ในหัวข้อ Cyborg Psychology: Designing Human-AI Systems for Human Flourishing หรือ จิตวิทยาไซบอร์ก: การออกแบบระบบมนุษย์-AI เพื่อความรุ่งเรืองของมนุษย์ ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024 ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร Postdoctoral Researcher at MIT Media Lab / Co-director of Advancing Human-AI Interaction Initiative ได้นำเสนอมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับอนาคตของ AI และความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับมนุษย์
ดร.พัทน์ได้ยกตัวอย่าง โดราเอมอน การ์ตูนที่สะท้อนแนวคิดอนาคตของ AI ได้อย่างน่าสนใจ แม้โดราเอมอนจะเป็นหุ่นยนต์จากอนาคต แต่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทนที่มนุษย์ กลับกัน โดราเอมอนช่วยส่งเสริมศักยภาพของโนบิตะและคนรอบข้างให้พัฒนาตัวเอง เป็นการตอกย้ำแนวคิดหลักของงานวิจัย Human-AI Systems for Human Flourishing ของ MIT Media Lab ที่เน้นการออกแบบ AI เพื่อ เสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ (Intelligence Augmentation หรือ IA) ให้มนุษย์มีความฉลาด ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสติปัญญา การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ หรือการเรียนรู้
สำหรับประเทศไทย ดร.พัทน์เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ AI ในการพัฒนาประเทศ พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น “AI Land” ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีความท้าทายและน่าสนใจ โดยได้เสนอ 3 เสาหลักสำคัญในการพัฒนา AI ในประเทศไทย ได้แก่:
พัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่ๆ ที่มุ่งเน้น 3 ด้าน คือ Wisdom (สติปัญญา), Wonder (แรงบันดาลใจ), และ Well-being (ความสุข) ตัวอย่างเช่น โครงการ Future You ที่ใช้ AI จำลองภาพตัวเองในอนาคต เพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบของการกระทำในปัจจุบัน
โครงการนี้ร่วมมือกับ KBTG และถูกนำไปใช้ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนำร่องใช้ทางการแพทย์ด้านสุขภาพจิตที่ Harvard Medical School อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Human-AI co-dancing ที่นำ AI มาประยุกต์ใช้กับนาฏศิลป์ไทย โดยสร้างแบบจำลองการเต้นโขนร่วมกับศิลปินแห่งชาติ เพื่ออนุรักษ์และต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรม โครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์ท่าเต้นใหม่ๆ และนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้อีกด้วย
ศึกษาผลกระทบของ AI ต่อมนุษย์ ทั้งด้านบวกและลบ ตัวอย่างเช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI ในรูปแบบ Virtual Character หรือ Virtual Friend ซึ่งพบว่ามีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนอายุ 20-30 ปี มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ AI บางรายใช้เวลามากกว่า 30 นาทีต่อวันในการพูดคุยกับ AI และมีความสัมพันธ์ยาวนานเป็นเดือนหรือเกือบปี ซึ่งนำไปสู่คำถามที่น่าสนใจว่า AI สามารถทดแทนความสัมพันธ์แบบมนุษย์ได้จริงหรือไม่ และจะป้องกันผลกระทบทางลบเช่น การเสพติด AI ได้อย่างไร
โดยเฉพาะกรณีที่น่าตกใจคือ มีเด็กฆ่าตัวตายเพราะ AI ชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกันในโลกดิจิทัล กรณีนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาผลกระทบทางจิตวิทยาของ AI เพื่อออกแบบมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
สร้างเรื่องราว Sci-Fi เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นถึงความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น ซีรีส์ “Tomorrow and I” ที่ร่วมสร้างกับ Netflix ซึ่งนำเสนอภาพอนาคตของประเทศไทยในหลากหลายมิติ รวมถึงผลกระทบของ AI ต่อสังคมไทย เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับศาสนา ซีรีส์นี้เป็นตัวอย่างของการใช้ Sci-Fi เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเห็นศักยภาพของตนเองและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
ดร.พัทน์ ชี้ว่าอนาคตของ AI ไม่ใช่การแทนที่มนุษย์ แต่เป็นการร่วมมือกันเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น การวิจัยและพัฒนา AI ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อมนุษย์ ทั้งด้านบวกและลบ เป็นสิ่งสำคัญ การสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี และการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง TH ‘AI Land’ ที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อทุกคน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด