พิเศษคือมันได้รับการออกแบบโดยนักแปล เพื่อนักแปลโดยเฉพาะ รองรับมากกว่า 100 ภาษา รวมถึงภาษาไทย (แต่ยังไม่สามารถใช้ภาษาไทยเป็นภาษาต้นทางได้) และมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยทำงานแปลขั้นสูง ตัวอย่างเช่น 

  • ใช้คำแปลก่อนหน้าซ้ำ ไม่ต้องแปลคำเดิมซ้ำสอง ช่วยลดเวลาการทำงาน
  • สร้างอภิธานศัพท์ (ศัพท์เฉพาะศาสตร์)พร้อมบันทึกคำแปล
  • เพิ่มเอกสารอ้างอิง
  • แม่นยำด้วยการรักษาการแปลตามบริบท แนะนำทิศทางภาษาที่ถูกต้อง

โดย memoQ translator pro มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 620 ยูโร แปลงเป็นเงินไทยประมาณ 23,000 บาท แต่ก็เป็นการซื้อครั้งเดียว สำหรับใครที่ต้องใช้แบบยาวๆ ก็ถือว่าคุ้มอยู่นะ 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI จะเป็น ‘ผู้กอบกู้’ หรือ ‘ผู้ทำลาย’ การ์ตูนญี่ปุ่น

เมื่อประตูสู่วัฒนธรรมและเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นอย่าง อนิเมะและมังงะกำลังถูก AI แทรกแซง อนาคตของวงการนี้จะเป็นยังไง ?...

Responsive image

เจาะลึกเทรนด์ Spatial Computing จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับองค์กรยุคใหม่

Spatial Computing คือเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนจริงและโลกจริงเข้าด้วยกัน ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัล ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการฝึกอบรมและ...

Responsive image

ถอดกลยุทธ์ ‘ttb spark academy’ ปั้น Intern เพิ่มคนสายเทคและดาต้า Co-create การศึกษาคู่การทำงานจริง

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เห็น Pain Point ว่าประเทศไทยขาดกำลังคนด้านดิจิทัล (Digital Workforce) และธนาคารก็ต้องการคนเก่ง Tech & Data จึงจัดตั้ง ‘ttb spark academy’ เพื่อปั้น ...