Cloud Computing ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับหลายองค์กรในการสำรองข้อมูลแทนวิธีดั้งเดิมอย่างการเก็บรวมไว้ที่สำนักงานหลัก หรือเซิร์ฟเวอร์ขนาดยักษ์ เพราะ Cloud ทำหน้าที่ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้ในรูปแบบต่าง ๆ และการเข้าถึงข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเหมาะสำหรับเทรนด์การทำงานแบบ remote work อย่างเช่นในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก และที่สำคัญมีความปลอดภัยสูง และมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่จัดการได้ง่าย โดยจะถูกคำนวณตามปริมาณที่ใช้เท่านั้น (pay per use) การประมวลผลด้วยระบบ Cloud นี่เองช่วยให้นักพัฒนาและแผนกบริการด้านไอทีลดภาระด้านการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ วางแผนความจุ หรือการจัดซื้อได้
ยิ่งไปกว่านั้น เรามีตัวเลือกในการเลือกใช้ Cloud ได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการผูกติดกับ Public Cloud, Private Cloud เจ้าใดเจ้าหนึ่ง หรือจะเลือกจับจ่ายใช้บริการ Public Cloud Provider พร้อมกันในรูปแบบ Multi-Cloud และ Hybrid Cloud โดย NTT ประเทศไทยได้เป็นคู่ค้าหลักของ Cisco ในการนำ SD-WAN และโซลูชั่นต่าง ๆ ของ Cisco ทางด้าน Network ที่เป็นอันดับต้นของโลก มาช่วยในการทำให้การเชื่อมต่อระบบ Data Center, Hybrid Cloud, Public Cloud ไปถึง Hybrid Multi-Cloud ทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบพร้อมทั้งความเสถียรที่ทุกคนยอมรับทั่วโลก และเราก็ยังสามารถใช้บริการ Cloud จาก Microsoft Azure และ Google Cloud ไปพร้อม ๆ กันเพื่อนำจุดแข็งของแต่ละแอปพลิเคชั่น มาตอบโจทย์ของแต่ละฝ่ายในองค์กร
สำหรับองค์กร การเคลื่อนย้ายข้อมูลไม่ว่าจะมาจากระบบงานดั้งเดิม ไปยัง Cloud หรือจากแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ไปยังระบบ Cloud ที่มีอยู่เดิม อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เสียเวลา หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายราคาแพง เพราะต้องจัดการธุรกิจให้มีโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับ Cloud ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เครือข่าย ตรวจสอบความปลอดภัยภายในและภายนอก การจัดเก็บข้อมูลจากหลากหลายแห่ง จนไปถึงการสำรองข้อมูลให้เป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราสามารถลดความซับซ้อนของขั้นตอนได้ผ่านบริการย้ายระบบ Cloud ที่จะช่วยองค์กรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และสามารถต่อยอดให้ระบบ Cloud ขององค์กรมีการเชื่อมต่อที่เสถียรและปลอดภัย
ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นมักจะเป็นจุดที่ยากที่สุด ในเบื้องต้นองค์กรเองอาจจะยังไม่ทราบแม้แต่จุดประสงค์และความจำเป็นในการเคลื่อนย้ายระบบข้อมูลของเราว่าจะต้องย้ายหรือไม่ หรือถ้ากรณีที่จะย้าย ต้องย้ายข้อมูลทั้งระบบ หรือเฉพาะบางส่วน ในส่วนนี้ทาง NTT ประเทศไทย ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาด้าน IT จะช่วยองค์กรในการเข้าสู่ระบบ Cloud ได้อย่างง่ายดายด้วย Cloud Starter Service
Cloud Starter Service เป็นบริการที่ NTT ประเทศไทย จะเข้าไปวิเคราะห์ลักษณะของธุรกิจในองค์กร ว่ามีความพร้อมสำหรับการทรานฟอร์มไปสู่ Cloud แค่ไหน โดยเริ่มต้นจากการทำ Assessment เพื่อให้ทราบว่าองค์กรของลูกค้ามี Roadmap หรือกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นไปในทิศทางไหน แล้วจึงทำการ Mapping เข้ากับเทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชันที่เหมาะกับการใช้ Cloud Service หรือ Cloud Provider ให้เหมาะสมที่สุด รวมถึงการตรวจสอบระบบเดิมว่าเหมาะกับการ Move to Cloud หรือไม่ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จากนั้นทาง NTT ประเทศไทย จะช่วยออกแบบกลยุทธ์ที่จะทรานฟอร์มองค์กรให้เข้ากับ Cloud ได้อย่างยืดหยุ่น โดยมีเครื่องมือต่าง ๆ ให้องค์กรเลือกใช้ตามจุดประสงค์ เมื่อนำฐานข้อมูลขององค์กรเดิมขึ้น Cloud ได้แล้ว ก็จะให้คำแนะนำ ปรึกษาถึงขั้นตอนการทำงาน และเลือกพาร์ทเนอร์ร่วมที่สอดคล้องกับ Cloud ซึ่งในส่วนนี้ NTT ประเทศไทย จะคอยดูแลการทรานฟอร์มขององค์กรตั้งแต่ระยะสั้นไปจนถึงระยะยาว ขณะเดียวกันก็จะช่วยจัดการงบประมาณภายในตัวให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด
ซึ่ง NTT เป็นบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก มีการร่วมมือกับองค์กรชั้นนำต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อพัฒนาและส่งมอบความสำเร็จให้กับลูกค้าผ่านโซลูชั่นเทคโนโลยีอัจฉริยะ หมายรวมถึงการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การเชื่อมโยงถึงกัน ระบบดิจิทัล และความปลอดภัย ด้วยความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความสามารถด้าน ICT ที่มีกระจายอยู่ทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอบริการทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างโดดเด่นอาทิ ระบบเครือข่าย Cloud Hybrid Cloud บริการศูนย์ข้อมูล (Data Center) การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital Transformation) การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ระบบ Network Infrastructure ระบบรักษาความปลอดภัย (Cybersecurity) ไปจนถึงออกแบบการใช้ Cloud และสร้างโซลูชั่นได้ตรงตามเป้าหมาย และตอบโจทย์วัตถุประสงค์ขององค์กรได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ การเงินการธนาคาร, โรงงานอุตสาหกรรม, ธุรกิจค้าปลีก, โรงพยาบาล, มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา และองค์กรอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นกับสภาพแวดล้อม Multi Cloud, ระบบเชื่อมต่อ ไปจนถึงการมองหาโซลูชั่น และแอปพลิเคชันใหม่ของธุรกิจ ทำให้สถาปัตยกรรม WAN แบบเดิมไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อสนับสนุนการทำงานที่กระจายตัว และความซับซ้อนของระบบ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับองค์กรในการพิจารณาไม่แพ้ระบบ Cloud ซึ่งในก่อนหน้านี้ ระบบ WAN หรือ Wide Area Network เป็นเสมือนสะพานอินเตอร์เน็ตที่คอยกระจายการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตครอบคลุมทั้งองค์กร และช่วยเชื่อมต่อเครือข่ายของ Data Center จากภายในตัวองค์กรไปยังผู้ให้บริการระบบ Cloud แต่ข้อจำกัดของระบบเครือข่าย WAN ก็คือมีการออกแบบเครือข่ายให้รองรับการเชื่อมต่อ Cloud ได้ในจำนวนน้อย การเดินทางไปมาของข้อมูลในแต่ละ branch สาขาจึงล่าช้า ยากในการบริหารจัดการ ไปจนถึงเกิดปัญหาระบบขัดข้อง (downtime) ได้ ถ้าหากใช้เส้นทางหลายแห่งจนเกินไป เพราะว่า WAN ยังต้องผ่านอินเทอร์เน็ตจากส่วนกลางขององค์กร ประกอบกับยังไม่รับประกันความปลอดภัยกรณีเกิดการโจมตีทางไซเบอร์รูปแบบใหม่ ๆ ด้วย ดังนั้นหากผู้ใช้เกิดต้องการจัดการระบบ Multi Cloud ภายในเวลาเดียวกัน ระบบ WAN อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน
Cisco ผู้เป็นพาร์ทเนอร์หลักของ NTT ประเทศไทย จึงได้พัฒนาระบบเครือข่ายที่รองรับการเชื่อมต่อหลายช่องทางมากขึ้น ออกมาเป็น SD-WAN Solution (Software-Defined Solution) ในระบบเครือข่ายรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยบริหารจัดการ Cloud ให้เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะมาจากศูนย์ข้อมูลส่วนกลางองค์กร ระบบ Cloud อุปกรณ์ IoT และอุปกรณ์เคลื่อนที่ ให้มีการเดินทางส่งต่อข้อมูลได้อย่างอิสระ มีความยืดหยุ่น ด้วยคุณสมบัติการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับ Multi Cloud ระบบรักษาความปลอดภัยที่คลอบคลุมกว้างขึ้น การสื่อสารที่เป็นหนึ่งเดียว โดยการเชื่อมต่อ SD-WAN สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิผลของงาน ความสามารถในการมองเห็นตั้งแต่ต้นจนปลายทาง เพราะมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์การเดินทางในแต่ละระบบ และคัดกรองลักษณะของแต่ละ Traffic โดยละเอียด เพื่อที่จะส่งมอบการเดินทางของข้อมูลที่ราบรื่นไม่มีสะดุด ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางด้วยระบบ WAN แบบปกติได้ถึง 38% อีกทั้งให้ประสบการณ์ด้านแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถควบคุมประสิทธิภาพการทำงานแบบรวมศูนย์ได้ทั้งบนระบบ Cloud และ on-premises ได้อย่างเรียลไทม์ด้วยระบบบริหารจัดการผ่าน Cisco vManage Console ได้โดยตรง เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว
NTT ประเทศไทย พร้อมนำเสนอโซลูชั่นเพื่อการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Network) การรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรแบบ end-to-end ที่ครอบคลุม WAN สาขาและระบบ Cloud ของลูกค้า การจัดการและมอนิเตอร์ระบบ จนถึงช่วยออกแบบโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย Cloud ลดความเสี่ยง และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://bit.ly/3uhjphU หรือ [email protected]
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด