โลกเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว องค์กรธุรกิจและผู้นำด้านไอทีจึงต้องปรับตัวให้ทัน Gartner บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ได้เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ (Strategic Technology Trends) สำคัญที่จะพลิกโฉมธุรกิจในปี 2025 ซึ่งจะเป็นเหมือนแผนที่นำทางให้องค์กรต่าง ๆ เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและคว้าโอกาสจากนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเทรนด์เหล่านี้ครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่ ความจำเป็นและความเสี่ยงของ AI, การประมวลผล และการผสานการทำงานระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร
การทำความเข้าใจเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยให้ CIO หรือผู้นำด้านไอทีสามารถวางแผนอนาคตขององค์กรได้อย่างชาญฉลาด ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นโอกาสในการ:
1. Agentic AI
AI อัจฉริยะที่สามารถวางแผนและดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ผู้ใช้กำหนดได้เอง เปรียบเหมือนมีผู้ช่วยเสมือนที่คอยช่วยเหลือ แบ่งเบา และเสริมศักยภาพการทำงานของมนุษย์ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 AI จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเรื่องงานประจำวันถึง 15% อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องมีระบบควบคุมที่รัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้ AI ทำงานนอกเหนือจากเจตนาของผู้สร้างและผู้ใช้งาน
2. AI Governance Platforms
แพลตฟอร์มกำกับดูแล AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการ AI ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีจริยธรรม และมีประสิทธิภาพ ด้าน Gartner มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2028 องค์กรที่ใช้แพลตฟอร์มนี้จะมีปัญหาจริยธรรมด้าน AI น้อยลง 40% แต่ความท้าทายคือ แนวทางการใช้ AI ที่อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคและอุตสาหกรรม ทำให้การกำหนดแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกันเป็นเรื่องยาก
3. Disinformation Security
ระบบรักษาความปลอดภัยจากข้อมูลบิดเบือน เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยในการแยกแยะความน่าเชื่อถือ ลดการปลอมแปลงข้อมูล โดย Gartner เผยว่าภายในปี 2028 องค์กรกว่า 50% จะเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ เพื่อลดการฉ้อโกง ป้องกันการขโมยบัญชี และปกป้องชื่อเสียงแบรนด์ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ต้องอาศัยการอัปเดตระบบป้องกันอย่างต่อเนื่อง
4. Post-Quantum Cryptography (PQC)
เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลที่ป้องกันการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2029 การเข้ารหัสแบบเดิมส่วนใหญ่จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่ PQC ไม่สามารถนำมาใช้แทนที่อัลกอริทึมแบบเดิมได้ทั้งหมด แอปพลิเคชันปัจจุบันอาจมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องมีการทดสอบ และอาจต้องเขียนโค้ดใหม่
5. Ambient Invisible Intelligence
ปัญญาประดิษฐ์แบบแฝงตัว เทคโนโลยีที่ผสานเข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติและใช้งานง่าย คาดว่าจะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายผ่านเซ็นเซอร์และแท็กอัจฉริยะจนถึงปี 2027 เช่น การติดตามและตรวจจับสิ่งของแบบเรียลไทม์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ทั้งนี้ผู้ให้บริการต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและขอความยินยอมจากผู้ใช้ในการใช้ข้อมูลบางประเภท
6. Energy-Efficient Computing
การประมวลผลแบบประหยัดพลังงาน มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้สถาปัตยกรรม โค้ด และอัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยทาง Gartner คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีการประมวลผลแบบใหม่ เช่น optical, neuromorphic และ novel accelerators จะช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มการประมวลผลแบบใหม่ยังมีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการลงทุนสูงด้านฮาร์ดแวร์และการพัฒนาทักษะใหม่
7. Hybrid Computing
ผสมผสานกลไกการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง และทำงานได้ดีกว่าระบบเดิม เช่น การพัฒนา AI ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ระบบธุรกิจอัตโนมัติ และการเสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น มีความซับซ้อนในระดับสูง และจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการพัฒนาและใช้งาน
8. Spatial Computing
ยกระดับโลกทางกายภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AR และ VR เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมจริง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านเกม การศึกษา และอีคอมเมิร์ซ รวมถึงเครื่องมือสร้างภาพขั้นสูงสำหรับการตัดสินใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ ค้าปลีก และการผลิต ทาง Gartner คาดการณ์ว่าตลาด spatial computing จะเติบโตจาก 1.1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องราคา ขนาด และความซับซ้อนของอุปกรณ์ รวมถึงความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
9. Polyfunctional robots
หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานได้หลายอย่าง และสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ คืนทุนเร็ว ติดตั้งง่าย ปรับขนาดได้ และสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 80% ของมนุษย์จะมีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์อัจฉริยะทุกวัน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยังไม่ได้กำหนดมาตรฐานราคาหรือฟังก์ชันการทำงานขั้นต่ำที่จำเป็น
10. Neurological enhancement
การพัฒนาความสามารถทางปัญญาด้วยเทคโนโลยีที่อ่านและถอดรหัสกิจกรรมของสมอง เพื่อเพิ่มพูนทักษะ ปรับปรุงความปลอดภัย การศึกษาแบบเฉพาะบุคคลและการทำการตลาดยุคใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 30% ของพนักงานที่ใช้ความรู้จะพึ่งพาเทคโนโลยีนี้ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ยังมีราคาแพง มีข้อจำกัดด้านแบตเตอรี่ และมีความเสี่ยง รวมถึงมีข้อกังวลด้านจริยธรรม
10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ของ Gartner ประจำปี 2025 ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่น่าตื่นเต้นของเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในด้าน AI, การประมวลผล และการผสานเทคโนโลยีกับมนุษย์ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือทั้งด้านการลงทุน การพัฒนาบุคลากร และการจัดการความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม บางเทคโนโลยี เช่น Neurological enhancement อาจยังเป็นที่ถกเถียงและต้องการการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนนำมาใช้จริง
อ้างอิง : Gartner
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด