คุยเรื่องเศรษฐกิจในงานเทค เพราะเทคและเศรษฐกิจ แยกจากกันไม่ได้ โดย Melinda Good จาก World Bank

อีกหนึ่ง Speaker ในงาน Techsauce Global Summit 2025 ที่มีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก คือ เมลินดา กู๊ด ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยและเมียนมา (Melinda Good, World Bank Division Director for Thailand and Myanmar) โดยเมลินดามาพูดถึงอนาคตทางเศรษฐกิจ การปรับตัว การลงทุนเชิงกลยุทธ์ ในหัวข้อ Economic Outlook: What We Need to Do Amidst Changing World หรือ แนวโน้มเศรษฐกิจ: สิ่งที่ต้องทำ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนไป 

เมลินดากล่าวถึงเหตุที่มาพูดเรื่องเศรษฐกิจเป็นพาร์ตแรกของการจัดงาน Techsauce Global Summit 2025 ในวันที่สอง เพราะเศรษฐกิจกับเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ และสามารถสร้างผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งในด้านการทำธุรกิจ การลงทุน การศึกษา ฯลฯ ต่อด้วยการกล่าวถึงกรอบแนวคิดจากแนวโน้มสำคัญสองประการของโลก คือ ความผันผวน จากเทคโนโลยี การค้า และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กับ เวลาที่ถูกเร่ง ถูกบีบอัด จากนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดอย่างรวดเร็ว และยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกอีกราว 10 ปีข้างหน้า จะพัฒนาได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 3.1% ในอดีต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมทางเศรษฐกิจในเรื่องระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย 

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กับการที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมโยงและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในด้านการค้าการลงทุน โดยเฉพาะ 'การเติบโตของบริการดิจิทัล' ที่ปัจจุบัน 60% ของการส่งออกโลกเป็นบริการดิจิทัล ซึ่งเติบโตเร็วกว่าการส่งออกแบบเดิม 2 เท่า  

บริการดิจิทัลจึงมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญต่อ GDP ประเทศต่างๆ และกลายเป็นส่วนสำคัญของ GDP ไทย เนื่องจากการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก และจากการศึกษาในปี 2566 ธนาคารโลกพบว่า ส่งผลกระทบด้านบวกต่อการจ้าง ทำให้การจ้างงานในด้านบริการเทคโนโลยีเติบโต 7% ณ ปี 2023 เร็วกว่าการจ้างงานโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญถึง 6 เท่า

ประเทศไทยจึงเป็นกรณีศึกษาสำหรับ 'เศรษฐกิจเกิดใหม่' ที่แสดงให้เห็นผลสำเร็จในการพัฒนาด้านดิจิทัล จากการวางรากฐานด้านโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ, มีระบบ Digital ID ในการดูแลสุขภาพแบบสากล และยังรักษาเสถียรภาพทางการคลังในระดับมหภาคเอาไว้ได้ แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอลงก็ตาม และการที่ไทยยังคงรักษาเสถียรภาพในระดับมหภาค มีพื้นที่ให้ออกนโยบาย รวมถึงความสามารถของสถาบัน ล้วนเป็นโอกาสอันดีที่ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อย่างบริการดิจิทัล เกษตรกรรม การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้

ในขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนา คิดเป็น 2 ใน 5 ของการค้าโลก ที่น่าสนใจคือ ครึ่งหนึ่งของการส่งออกเป็นการส่งออกไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ประเด็นนี้ทำให้งานเทคอย่าง Techsauce Global Summit 2025 สำคัญต่อการมองหานวัตกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หากพิจารณาเรื่องการลงทุนท่ามกลางโลกที่มีความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการในไทยหรือเป็นภาคธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมลินดาย้ำว่า ต้องเข้าใจความสำคัญของการลงทุนเชิงกลยุทธ์ก่อน ตามลำดับดังนี้

• 1) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นอนาคต เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสาธารณะ เพราะจะทำให้เกิดตัวคูณทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว ที่ต้องสร้างความยืดหยุ่นให้เมือง เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น น้ำท่วมโลจิสติกส์อัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดน
  
  
• 2) การพัฒนาแรงงานที่พร้อมสำหรับอนาคตด้วยการ Reskill & Upskill คือการพัฒนาคนผ่านการฝึกอบรมทักษะใหม่และการเพิ่มทักษะสำคัญ ได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงประชากรสูงอายุร่วมด้วย 
  
  
• 3) การใช้ประโยชน์จากกฎใหม่ของโลก เช่น พันธบัตรสีเขียวและสีน้ำเงิน, ตลาดคาร์บอน เพราะสามารถดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียวได้ แต่ต้องมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานจึงจะใช้ประโยชน์ได้ 

เมลินดายังเน้นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยง 'เทคโนโลยี' กับ 'การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้' ว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในเวทีโลกทั้งด้าน

1. การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ - ด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการฝึกอบรมทักษะใหม่ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเตรียมคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดงานในยุคดิจิทัล
   
   
2. ความท้าทายด้านการเงิน - เนื่องจากต่างก็มีข้อจำกัดทางการเงิน ประเทศต่างๆ จึงควรวางแผนการใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง และแนะนำให้เลือกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูง
   
   
3. การรับมือกับความไม่แน่นอน - เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วการสร้างความยืดหยุ่นในระบบเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก รวมถึงการเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนก็สำคัญเช่นกัน
   
   
4. การพัฒนาที่ยั่งยืน - การสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอีกเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ให้เน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
   
   

สิ่งที่เมลินดากล่าวถึงก็คือ การบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับเศรษฐกิจ เพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศต่างๆ แข่งขันในเวทีโลกได้มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังต้องทำด้านอื่นร่วมด้วย อาทิ การเลือกใช้นโยบายที่ชาญฉลาด การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทท้องถิ่นผ่านการส่งเสริมนวัตกรรม การเปิดเสรีการค้าและบริการ และที่สำคัญ การลงทุนในแรงงานที่พร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งแนวทางเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการก้าวไปข้างหน้าในโลกที่มีพลวัตสูง

ส่วนเรื่องที่ธนาคารโลกกำลังทำงานร่วมกับประเทศไทย คือ Low Carbon City Platform เป็นการจัดหาเงินทุนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจในอนาคต โดยการรวบรวมช่องทางลงทุนสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างรายได้ให้ท้องถิ่นต่างๆ ในไทย เป็นการสร้างเครดิตและความน่าเชื่อถือให้ท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นและการซื้อขายเครดิตในตลาดคาร์บอน

เมลินดาปิดท้ายด้วยการกล่าวถึงเรื่องที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่าเป็นโอกาสของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการจัดแสดงนวัตกรรม การจัดการความผันผวน และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จึงส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและประเทศต่างๆ เข้าร่วมการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 นี้