ปัจจุบันนี้แทบจะเรียกได้ว่าแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมโรงแรมเป็นอะไรที่เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก อุตสาหกรรมโรงแรมมีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี จากสถิติของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 59 อยู่ที่ 19,538,190 คนและย้อนกลับไปในปี 2558 นักท่องเที่ยวมีจำนวนกว่า 30 ล้านคนสร้างรายได้กว่า 2.23 ล้านล้านบาท นี่คือตัวแปรสำคัญในการพยายามหาโอกาสในการแบ่ง Market Share จากมูลค่าตลาดดังกล่าวของผู้ประกอบการโรงแรม
เราจะเห็นได้ว่ามีบริษัทรับบริหารโรงแรมเกิดขึ้นมากมาย รายเล็กบ้างใหญ่บ้าง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ปะปนกันไป ส่วน Chain โรงแรมมืออาชีพที่รับบริหาร ก็เริ่มหาทางกระจายการลงทุนทั้งการสร้างโรงแรมใหม่ๆ ด้วยตนเอง สร้าง Brand ใหม่ในเครือเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น เช่น ที่ Accor ที่เริ่มมีแบรนด์ IBIS และ Hop Inn เจาะตลาดกลุ่ม Budget Hotel
และล่าสุดสำหรับข่าวที่ฮือฮามากที่สุดในอุตสาหกรรมโรงแรมที่เรียกได้ว่าเขย่าวงการเลยคือข่าวการซื้อกิจการ Starwood Hotels & Resorts ของ Chain โรงแรมระดับโลกอย่าง Marriott Inc. ในวงเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ผลจากการซื้อกิจการนี้ทำให้ Marriott ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโรงแรมของโลก โดยจะมีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นใน Portfolio อีก 50% รวมเป็นจำนวนห้องพักในเครือกว่า 1.1 ล้านห้องทั่วโลกและมีอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองกว่า 5,500 แห่ง ซึ่งมากกว่า Hilton ที่เป็น Chain ธุรกิจโรงแรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งมีห้องพักราว 720,000 ห้อง และมีอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองกว่า 4,400 แห่ง Deal นี้ทำให้ Marriott เติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยการรวบ Brand โรงแรมต่างๆ ในเครือ Starwood อาทิ Sheraton, Westin, W Hotel, Le Meridien, เข้าไปอยู่ใน Portfolio ของตนเองอีกด้วย (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันพุธ ที่ 29 มิถุนายน 2559)
บริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ๆ ในไทยก็เริ่มแตกไลน์ธุรกิจโรงแรมกันออกมาเพื่อขยายตลาดให้ธุรกิจของตัวเองกันแล้ว เช่น Sansiri ที่มี Brand Escape By Sansiri ที่เริ่มเปิดดำเนินกิจการแล้ว Property Perfect ที่ซื้อกิจการ Grand Asset และรวบเอาโรงแรม Sheraton Hua Hin, Hua Hin Blue Lagoon, Hyatt Regency Bangkok, Westin Grand Sukhumvit, เข้ามาไว้ใน Port ธุรกิจโรงแรมของตัวเอง CP Land ที่มี Brand Fortune D ออกมาเจาะตลาดลูกค้ากลุ่ม Budget Hotel และเตรียมร่วมกับ ปตท.ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมในสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ ยังไม่นับรวมบรรดาเศรษฐีและผู้มีชื่อเสียง Celeb ต่างๆ ที่เดี๋ยวนี้นิยมการมีโรงแรม รีสอร์ทเป็นของตนเองกันอย่างแพร่หลายอีกต่างหาก นับได้ว่าอุตสาหกรรมโรงแรมในไทยและต่างประเทศในปัจจุบันเข้าสู่ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ในส่วนของนวัตกรรมเทคโนโลยีก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมโรงแรม การมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาจะทำให้โรงแรมได้เปรียบในเรื่องของการการแข่งขัน ตัวอย่างที่น่าสนใจคือโรงแรมในเครือ Starwood ประกาศเปิดตัวบริการ SPG Keyless โดยใช้นาฬิกา Apple Watch และ iPhone ในการเปิดประตูห้องพักโดยไม่ต้องเช็คอินที่โต๊ะหน้า Counter โรงแรม โดย SPG Keyless รองรับ Bluetooth LE ไม่รองรับ NFC จะใช้ได้ตั้งแต่ iPhone 4s ขึ้นไป ขั้นตอนการใช้งานหลังจากแขกจองห้องพักที่ไม่ใช้กุญแจแล้ว ระบบจะให้ลงทะเบียนโทรศัพท์ผ่านแอพ SPG เพื่อใช้ SPG Keyless และจากนั้นราว 24 ชั่วโมง ก่อนจะถึงโรงแรม แขกจะได้รับหมายเลขห้องและกุญแจ Bluetooth ผ่านแอพ เมื่อถึงโรงแรมแขกไม่ต้องไปที่โต๊ะเพื่อเช็คอิน แต่สามารถไปยังห้องพักได้โดยตรง เมื่อถึงห้องพักก็เปิดแอพ SPG แท็บปุ่มเปิดล็อคประตู รอจนไฟเขียวขึ้นก็เข้าห้องได้ Starwood ได้เริ่มใช้งานแล้วกับ Brand ต่างๆ ในเครือไม่ว่าจะแบรนด์ Aloft, Element, W Hotel, นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆ ของ Starwood ที่รอการพัฒนาอีกหลายระบบ อาทิ ระบบ TV ในห้องพักที่สามารถ Setup สำหรับการซ้อม Presentation งานได้ ระบบกระจกอัจฉริยะเพียงผู้พักสัมผัสกระจกจะมองห็นสภาพอากาศประจำวัน. ข่าว ผลฟุตบอลที่เชื่อมต่อ Twitter feed ผ่าน Bluetooth และสัญญาณแจ้งเตือนจะขึ้นบนกระจกซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดจากแบรนด์ Panasonic , การควบคุมระบบไฟผ่านแอพพลิเคชัน หรือระบบสุดล้ำอย่างการจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์กลางแจ้ง เพื่อให้ผู้พักสามารถชาร์ตแบตโทรศัพท์บริเวณสระว่ายน้ำภายนอกอาคารได้
ฟากของ Marriott ก็มีการพัฒนา Application ของตัวเองโดยเพิ่ม Function การสนทนา (Chat) ใน Application ของตนเองให้แขกผู้เข้าพักสามารถติดต่อกับพนักงานเพื่อขอความช่วยเหลือหรือแจ้งความต้องการพิเศษได้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มา Check In นอกจากนี้ยังใช้ขอความช่วยเหลือแทนการใช้โทรศัพท์ได้ในระหว่างเข้าพัก
ที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้คือมีโรงแรมเปิดใหม่ในเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่นชื่อ Henn-na Hotel ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสนุก Huis Ten Bosch โดยโรงแรมมีการนำหุ่นยนต์เข้ามาให้บริการแขกผู้เข้าพัก เริ่มต้นที่หุ่นยนต์ต้อนรับที่มีให้เลือกได้ทั้งที่พูดภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น ผู้เข้าพักสามารถตอบโต้กับหุ่นยนต์ผ่านทางหน้าจอสัมผัส ก่อนการ Check In เสร็จสิ้นจะมีการถ่ายรูปผู้เข้าพัก ซึ่งสามารถใช้รูปนี้ในการเปิดประตูห้องพักได้โดยผ่านระบบจดจำใบหน้าโดยที่ไม่ต้องใช้กุญแจหรือ Key Card เลย เมื่อ Check In เสร็จก็จะมีหุ่นยนต์ช่วยขนกระเป๋าไปยังห้องพัก ภายในห้องพักยังมีหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบไฟฟ้าในห้องพักให้ นอกจากนี้หากต้องการสั่งอาหารหรือต้องการผ้าเช็ดตัวเพิ่มเติม ก็จะมีหุ่นยนต์มาส่งให้ที่ห้องแทนพนักงาน
จะเห็นได้ว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามาสู่อุตสาหกรรมโรงแรมแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ให้บริการที่ต้องการหาข้อได้เปรียบทางด้านการแข่งขันเริ่มที่จะปรับตัวโดยการหาจุดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มาเป็นจุดขายให้โรงแรมของตนเองนอกเหนือจากการสร้าง Design ที่แปลกแหวกแนวของโรงแรม เพื่อเพิ่มจุดขาย นับได้ว่าถึงยุคที่ผู้ประกอบการโรงแรมต้องปรับตัวมากขึ้นแล้วในทุกวันนี้
บทความนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่ส่งเข้าร่วมประกวด Techsauce's Writing Contest 2016 โดยคุณ Pop หรือ Hotel Man
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด