อัพเดท 5 เทรนด์เทคโนโลยี ปี 2020 ใน Hype Cycle ของ Gartner ชี้เทคโนโลยี Digital Twin โตขึ้นชัดเจนจากการใช้งานในจีนและอินเดียเพื่อแก้ปัญหา COVID-19
Image by Gerd Altmann from Pixabay
Brian Berge, Research VP ของ Gartner กล่าวว่า “เทคโนโลยีเกิดใหม่ทั้งหลายย่อมเป็นสิ่งที่เข้ามา Disrupt ตลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตลาดจะยังไม่เห็นตัวอย่างและยังไม่ได้รับรู้ถึงประโยชน์ด้านความได้เปรียบในการแข่งขันที่เทคโนโลยีเหล่านี้มีให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลามากกว่าห้าปีหรือบางกรณีมากกว่า 10 ปีเลยทีเดียวกว่าที่จะมีการยอมรับและนำไปใช้ในวงกว้างเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่เทคโนโลยีบางประเภทที่อยู่ในวงจรการพัฒนาเทคโนโลยีของการ์ทเนอร์ (Hype Cycle) จะสมบูรณ์แบบในอีกไม่นาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทุกคนต้องรู้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะสร้างโอกาสอะไรให้บ้าง โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหรือจะมีผลกระทบสูง”
จากการวิเคราะห์โดย Gartner พบว่า COVID-19 มีส่วนกับการเปลี่ยนแปลงเทรนด์เทคโนโลยีบางประเภทให้พัฒนาเร็วขึ้นจนพร้อมใช้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เช่น Health Passport หรือ Digital Twin ที่ช่วยในการติดตามสุขภาพและเพิ่ม Social Distancing โดยเฉพาะในจีนและอินเดียที่มีผู้ใช้งานแอปฯ ลักษณะดังกล่าวพร้อมกันหลักหลายร้อยล้านคน
ทั้งนี้ Gartner ได้สรุปประเด็นด้านเทคโนโลยีจาก 1,400 รูปแบบเทคโนโลยีที่ทำการสำรวจ ออกมาเป็นเทรนด์ทั้งหมด 5 เทรนด์ ได้แก่
เพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการกระจายศูนย์ของเทคโนโลยี ในอนาคตทุกฝ่ายจะมองหาโครงสร้างด้านเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่น ซึ่ง Composite architechure จะทำให้ Data ถูกถักทอเพื่อตอบสนองได้ทันท่วงที
ตัวอย่างของ Composite Architechture คือเทคโนโลยี Composable Enterprise (CE) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการรวบรวมความสามารถทางธุรกิจที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นไว้ในที่เดียวกัน สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานจะถูกนำไปใช้กับโซลูชันด้านการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นขององค์กร ระบบอัจฉริยะที่ฝังมาพร้อมจะกระจายความสามารถและขยายต่อไปสู่อุปกรณ์ปลายทางต่างๆ จนถึงผู้ใช้ปลายทาง
เทคโนโลยีต่อไปนี้จะช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัวมากขึ้น: Composable Enterprise, การจัดการแอปพลิเคชั่นขององค์กร, การจัดการข้อมูลที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ, 5G ส่วนบุคคล, การฝังเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยวราคาประหยัดที่เป็นอุปกรณ์ปลายทาง
การเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล ข่าวและสื่อปลอม ไปจนถึง AI ที่มีอคติ เทรนด์ทั้งหมดจึงเปลี่ยนจากการเชื่อถือในหน่วยงานกลางเป็นการเชื่อถือใน Algorithm ที่ได้รับการพัฒนาให้ป้องกันความผิดพลาดข้างจ้น
โมเดลความน่าเชื่อถือที่กำหนดโดยหน่วยงานต่างๆ กำลังจะถูกแทนที่ด้วยโมเดลความน่าเชื่อถือแบบอัลกอริทึม เพื่อความมั่นใจในความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล แหล่งที่มาของข้อมูล และการระบุตัวตนของบุคคลและองค์ประกอบอื่นๆ โมเดลความน่าเชื่อถือแบบอัลกอริทึมนี้จะช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าจะไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและต้นทุนจากการสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า พนักงานและคู่ค้าต่างๆ
เทคโนโลยีใหม่ที่เชื่อมโยงกับโมเดลความน่าเชื่อถือแบบอัลกอริทึม ได้แก่ Secure Access Service Edge (SASE), Differential Privacy, Authenticated Provenance, Bring your own identity, Responsible AI and Explainable AI
กฎของมัวร์ (Moore’s Law) ที่อธิบายถึงจำนวนทรานซิสเตอร์ในวงจรรวมหนาแน่น (IC) จะเพิ่มขึ้นสองเท่าในทุก ๆ สองปี เป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษที่กฎนี้ชี้นำอุตสาหกรรมไอที เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาจนใกล้ทะลุขีดจำกัดทางกายภาพของซิลิคอน ส่วนประกอบที่ล้ำสมัยใหม่ ๆ กำลังสร้างโอกาสที่สำคัญหลายประการที่ทำให้เทคโนโลยีมีความรวดเร็วขึ้นด้วยขนาดเล็กลง
เทคโนโลยีสำคัญที่ต้องพิจารณา ได้แก่ DNA computing เซ็นเซอร์แบบย่อยสลายได้ และทรานซิสเตอร์ที่ผลิตจากคาร์บอน
Formative AI สามารถปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อการแปรผันของสถานการณ์ เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้โดย Developer และ UX Designer เพื่อสร้าง Solution ใหม่ ๆ โดยใช้เครื่องมือที่รองรับเทคโนโลยี AI ซึ่งการพัฒนาขั้นสูงสุดคือสร้างโมเดลใหม่ทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะได้
องค์กรที่กำลังสนใจนำเทคโนโลยี AI ไปปรับใช้ควรพิจารณาด้านการออกแบบโดยใช้ AI (AI-assisted design), การพัฒนาเพิ่มเติมโดยใช้ AI (AI augmented development), การแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลและกราฟ (ontologies and graphs), ข้อมูลขนาดเล็ก, AI แบบผสมผสาน (composite AI), แมชชีนเลิร์นนิ่งที่ปรับตัวได้ (adaptive ML), การเรียนรู้ด้วยตนเอง, generative AI และ generative adversarial networks
จาก Health Passport ไปจนถึง Digital Twin เทคโนโลยี Digital Me เป็นโอกาสการสร้างตัวตนของเราบนโลกดิจิทัลซึ่งส่งผลทั้งกับโลกจริงและโลกดิจิทัล
ยกตัวอย่างเช่น 2-Way BMI: Brain Machine Interface ซึ่งเป็นการสื่อสาร 2 ทางระหว่างคอมพิวเตอร์กับสมองของเราโดยตรง โดยตัวเครื่องอาจเป็นทั้งอุปกรณ์สวมใส่ ไปจนถึงการฝังเพื่อจับคลื่นไฟฟ้าในสมองโดนตรง
ส่วนการใช้งานในธุรกิจ อาจเริ่มต้นที่การยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่างๆ ไปจนถึงการใช้งานเชิงจริยธรรม เช่น การตรวจจับความอ่อนล้าของพนักงาน หรือการตรวจจับอารมณ์ที่รุนแรงผิดปกติของครุ แต่อย่างไรก็ เทคโนโลยีนี้ยังคงอยู่ในจุดเปราะบางที่เสี่ยงต่อการโจมตี
เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ได้แก่ เทคโนโลยีที่ช่วยในเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม, Health Passport, แฝดดิจิทัลของบุคคล แฝดดิจิทัลของพลเมือง ประสบการณ์แบบหลากหลาย และการติดต่อกันโดยตรงระหว่างคลื่นสมองกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ 2 ทาง (2-Way BMI: Brain Machine Interface)
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด