Cloud HM เตรียมพร้อมนำองค์กรไทยสู่ Modern Application เปลี่ยน Legacy App สู่ Cloud Native App ด้วย VMware Tanzu | Techsauce

Cloud HM เตรียมพร้อมนำองค์กรไทยสู่ Modern Application เปลี่ยน Legacy App สู่ Cloud Native App ด้วย VMware Tanzu

Cloud HM ร่วมกับ VMware Thailand จัดงาน “It's A Cloud Native Day. Transform your Legacy App into Cloud Native App with VMware Tanzu” งานสัมนาสุดพิเศษในหัวข้อเกี่ยวกับ Cloud Native App ประกาศความพร้อมในการให้บริการ “VMware Tanzu” Kubernetes as a Service บน Local Data Center จาก Cloud HM และในฐานะพาร์ทเนอร์ VMware Cloud Verified ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโซลูชั่นสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนจาก Legacy Application สู่ Application Modernization ตอบโจทย์การบริหารจัดการข้อมูลมหาศาลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างวดเร็วในปัจจุบัน 

คุณเอกภาวิน สุขอนันต์ Country Manager, VMware Thailand กล่าวต้อนรับเปิดงานโดยระบุว่า “ในปัจจุบันสังคมเราใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นแอพลิเคชั่นอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียที่เราใช้งาน เราทุกคนล้วนอยู่บนระบบคลาวด์ ข้อมูลมหาศาลหมุนเวียนอยู่ใน Data Center หากเราสังเกตถึงข้อมูลที่เราเห็น จะเป็นข้อมูลจากการสังเคราะห์และส่งข้อมูลต่อไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อทำการวิเคราะห์สิ่งที่เราสนใจและแนะนำสินค้าเหล่านั้นให้เราเห็น การวิเคราะห์ข้อมูลจากคลาวน์กลายเป็นวิถีหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา กลายเป็น Cloud Native Everyday”  

ซึ่งภายในงานได้รับความสนใจจากลูกค้าและผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังทั้งรูปแบบ Physical และ Virtual เป็นจำนวนมาก โดยไฮไลต์สำคัญของงานในครั้งนี้ คือ การร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับ Cloud Native App นำทีมโดยผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญจาก VMware Thailand, Cloud HM และVeeam ใน Session ต่าง ๆ ในช่วงสุดท้ายสำหรับผู้เข้าร่วมงานที่ได้ร่วมกิจกรรมกับบูธภายในงาน ลุ้นรับ NFT N’Ready และรางวัลสุด Exclusive อีกมากมาย

Cloud Native Trend is Main Focus

ปัจจุบันสถานการณ์โควิดได้กระตุ้นให้ธุรกิจปรับปรุงระบบพัฒนาแอพลิเคชั่นให้ทันสมัยอย่างมีนัยสำคัญ ธุรกิจเห็นความสำคัญของคลาวน์มากขึ้น ทั้งเรื่อง Software, Infrastructure Platform คุณณพัชร อัมพุช Managing Director, Cloud HM กล่าวว่า “ธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มมีการยก Traditional Application ที่อยู่บนระบบ On-Premise เช่น VM, ERP, Accounting, Fileshare ขึ้นสู่ระบบคลาวด์ (Lift & Shift) ในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึง Cloud Native App ที่มี Modern Workloads สำคัญ ๆ เช่น Devops, Big Data, AI, ML ซึ่งเราจะเห็นหลายองค์กรไม่ว่าจะเป็นองค์กรแบบ Business to Business (B2B) หรือ Business to Customer (B2C) มักจะพูดถึง Big Data, AI (ปัญญาประดิษฐ์), ML (Machine Learning) เนื่องจากระบบเหล่านี้จะช่วยวิเคราะห์และจัดการข้อมูลให้การทำธุรกิจง่ายขึ้นและข้อมูลเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้แก่องค์กรมหาศาล”

Cloud Native App คืออะไร ?

Cloud Native App คือ รูปแบบของการพัฒนาแอปพลิเคชันสมัยใหม่ที่มีการใช้งานบนคลาวด์เพื่อรองรับ Cloud Computing Model โดยมี 3 ลักษณะสำคัญ ได้แก่ 

  • Scalable หากมีผู้ใช้งานเพิ่มจำนวนมากขึ้น แอปพลิเคชัน ต้องมีโครงสร้างที่รองรับปริมาณการเข้าใช้จำนวนมากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สามารถสเกลได้อย่างรวดเร็วและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
  • Portable สามารถย้ายระบบการทำงานหรือตัวแอปพลิเคชัน  จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งได้อย่างสะดวก ไม่จำกัดแค่คลาวด์ใดคลาวด์หนึ่ง
  • Microservice มีการแบ่งแยกส่วนการทำงานที่เป็นอิสระ ซึ่งจะแตกต่างจากรูปแบบแอปพลิเคชันที่เป็นลักษณะ Monolithic

ทำความเข้าใจ Key Technologies for Application Modernization

  • Cloud Computing บริการหน่วยจัดเก็บข้อมูล พัฒนา และประมวลผลทรัพยากรตามความต้องการผู้ใช้ผ่านทางระบบคลาวด์หรืออินเทอร์เน็ตเพื่อการเข้าถึงข้อมูลจากที่ใดก็ได้  
  • Containers ระบบที่รองรับการทำงานที่ครอบคลุม ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานจนถึงการรันซอฟต์แวร์ ผ่าน Command Line 
  • Orchestration and Automation การรันระบบการทำงานอัตโนมัติโดย Devsecops ที่ครอบคลุม CI-Continuous Integration และ CD-Continuous Deployment 
  • Microservice การแบ่งแยกส่วนการทำงานหรือเซอร์วิสของแอปพลิเคชันในลักษณะ Monolithic Architecture หรือ Legacy Application เป็นเซอร์วิสย่อย ๆ ที่มี Database ของตนเอง เรียกใช้งานผ่าน API เดียวกัน ขอบเขตของข้อมูลจะชัดเจนมากขึ้น ข้อดีของ Microservice คือ การพัฒนากระบวนการ Deployment เป็นอิสระและรวดเร็ว ไม่กระทบการทำงานของแอปพลิเคชันอื่น สามารถกำหนดขอบเขตของเซอร์วิสที่จะเลือกพัฒนาได้เจาะจง เมื่อเกิดข้อผิดพลาดจะไม่กระทบกับเซอร์วิสอื่นที่เหลือ สามารถวางแผนพัฒนาในอนาคต ทำให้การทำงานของ Technological Team มีประสิทธิภาพมากขึ้นและอิสระมากขึ้นในการออกแบบเซอร์วิสและแก้ปัญหาต่าง ๆ 

คุณอาทิตย์ อุ่นแก้ว Technical Lead,Cloud HM กล่าวว่า “เมื่อแบ่งเป็น Microservice แล้ว การพัฒนาของเราก็จะเร็วขึ้นในการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ ความพึงพอใจของลูกค้าเมื่อเราส่งมอบฟีเจอร์ได้อย่างรวดเร็ว เราสามารถส่ง Code ไปที่ระบบได้หลายครั้งโดยมีความน่าเชื่อที่สูง และเป็นการปรับความเข้าใจระหว่าง Developer และ Operation จากนั้นทีมจะมีเวลาในการไปเรียนรู้ Innovation ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น”

Answer for Modern Apps :  VMware Tanzu (Kubernetes as a service)

ในส่วนต่อมา คุณชาลี คำพีรภาพ Senior Solution Architect,VMware Thailand ได้เจาะลึกถึงรายละเอียดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ VMware Tanzu ของ VMware ซึ่งเป็น Portfolio สำหรับการทำ Modernization Application โดย VMware มีเป้าหมายในการสร้าง Software Defined Data Center ที่สามารถโยกย้ายระบบการทำงานและขยายปริมาณพื้นที่ได้อย่างอิสระในทุก Cloud Environment คุณชาลีกล่าวว่า “เทคโนโลยีของ VMware เปลี่ยนแปลงไปสู่การให้บริการบน Cloud Provider นอกเหนือจาก Private Cloud เราเชื่อมั่นว่าแอปฯ ของเราจะต้องสามารถรันในทุก ๆ คลาวด์ ไม่ว่าองค์กรธุรกิจจะอยู่ในสเตจของแอปพลิเคชันแบบ Monolith ยังไม่พร้อมทำการ Refactor ไปยัง Microservice หรือ Replatform เป็น Container ” โดย VMware เห็นถึงปัญหาและความท้าทายในปัจจุบัน ได้แก่

  • เทรนด์ Multi-Cloud for Distributed Enterprise ในแง่ขององค์กรธุรกิจ ทุกคนสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ จากอดีตที่ Workload จะอยู่ใน Private Cloud อย่างเดียว ปัจจุบันระบบงานบางส่วนจะอยู่ใน Public Cloud ที่มากกว่าหนึ่งที่ เช่น Hyper- Scaler Software และ Local Cloud Provider แบบ Cloud HM  
  • ความท้าทายของการทำ Modernization Application เนื่องจากกระบวนการ Devsecops เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โครงสร้างระบบรันได้โดยอัตโนมัติ เมื่อองค์กรที่มีการสร้างแอปพลิเคชันบนคลาวด์ดำเนินการมาสักระยะหนึ่ง มักจะพบปัญหาด้านการรันระบบ Software Supply Chain ทำให้ระบบลดประสิทธิภาพลง รวมถึงปัญหาการเข้าถึง Open Source Software บนคลาวด์มากกว่าหนึ่งที่ ทำให้การบริหารจัดการมีความซับซ้อน (Conflict Security) ส่งผลถึงการจัดเก็บและรักษาข้อมูลให้ปลอดภัย
  • การเพิ่มประสิทธิภาพ Software Supply Chain ในส่วนการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ ผ่าน Kubernetes มีความซับซ้อนมากขึ้นในกระบวนการพัฒนาโค้ดไปสู่โปรดักชัน (Friction in Path Production) และไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้ทัน นอกจากนี้ในปัจจุบันที่เป็นระบบ Open Source Software (OSS) มีการปรับปรุงอัพเกรดต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้เกิดข้อกังวลต่อนักพัฒนาที่จะต้องกังวลเรื่องการติดตามทดสอบและประเมินผลระบบอยู่สม่ำเสมอ 

คุณชาลีกล่าวว่า “เราพบว่าหลายองค์กรใช้ซอฟต์แวร์หลายตัวบนคลาวด์ที่ต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะ Workload นักพัฒนา ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Open Source มาใช้หลากหลายเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันให้เหมาะกับองค์กร ขณะเดียวกันในทีม Operation ไปจนถึง Platform Infrastructure ต้องโฟกัสในการรักษาระบบให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หากสังเกตจะพบว่าตลอดทั้งเชนของ Development & Operator Experience จะมีช่องว่างอยู่ เช่น การไม่มีมีหน้าจอกลางในการบริหารจัดการ การทำ Access Management และ Set Permission ในแต่ละคลัสเตอร์ที่มีความซับซ้อนทำให้ทั้ง Devsecops ทำงานยากพอสมควร”

Simple Leveraging DevSecOps Practice

VMware Tanzu

ผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยในการการบริหารจัดการซอฟต์แวร์และการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งเป็น Portfolio ขนาดใหญ่ ครอบคลุม End-to-End Story ตั้งแต่ Developer Experience ไปจนถึงการ Deployment to Production ลูกค้าสามารถใช้ชุดโปรแกรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แอปพลิเคชั่นมีความทันสมัยและทำงานได้อัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในรูปแบบ Multi-Cloud Environment โดย Cloud Provider Service ของ VMware ครอบคลุมการทำ Application Modernization ทั้งในกรณี Rehost และ Replatform 

การให้บริการของ VMware Tanzu for Modern Apps Platform จะแบ่งเป็น 2 ส่วน 

1. VMware Tanzu for Kubernetes Operations ส่วนที่ครอบคลุมการทำงานในฝั่ง Security & Operation โดยจะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการรัน Kubernetes บนคลาวด์ประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การทำ Automated Policy ผ่าน Local Control Plane ส่วนกลาง โดย Cloud HM ได้ Provide Kubernetes as a Service ที่เรียกว่า Tanzu for Kubernetes Operations (TKO) ในการ Run-Time Service  ที่จะเรียกว่า Tanzu Kubernetes Grid (TKG) ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตั้งและรัน Kubernetes แบบมัลติคลัสเตอร์บนโครงสร้างพื้นฐานที่กำหนดไว้ (Kubernetes Clusters On-Demand) โดย Kubernetes ของ VMware Tanzu สามารถรันไทม์ร่วมกับ Kubernetes ใน Multi-cloud Environment อื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยทาง Cloud HM Managed จะเป็นผู้ให้บริการดูแลในส่วนนี้

  • การใช้งานระบบ VMware Tanzu Kubernetes Grid ผ่าน Cloud HM  จะทำให้ลูกค้าไม่ต้องติดตั้งและดูแลระบบเอง หากต้องการที่จะรัน Kubernetes Clusters On-Demand และสามารถรัน VM คู่กับ Containers พร้อมกันได้ขึ้นอยู่กับลักษณะความต้องการของ Workload สามารถ Tracking จาก V-Center และเข้าถึงการติดตามการล็อกอินได้ทันที นอกจากนี้ยังถูกสร้างบนหลักการ Developer Ready Cloud for Cloud Provider ภายใต้ VMware Cloud Verified ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Clusters ได้อย่างรวดเร็วสำหรับรองรับ Technology Open Source ประกอบด้วย  Application Services Bitnami Community Catalog, App Launchpad with Terraform VCD Provider, Container Service Extension 
  • การใช้งานระบบ VMware Tanzu Mission Control นอกเหนือจาก Local Control Plane VMware สร้างแพลตฟอร์มการจัดการการ Policy ในรูปแบบ Global Control Plane ช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมจัดการ Kubernetes ในคลาวน์ต่าง ๆ ได้ภายในหน้าจอเดียว เพื่อการจัดการที่สอดคล้องในทุกคลาวน์และเพิ่มความปลอดภัยและการกำกับดูแล (Centralized Kubernetes Management Platform)

2. VMware Tanzu Application Platform ส่วนที่ครอบคลุมการทำงานในฝั่ง Developer Experience เพื่อช่วยให้นักพัฒนามี Practices ที่ดียิ่งขึ้น โดยทาง VMware จะมีชุดซอฟต์แวร์และเครื่องมือที่สำคัญในแต่ละกระบวนการทั้ง Software Supply Chain รองรับการพัฒนาโค้ด ส่งโค้ดเพื่อรัน โดยสามารถที่จะรันบน Kubernetes ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น Kubernetes ของ Tanzu เช่น Kubernetes บน Public Cloud หรือ Platform as a service -TKG EKS GKE เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีบริการเพิ่มเติมในส่วน VMware Tanzu Labs ในการให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาออกแบบ ติดตั้ง และสนับสนุนหลังการติดตั้งสำหรับองค์กรธุรกิจ โดยมีโปรแกรม Paring Programmer และ Paring Data Scientist ร่วมพัฒนากระบวนการการทำงานและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการไปพร้อมกับลูกค้าให้ประสบความสำเร็จรวดเร็วยิ่งขึ้น 

Preparing Infrastructure and People

คุณอาทิตย์ อุ่นแก้ว Technical Lead, Cloud HM แชร์มุมมองในฝั่ง Technical Team เกี่ยวกับการวางแผนทำ Application Modernization องค์กรธุรกิจควรเตรียม 2 ส่วน ได้แก่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือที่รองรับในการเลือกใช้สำหรับทีม (Infrastructure & People) 

จากแผนภาพจะเห็นว่าในส่วน Cloud และ Containers นั้น VMware Tanzu Kubernetes และ Cloud HM จะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้ โดยมี Pipelines เตรียมรองรับสำหรับส่วนต่าง ๆ เพื่อทำระบบ Automation Deployment สู่ Kubernetes องค์กรจะสามารถโฟกัสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการได้เต็มที่ โดยปัจจุบันการทำ Application Modernization จะมี 3 รูปแบบขึ้นอยู่กับลักษณะของแอปพลิเคชันขององค์กรรวมถึงลักษณะการทำงานของ Workload ที่จะเลือกเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนในการปรับเปลี่ยนจุดต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ได้แก่ 

  • Rehost หรือ Lift and Shift ขึ้นไป On-Premise to On-Cloud 
  • Refactoring การ Rewrite Code รวมถึง Architecture ชุดเดิม เป็น Kubernetes 
  • Replatform การเปลี่ยนบางส่วนให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนไปใช้ Database as a service 

VMware Tanzu’s Success Story

ในช่วง Panel Session ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่รวมผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมพูดคุยตอบคำถามในประเด็นสำคัญ ๆ อาทิ 

  • ความจำเป็นของธุรกิจในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ Cloud Native App เพื่อตอบสนองลูกค้าในยุค Digital Transformation ที่ลูกค้า พนักงานในองค์กร และผู้ใช้งาน ล้วนมีความต้องการสูงขึ้น คุณชาลี กล่าวว่า “สมัยก่อนเราไม่ต้องการการสเกลที่รวดเร็วเพราะ Customer Expectation ไม่เหมือนปัจจุบัน การสร้างแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ในอดีตใช้เวลาในการพัฒนาประมาณหนึ่งปี ดังนั้นการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์หนึ่งครั้งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ สูง นำไปสู่การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องการความยืดหยุ่น ต้องการสิ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว สเกลได้ง่ายจึงกลายเป็นแนวคิดการทำ Cloud Native App เพราะการเปลี่ยนไปใช้คลาวน์ช่วยลดการบริหารจัดการเซิฟเวอร์ ในประเด็นดังกล่าว คุณอาทิตย์เสริมว่า “ธุรกิจไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ควรมีการรองรับการขยาย Storage เพื่อรองรับการสเกลเตรียมพร้อม” 
  • การ Implement Cloud Native กับธุรกิจที่เป็น Legacy Application โดยคุณจักรกฤษณ์ พรมแดง กล่าวว่า “ขั้นตอนที่ยากที่สุดสำหรับการโอนย้ายระบบสู่คลาวด์ คือ ขั้นตอนหนึ่งและสอง คือ การเปลี่ยนจาก Monolithic Architecture ไปสู่ Microservice และ Containers องค์กรต้องทำความเข้าใจโครงสร้างส่วนนี้ก่อน จากนั้นในขั้นตอนการบริหารจัดการ Kubernetes และการนำไปใช้ใน Devsecops Environment โดยส่วนนี้ Cloud HM สามารถเข้ามาช่วยจัดการได้”
  • การ Backup Kubernetes ด้วย K10 บริการจาก Veeam Software (Thailand) ผู้นำการให้บริการด้านการสำรองข้อมูล และบริการอื่น ๆ จาก VMware ที่ช่วยตอบโจทย์ยุคปัจจุบันมากที่สุดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์การ Work Anywhere with Virtual Desktop as a service (DaaS) และ Infrastructure as a service รูปแบบของ Virtual Machine บนระบบของ VMware 

โดยสรุปปิดท้ายนั้น องค์กรต้องเข้าใจถึงภาพรวมใน Environment ทั้งหมดเพื่อให้ทราบถึงระบบการทำงานของส่วนประกอบต่าง ๆ การปรับปรุงแอปพลิเคชันหรือสร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ ต้องเข้าใจปัญหา ผลกระทบ และประโยชน์ที่จะเกิด คุณชาลีให้แง่คิดว่า “สุดท้ายแล้วนั้น Cloud Native ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นระบบที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้ง่ายขึ้น แต่ยังคงมีความท้าทายอยู่มาก เช่น หลักการ Management การ Monitoring ที่มี Networking ซับซ้อนขึ้น รวมถึงแนวทางการทำ Storage Backup ดังนั้นการดูแลรักษาระบบจะเปลี่ยนไปด้วย การออกแบบระบบ Practice 

Devsecops ที่ดี จะช่วยลด Human Error ได้มาก สร้างประโยชน์ที่สร้างต่อองค์กรมหาศาล” หากสนใจบริการ VMware สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อได้ที่ Cloud HM


บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สองวิธีเรียกคืนอำนาจบริหารจากบริษัทตัวเอง ถกประเด็นน่ารู้จากซีรีส์ Queen of tears

เจาะลึกประเด็นซีรีส์ Queen of tears การต่อสู้แย่งชิงอำนาจบริหาร Queens Group กำลังทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว ตระกูลฮงจะกลับมายึดคืนอำนาจบริหาร ...

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...