AWS เผย เทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญปี 2022 และอนาคต

โดย ดร.เวอร์เนอร์ โวเกิลส์ รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Amazon.com

AWS ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีคลาวด์มานานกว่า 15 ปี เผย 5 เทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่สำคัญในปี 2022 และอนาคต โดย ดร.เวอร์เนอร์ โวเกิลส์ รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Amazon.com

AWS เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีคลาวด์มานานกว่า 15 ปี เรามาถึงจุดที่โครงสร้างพื้นฐานบนระบบคลาวด์ได้พัฒนาจนมาอยู่ในทุกสิ่งอย่างและเข้าถึงได้จากทุกที่บนโลก หรือแม้แต่ในอวกาศ ระบบคลาวด์ทำให้สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนิยายวิทยาศาสตร์กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ โมเดลและการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) นั้นดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด มากจนเราเห็นการนำไปใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ ที่เราเคยแค่จินตนาการตามในภาพยนตร์และการ์ตูน เรากำลังเข้าสู่ช่วงที่มีข้อมูลมากมาย การเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ แทบจะทำได้ในทันที และความสามารถของเราในการทำความเข้าใจข้อมูลด้วยวิธีใหม่ ๆ นั้นก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่เป็นการทำให้เรามีส่วนร่วมกับโลกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปี 2022 นี้จะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นในด้านเทคโนโลยี ที่จะผลักดันเราทุกคนรวมถึงในประเทศไทยด้วยให้ก้าวต่อไปข้างหน้า

ข้อหนึ่ง: การพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องไม่พลาดที่จะรองรับเทคโนโลยี AI  

การพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นกระบวนการที่สร้างสรรค์ แต่มีขั้นตอนซ้ำ ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี 2022 นี้แมชชีนเลิร์นนิง (ML) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญโดยจะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างโค้ดที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น

เครื่องมือต่าง ๆ จาก AWS เช่น Amazon DevOps Guru, Amazon CodeGuru, GitHub Copilot และ GPT-3 เป็นขั้นตอนแรก ๆ ที่ผมมองว่าเป็นอนาคตของการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยที่ ML ถูกใช้ในการพัฒนาโค้ดและขั้นตอนการทำงานของซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นความสามารถที่เพิ่มขึ้นอีกในด้านนี้   

ML จะช่วยให้นักพัฒนาไม่ต้องเสียเวลาไปกับงานบางส่วน เช่น การตรวจสอบโค้ดและการแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นการยกภาระอันหนักอึ้งออกจากงานของพวกเขา และทำให้พวกเขาสามารถมุ่งความสนใจไปที่การสร้างสรรค์มากขึ้น เทคโนโลยีเดียวกันนี้จะช่วยให้เราเขียนระบบที่ซับซ้อนได้เร็วกว่าที่เคย และเปิดประตูสู่นักพัฒนาอีกระดับ

ข้อสอง: เมื่อคลาวด์อยู่ทุกที่ อุปกรณ์ที่อยู่ปลายทาง (edge) ที่เชื่อมต่อกับคลาวด์ก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย

เราได้เห็นเทคโนโลยีคลาวด์ขยายเข้าไปสู่ทุกหนแห่งด้วยอุปกรณ์และโซลูชันต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ในปี 2022 นี้ เราจะเห็นโซลูชันเหล่านี้นำคลาวด์มาใช้ได้เต็มศักยภาพเพื่อช่วยในการพัฒนา คลังสินค้า ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ฟาร์ม และอื่น ๆ ก็ต่อเมื่อมีโซลูชันที่ปลายทางที่ออกแบบให้รองรับงานต่าง ๆ เหล่านี้

สิ่งที่เราจะได้เห็นในปี 2022 นี้ และในปีต่อ ๆ ไป คือการที่คลาวด์เป็นมากกว่าโมเดลโครงสร้างพื้นฐาน และกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีเฉพาะทาง คลาวด์จะอยู่ในรถยนต์ กาน้ำชา และทีวี คลาวด์จะอยู่ในทุกสิ่งตั้งแต่รถบรรทุกที่ขับไปตามถนน ไปจนถึงเรือ และเครื่องบินที่ขนส่งสินค้า คลาวด์จะถูกใช้ทั่วโลกและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือระบบดิจิทัลเกือบทุกชนิดบนโลก หรือแม้แต่ในอวกาศ

ข้อสาม: การเพิ่มขึ้นของความอัจฉริยะ โดยเฉพาะในการดูแลผู้สูงอายุ

ในปี 2022 นี้ บ้านและอาคารของเราจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีขึ้นและเป็นเสมือนเพื่อนที่เอาใจใส่เรามากขึ้น และช่วยตอบสนองความต้องการของเราได้อย่างแท้จริง ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุ

สิ่งหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมมากที่สุดเกี่ยวกับเทคโนโลยี คือบทบาทในการแก้ปัญหาที่สำคัญต่าง ๆ ของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง หลังจากการพบปะกับลูกค้าทั่วโลกในหลายปีที่ผ่านมา ผมได้เห็นพวกเขาใช้เทคโนโลยีบนคลาวด์เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้น เราจึงเริ่มบันทึกเรื่องราวของพวกเขาผ่านรายการ Now Go Build ซึ่งหนึ่งในลูกค้าที่สร้างแรงบันดาลใจและเราได้นำเสนอในรายการนี้ คือบริษัทในญี่ปุ่นชื่อ Z-Works ที่มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการดูแล และเอาใจใส่ผู้สูงอายุอย่างชาญฉลาด เมื่อผู้ที่สะดวกมาทำหน้าที่ดังกล่าวมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งโซลูชันที่เกิดขึ้นคือการติดตั้งเซ็นเซอร์ในเตียงและทั่วทุกห้องในบ้านพักคนชรา เพื่อเชื่อมต่อทั้งหมดกับระบบคลาวด์ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ตลอด 

นอกจากนี้ เซ็นเซอร์เหล่านี้ไม่เพียงแค่ตรวจสอบสัญญาณชีพเท่านั้น แต่ยังสามารถบอกได้หากมีคนเข้าห้องน้ำแล้วไม่กลับออกมา เนื่องจาก Z-Works ใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงที่ได้รับการเทรนในระบบคลาวด์ ทำให้ระบบสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลได้ด้วย สิ่งเหล่านี้คือการตอบสนองต่อความต้องการมนุษย์ที่เกิดขึ้นจากพื้นที่อัจฉริยะ เรากำลังเข้าสู่แนวคิดอย่างเช่น การคำนวณโดยรอบ การรวบรวมข้อมูลของเซ็นเซอร์ IoT การรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจากระยะไกล และอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ อย่าง Amazon Alexa ที่จะมีผลกระทบเชิงบวกอย่างที่เรารู้กัน

ในอีกหลายปีข้างหน้า เราจะเห็นพื้นที่อัจฉริยะเกิดขึ้นมากมายในหลายรูปแบบการใช้งาน โดยเฉพาะในการใช้เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานพื้นฐานประจำวันเช่น เช่น การปิดไฟ ล็อคประตู หรือปิดเตาไฟฟ้า ไปจนถึงการใช้งานในบริบทอื่น ๆ ที่เทคโนโลยีสามารถทำได้ เช่น ถามคำถามเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในชีวิตประจำวันที่แตกต่างออกไป และดำเนินการแก้ไขเมื่อจำเป็น ซึ่งจะส่งผลให้การดูแลผู้คนดียิ่งขึ้น และในกรณีของผู้สูงอายุ นั่นหมายความว่าเราจะสร้างที่อยู่อาศัยในอีกระดับเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่ที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย 

ข้อสี่: สถาปัตยกรรมคลาวด์ที่คำนึงถึงความยั่งยืน

ในปี 2022 นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะเริ่มให้ความสนใจในเรื่องความยั่งยืนในขณะที่พัฒนาแอปพลิเคชันและระบบต่าง ๆ พวกเขาจะมองหาแนวทางใหม่ ๆ สำหรับสถาปัตยกรรมคลาวด์ ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความยั่งยืนของโลกในปัจจุบันตลอดจนความต้องการของผู้ใช้ไปพร้อมกัน

ในฐานะนักพัฒนา เราได้รับการฝึกให้คิดถึงวิธีการปรับสถาปัตยกรรมของเราให้เหมาะสมที่สุดสำหรับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และต้นทุน และในปี 2022 นี้ ความยั่งยืนคือสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ สิ่งที่เราจะเริ่มเห็นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คือนักพัฒนาที่มีบทบาทอย่างมากในการสร้างสถาปัตยกรรมคลาวด์ที่คำนึงถึงความยั่งยืน โดยไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะปัญหาที่พวกเขากำลังแก้ไขเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาของโลกด้วย

ในฐานะผู้บริโภค เราต้องการให้การสตรีมมิ่งวิดีโอและเพลงมีคุณภาพสูงขึ้นมานานแล้ว ต้องการโหลดหน้าเว็บต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น และสามารถจัดเก็บรูปภาพได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้คนก็เริ่มตระหนักถึงผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดกับสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น

ผู้บริโภคจำเป็นต้องดาวน์โหลดได้เร็วที่สุดจริงหรือ หรือเราสามารถช่วยให้พวกเขาเลือกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยลดความเร็วในการดาวน์โหลดลงเล็กน้อย หรือให้การสตรีมวิดีโอในคุณภาพที่ต่ำกว่า 4K เล็กน้อย เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเรา ซึ่งสถาปัตยกรรมคลาวด์ที่ยั่งยืนจะพิจารณาถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย

หากพูดให้ชัดเจนคือ เทคโนโลยีใช้พลังงาน และที่ AWS เรามุ่งมั่นที่จะสร้างตัวเลือกของโครงสร้างพื้นฐานที่ชาญฉลาด เรากำลังมุ่งสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมคือปี 2030 ถึง 5 ปี ซึ่งการทำให้ระบบคลาวด์นั้นทำงานโดยใช้ลม แสงอาทิตย์ หรือพลังน้ำ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบด้านความยั่งยืนที่เรา นักพัฒนา และทุกคนที่ร่วมบริหารบริษัททำร่วมกัน เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน และความพยายามอย่างแท้จริง ที่ลูกค้า พนักงาน และพนักงานที่จะเข้ามาในอนาคตต้องการที่จะเห็นมากขึ้น

ข้อห้า: คลื่นลูกใหม่ของการเชื่อมต่อจะนำมาซึ่งแอปพลิเคชันในอีกระดับ

ดาวเทียมวงโคจรต่ำของโลก หรือ Low Earth orbit (LEO) satellites จะนำบรอดแบนด์ที่ราคาไม่สูงไปยังทุกมุมโลก สิ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของผู้คนหลายพันล้านคน ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียน ธุรกิจขนาดเล็ก และแทบทุกคนในโลกออนไลน์

ในอีก 5 ปีข้างหน้า ดาวเทียมมากกว่า 20,000 ดวง จะกระจายออกไปใน LEO เหนือโลกของเรา ในจำนวนนี้จะมีประมาณ1,500 คน จาก Project Kuiper ของ Amazon ซึ่งเป็นเครือข่ายดาวเทียมที่มีเป้าหมายในการส่งมอบบรอดแบนด์ที่รวดเร็วและราคาไม่แพงให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ที่ไม่ได้รับบริการและด้อยโอกาสทั่วโลก  (ดาวเทียมกลุ่มแรกมีแผนจะขึ้นสู่วงโคจรในฤดูใบไม้ร่วงปี 2022) สิ่งที่ผมมองว่าจะมาพร้อมกับเครือข่ายบรอดแบนด์นี้ คือแอปพลิเคชันประเภทใหม่ ที่จะได้รับประโยชน์จากบรอดแบนด์นี้

ปัจจุบันนี้ แอปพลิเคชันดิจิทัลส่วนใหญ่ถูกจำกัดโดยเครือข่ายที่มีอยู่ ซึ่งออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่อแบบบิตเรตต่ำหรือการเชื่อมต่อที่ไม่ต่อเนื่อง ในบางกรณีเรามีแอปพลิเคชันและระบบดิจิทัลที่ออกแบบมาให้ใช้งานแบบออฟไลน์ แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งเหล่านี้จะล้าสมัยอย่างรวดเร็วหรือมีฟังก์ชันที่จำกัด ลองนึกถึงเครื่องนำทาง GPS แบบเดิม ๆ เทียบกับการใช้แอปบนมือถือ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณไม่ถูกจำกัดด้วยการเชื่อมต่อ แบนด์วิดท์ หรือเครือข่ายที่มีความล่าช้าสูงอีกต่อไป ความเป็นไปได้มากมายจะกลายเป็นความจริงเมื่อการเชื่อมต่อที่ราคาไม่แพงมาถึงทุกหนแห่งบนโลกผ่านดาวเทียม LEO

ด้วยการเชื่อมต่อที่มีอยู่ทุกหนแห่ง เราจะสามารถทำในสิ่งที่ในปัจจุบันทำไม่ได้ ลองนึกภาพเด็กทุกคนในโรงเรียนสามารถใช้เครื่องมือการเรียนรู้แบบเดียวกันได้ หรือเมื่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางได้รับเครื่องมือดิจิทัลที่พวกเขาต้องการเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น ขยายธุรกิจ และสร้างงานในท้องถิ่น ในชนบท และพื้นที่ห่างไกลทั่วโลก เราสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของการปลูกป่าในพื้นที่ห่างไกลได้ง่ายขึ้น สามารถติดตามและรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น ไฟไหม้และน้ำท่วม

องค์กรขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์ในหลายพื้นที่ห่างไกล เช่น การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องจักรขนาดใหญ่ หรืออาคารที่อยู่ห่างไกล จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและการบำรุงรักษาสินทรัพย์เหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น บริษัทขนส่งต่าง ๆ ที่มียานพาหนะ เครื่องบิน และเรือที่กำลังให้บริการ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อัปโหลดไปยังคลาวด์ได้อย่างต่อเนื่อง และดาวน์โหลดไปยังยานพาหนะและเรือ ไม่ว่าจะอยู่บนพื้นดิน ในอากาศ และบนน้ำ การเชื่อมต่อที่มีอยู่ทุกหนแห่งจะนำเราจากพื้นที่อัจฉริยะ ไปสู่เมืองอัจฉริยะ ประเทศอัจฉริยะ และไปสู่โลกอัจฉริยะในที่สุด

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Gartner ชี้สัญญาณอันตราย 5 จุดบอดของ GenAI ที่ผู้บริหารไอทีต้องเร่งจัดการก่อนจะสาย

Gartner เตือน CIO ถึง 5 จุดบอดสำคัญในการใช้ GenAI ทั้ง Shadow AI, หนี้ทางเทคนิค และทักษะคนที่ถดถอย พร้อมทำนายปี 2030 คือจุดชี้ชะตาธุรกิจ...

Responsive image

สรุป Insight จาก ‘Turn ThAI to Tech Tide’ ชี้ไทยผลิต AI Talent ได้ไม่ถึง 500 คนต่อปี ถอดรหัส 4 กลยุทธ์จาก ดร.เอ้ และ ดร.อ้อ กู้วิกฤต Talent พลิกอนาคต AI ไทย

เจาะลึกกลยุทธ์กู้วิกฤตระบบเทคไทยจากการศึกษาจนถึงนโยบายรัฐ จากเวที AI Innovation Summit 2025 แก้ปัญหาไทยโตช้าในสนาม Data Economy ระดับโลก...

Responsive image

ปรากฏการณ์ Tech Squad เมื่อตัวจริงวงการสตาร์ทอัพกระโดดสู่สนามเลือกตั้ง 69

วิเคราะห์เจาะลึกปรากฏการณ์ Tech Squad พรรคประชาชน แม็กซ์ StockRadars, ป้อม ภาวุธ, มาร์ค Blognone กับภารกิจเปลี่ยนภาครัฐด้วย Data และ Tech ในสนามเลือกตั้ง 69...