Corporate และ Startup กับการร่วมมือเพื่อ Deep Tech

Deep Tech Summit: Corporate และ Startup กับการร่วมมือกันเพื่อ Deep Tech

ความร่วมมือของ Corporate และ Startup ในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงหรือ Deep Tech ปัจจุบันเป็นอย่างไร และต้องทำอย่างไรเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นี้ มาติดตามได้กับบทสรุปเนื้อหา Session จากสัมมนา Deep Tech Summit 2018
  • Corporate ควรตระหนักว่า Startup คือหนึ่งในผู้สร้างคุณค่าใน Ecosystem เดียวกับพวกเขา
  • การซื้อกิจการเป็นการ "ฆ่าไอเดีย" ของ Startup
  • ความน่าเชื่อถือเป็นแกนกลางที่ทำใหเกิดความร่วมมือ ซึ่งต้องบ่มเพาะจากการกระทำที่ผ่านมา
  • ภาครัฐควรมีส่วนในการพัฒนา AI ร่วมกับ Corporate และ Startup ได้แล้ว
You can reach English version Here

ในขณะที่ Corporate กำลังสำรวจประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมมือกับ Startup บรรดา Startup ก็บ่มเพาะประสบการณ์เพื่อร่วมทำงานกับ Corporate ในการส่งเสริมการเติบโต สำหรับงาน Deep Tech Summit 2018 ที่ผ่านมา Techsauce มีโอกาสเข้าร่วม ณ ประเทศสิงคโปร์ มี Session เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Startup และ Corporate ผ่าน Entreprenuer และผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้

โดย Speaker ที่เข้าร่วม Session นี้คือ Dr.Ethan Chu, Founder และ CEO ของ Xjera Startup จากสิงคโปร์ผู้พัฒนาเทคโนโลยี Image Processing จากรูปภาพและวิดีโอจากเทคโนโลยี AI และ Dr.Ettikaan Karuppiah, Director of Developers Ecosystem จาก NVIDIA บริษัทผลิต GPU ที่หันมาพัฒนาอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และดำเนินรายการโดย Joachim Vandaele, Founding Partner จาก FutureLabs Ventures

ในการร่วมมือกับ Startup, Corporate ควรจะทำอะไร

Dr.Ettikaan : การร่วมมือกันของ Corporate และ Startup ทำให้เกิดข้อได้เปรียบมากมาย แต่การที่ทั้งสองจะร่วมมือกันนั้นต้องเข้าใจตัวแปรที่ซับซ้อนอันเกิดจากลักษณะเด่นของรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกัน ซึ่ง Startup เองก็มีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ Corporate จะนำมาปรับใช้และไม่เป็นการทำลายพวกเขา โดยทางฝั่ง Corporate ต้องตระหนักว่า Startup ก็เป็นหนึ่งในผู้สร้างคุณค่าใน Ecosystem เดียวกับพวกเขาเช่นกัน

เมื่อไรที่ Corporate ควรทำงานร่วมกับ Startup

Dr.Ethan : มันมี 2 มุมมองในเรื่องนี้ สำหรับ Xjera เราเป็นบริษัทด้าน AI ที่มี Hardware และกรณีศึกษาจำนวนมากเพื่อให้งานของเราลุล่วง ซึ่งเราจำเป็นต้องทำงานร่วมกับ Startup จำนวนมากนับ 100 รายในสิงคโปร์เพื่องานเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อใช้แก้ปัญหาบนโลกความเป็นจริง สิ่งนี้คือคุณค่าที่จะเกิดแก่ทั้งผู้คนและคนทำงานของเรา

ส่วนที่สอง เราเชื่อว่าเราได้ผลักดัน Startup ราว 3,000 กว่ารายแล้ว เรามองว่า Corporate นั้นเหมือนช้างที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ต่างจาก Startup ที่ลงมือรวดเร็ว Startup สามารถเข้าใจปัญหาและคิดหากระบวนการได้รวดเร็ว พวกเขาสามารถค่อยๆ ลองตลาด เมื่อผลิตภัณฑ์ของพวกเขาดีพอ ก็สามารถปล่อยมันได้ทันที ซึ่งเรามองว่า Startup สามารถเป็น Disruptive Technology Company ได้ด้วยการช่วยเหลือสนับสนุนของเรา

ประโยชน์ที่แท้จริงของการ “ทำงานร่วมกัน” คืออะไร? ในเมื่ออันที่จริงหาก Corporate ชอบธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ก็สามารถซื้อกิจการได้? ทำไมไม่ให้พวกเขาเป็น Supplier หรือลูกค้าของคุณ?

Dr.Ettikaan: ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการซื้อกิจการ เพราะมันเป็นการ ฆ่า Startup และ Idea ของเขา Startup ควรเป็นตัวของตัวเองเพื่อทุ่มเทแก่เป้าหมายของพวกเขา มากกว่าการเข้าร่วมในบริษัทใหญ่ เพราะ Startup จะเหมือนคนที่นั่งจดจ่อกับงานของพวกเขา พวกเขาไม่มีเวลาคุยกับใคร นอกเสียจากคุณจะเป็น Startup เหมือนกับเขาหรือเป็นผู้สนับสนุนที่ต้องการยื่นมือมาช่วยเพิ่มคุณค่าแก่พวกเขา

Dr.Ethan: สำหรับ Startup ขนาดเล็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการหาช่องทางไปดำเนินกิจการในระดับภูมิภาค

Dr.Ettikaan: ยกตัวอย่างความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่า NVIDIA กับ Xjera เมื่อ 2 เดือนก่อน เราริเริ่มโครงการด้าน Media ซึ่งช่วยให้ Startup ในเครือข่ายของเราได้ขยายออกไปยังตลาดระดับภูมิภาค ได้ทั้งเพิ่มโอกาสเติบโตและเผยแพร่เทคโนโลยีของพวกเขาไปพร้อมกัน

Ecosystem คืออะไร?

Dr.Ettikaan: ถ้า Startup ต้องการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในแนวทางดั้งเดิม มันจะมีช่องทางระหว่างสิ่งที่พวกเขารู้กับสิ่งที่พวกเขาทำได้ เช่น การเติมเต็มคุณภาพผลิตภัณฑ์ การพัฒนาและหาช่องทางการขาย Software แค่การพัฒนา Software ก็มีงานหลากลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งการตั้งราคา การส่งมอบผลิตภัณฑ์ ลูกค้าเป็นอย่างไร การประยุกต์ใช้ การดูแล ซึ่งการเชื่อมประสานทั้งหมดนี้จะเป็นตัวบอกลูกค้าว่าผลิตภัณฑ์ที่พวกเขากำลังจะใช้นั้นดีแค่ไหน ประยุกต์ใช้ได้แค่ไหน และเป็นไปตามความต้องการของพวกเขาหรือไม่ ซึ่งงานนี้เป็นงานที่ยากมากๆ ที่ Startup จะดำเนินการเพียงลำพัง

Dr.Ethan: นอกเหนือจากการ Partnership แล้ว เทคโนโลยียังเป็นส่วนสำคัญใน Ecosystem ด้วย สื่อทั้งหลายชื่นชอบกรณีศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ของเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากทีมวิศวกรขาดการสนับสนุนจากทีม Tech Support การทำงานร่วมกันเช่นนี้ช่วยย่นเวลาลงไปได้มากทีเดียว

แนวทางนี้เป็นการสนับสนุน Startup จริงหรือเปล่า Startup อย่างคุณมองว่าเป็นการฉวยโอกาสเข้าถึงนวัตกรรมหรือไม่ เมื่อ Corporate รบเร้าให้คุณเปิดกว้างเพื่อเข้าไปเรียนรู้และอาจจะกวาดเอาทุกอย่างที่คุณมีออกไปจนหมด?

Dr.Ethan: บางครั้งถ้าเราแชร์มากเกินไป ก็อาจนำไปสู่ผลเสียบางอย่าง จุดนี้ Startup ต้องหนักแน่นว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะอยู่ในขอบเขตลักษณะใดบ้าง ความเชื่อถือเท่านั้นที่จะพาความร่วมมือไปข้างหน้า ถ้าหากพวกเขาไม่เปิดอะไรเลย เราก็อาจให้ความร่วมมือใดๆ ได้ บางครั้งมันมีความเสี่ยงเกิดขึ้น แต่ในฐานะ Entreprenuer เราจำเป็นต้องเชื่อใจและทำงานร่วมกับผู้อื่น สำหรับ Corporate คุณใช้วิธีใดสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ Startup

Dr.Ettikaan: ความเชื่อใจถือเป็นแกนกลางสำคัญ ทุกวันนี้ Startup นับเป็นตัวแปรสำคัญของทุกอุตสาหกรรม เราจึงเลือกทำงานกับพวกเขา ยกตัวอย่างที่ NVIDIA เราเปิดคอร์สอบรมเชิงลึกมากถึง 1,000 หลักสูตรให้แก่ Startup ฟรีๆ เราให้ส่วนลดเมื่อพวกเขาซื้อ Hardware เพื่อใช้ทำการวิจัย รวมถึงส่งวิศวกรของเราไป Coaching พวกเขา ทั้งหมดนี้ต้องใช้ความพยายามในระยะยาว แต่เพียง 1 ปี Startup ก็เริ่มมาพร้อมบางสิ่งที่เรามองว่าสามารถทำเงินได้ โดยที่เราไม่ได้เรียกร้องกำไร เราแค่พัฒนาและทำให้พวกเขาเติบโต นี่คือพื้นฐานสำคัญของความเชื่อใจที่ Startup มีต่อพวกเรา

คุณเห็นโอกาสอะไรในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างเช่น Deep Tech คุณมองว่าจะมีโอกาสนำความร่วมมือไปสู่จุดนั้นหรือไม่

Dr.Ettikaan: เราเชื่อว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นตอนนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายใน 10 ปี ยกตัวอย่างเช่น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมด้านคมนาคม ซึ่งคาดกันว่ายานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเกิดขึ้นจริงภายใน 3-4 ปีข้างหน้า สิ่งต่อไปที่เรามองว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นคืออุตสาหกรรมด้านสุขภาพ

ทุกวันนี้มีอุปกรณ์จำนวนมากกว่า 3 ล้านชิ้นถูกใช้งานในโรงพยาบาลและคลินิคต่างๆ ทุกอุปกรณ์ล้วนมีข้อมูล (Data) ของตัวเอง แต่การเข้าถึงและนำมาใช้ยังไม่เกิดขึ้น ผมคาดว่าใน 3-4 ปีข้างหน้าจะมี Startup ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรมการเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และนำไปใช้เพิ่มมูลค่าให้กับการบริการด้านสุขภาพ

อย่างที่ NVIDIA ได้เปิดตัว AI ที่ชื่อ Clara เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ซึ่ง AI ตัวนี้สามารถอ่านและเข้าใจภาพสแกนทางการแพทย์จากเครื่อง MRI และอื่นๆ ได้ โดย Clara สามารถติดตั้งใช้งานกับเครื่องสแกนภาพทางการแพทย์แบบดั้งเดิมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมาแล้วเป็นสิบปีได้อย่างไร้รอยต่อ และยังใช้งานได้ง่าย นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการดูแลสุขภาพ

นอกจากการแพทย์ เรายังจับตาดูอีกอุตสาหกรรมหนึ่งนั่งคืออุตสาหกรรมอวกาศ แม้จะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นมากๆ ก็ตาม เป็นไปได้ไหมที่คุณจะร่วมมือกับบริษัทที่ไม่เน้นหรือไม่มีพัฒนาเทคโนโลยี หรือในอนาคตจะไปถึงขั้นพัฒนาความร่วมมือระหว่างคนกับเครื่องจักร

Dr.Ethan: สำหรับ Xjera เราสนใจร่วมมือกับบริษัทหลายรูปแบบ เราหวังจะร่วมมือให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แม้ว่าเราจะพูดภาษาเทคโนโลยีมากๆ ก็ตาม ซึ่งบางที ความร่วมมือเหล่านี้ก็ไม่ได้เริ่มจากเรา แต่มาจากบริษัทที่ไม่เน้นในเทคโนโลยีแต่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งเราก็พยายามจะประสานความร่วมมือกับพวกเขา

ข้อมูลระบุว่า 0.8 เปอร์เซ็นต์ของการค้นคว้าด้านเทคนิคในมหาวิทยาลัยที่ถูกนำไป Spin off และใช้ประโยชน์ผ่าน Startup ในขณะที่ Corporate ยักษ์ใหญ่ต้องลงทุนในกระบวนการ R&D สูงถึง 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ทำไมการค้นคว้าวิจัยจำนวนมากยังคงติดอยู่บนหิ้งในห้องเก็บมากกว่าถูกนำมาใช้

Dr.Ethan: นี่คือทบาทของ Startup ในฐานะเครื่องยนต์สำคัญที่จะนำสิทธิบัตรการค้นคว้าต่างๆ มาพัฒนาให้เกิดผลทางเศรษฐกิจหรือ Commercialise ซึ่งเราต้องสร้าง Entreprenuer ให้มากขึ้น นวัตกรรมที่ Startup ต้องการจะสร้างนั้น อาจไม่จำเป็นต้องคิดขึ้นใหม่เสมอไป เพราะไอเดียที่ Startup คิดขึ้นมาอาจมีผลการวิจัยรองรับอยู่แล้ว โดยผลการวิจัยเหล่านั้นอยู่ในมหาวิทยาลัยและอนุญาตให้ Startup นำไปใช้ได้ด้วย ซึ่งหาก Startup สามารถทำกระบวนการนี้ได้อย่างสมบูรณ์ Corporate ก็จะยิ่งหันมาเสนอความร่วมมือกับ Startup มากขึ้น และ Startup ก็จะ Scale ออกไปยังระดับโลกได้ดีขึ้น

ผมเชื่อว่า VC ที่เราเห็นวันนี้กำลังล่มสลาย เรามักเห็นพวกเขาสนับสนุนกลุ่มที่ทำผลิตภัณฑ์ B2C ซึ่งมักไม่ใช่เทคโนโลยีในระดับที่สร้างความเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น (Necessarily Transformational Technology) ในฐานะ Corporate คุณมองเรื่องนี้อย่างไร มองว่าจำเป็นแค่ไหนที่ต้องสนับสนุน Startup ที่อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลกจริงๆ

Dr.Ettikaan: ใช่แน่นอน ในมุมมองของ NVIDIA เราลือกสนับสนุน Startup 6 ราย จาก 8 รายซึ่งเข้าตามมาตรฐานของเรา เราเรียกพวกเขาว่า Disruptive Startup โดย Startup เหล่านี้จะมีไอเดียแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะอย่าง ในโปรแกรมของเรา เราลงทุนกับ Startup โดยเน้นที่กลยุทธ ด้วยเหตุนี้ เรามักคุยแบบขำๆ พวกเขาว่า ถ้าสิทธิบัตรของพวกเขาดีพอ พวกเขาจะถูกฟ้องทันที เพราะทุกคนจะรู้จักพวกเขา และคิดไปเองว่ามันคล้ายกับของพวกเขาเกินไป

สิทธิบัตรมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่สิทธิบัตรการค้นคว้ากับสิทธิบัตรลิขสิทธ์ สิทธิบัตรลิขสิทธ์นั้นจดเพื่อป้องกันการลอกเลียนสินค้าของพวกเขา แต่ Startup ควรจะมีสิทธิบัตรการค้นคว้าให้มากขึ้น เพราะไม่ค่อยมีใครทำได้ ถ้า Startup อยากจะ Break Down อุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นมาแล้วนับร้อยๆ ปี ก็ต้องเริ่มจากการคิดค้นและจดสิทธิบัตรความคิดนั้น ซึ่ง Corporate จำเป็นต้องช่วยให้เร็ว ก่อนที่ใครสักคนจะเข้ามาและนำมันมาทำลายธุรกิจของเราเสียเอง

เราต่างเห็นพ้องว่า AI กำลังได้รับความเชื่อถืออย่างลึกซึ้งขึ้น กลยุทธของ Corporate หรือแม้แต่ประเทศเองก็ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้ด้วย มองว่าการร่วมมือด้านนวัตกรรมของ Corporate จะนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายทางการเมืองหรือไม่

Dr.Ettikaan: AI กำลังเป็นกลไกหลักของมนุษยชาติ รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้การขับเคลื่อน AI เป็นหน้าที่ของ Corporate หรือ Startup เท่านั้น เป็นเหตุให้ NVIDIA ทำโปรแกรม AI Nation ซึ่งช่วยให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพลเมือง ซึ่งช่วยรวบรวมสมาชิกที่มีเป้าหมายเดียวกันมาเป็น Community

ภาครัฐและสถาบันในหลายๆ ประเทศกำลังเริ่มศึกษาการใช้ AI เพื่อยกระดับชีวิตพลเมือง โดยภาครัฐฯ ควรมีส่วนเข้ามารับผิดชอบการผลักดันเทคโนโลยี AI ร่วมกับ Corporate และ Startup ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ควรเริ่มต้นได้แล้ว

Dr.Ethan: อันที่จริง AI สามารถใช้งานได้หลากหลายอุตสาหกรรม เราเคยทดลองนำไปใช้กับ Partner ของเราในหลายๆ อุตสาหกรรมในประเทศต่างๆ ผมคิดว่าเศรษฐกิจในอนาคตจะเกี่ยวพันกับ AI มากขึ้น โดยจะให้ประโยชน์ด้วยต้นทุนถูกกว่าเดิม

Dr.Ettikaan: พวกเรามองว่า AI จะเป็น Topic ที่แต่ละชาติกำลังหาทางพัฒนาเพื่อก้าวเป็นประเทศชั้นนำในด้านนี้

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...