พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องและตลอดเวลา แต่การเข้ามาของ COVID-19 นั้นได้เข้ามาเร่งให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เข้าสู่วิถีใหม่ที่มีความคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการเงินที่ถือว่าได้เข้าไปแทรกซึมและมีส่วนเกี่ยวข้องต่อทุกอุตสาหกรรมนั้นต้องพัฒนาให้ก้าวนำความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับแนวคิดในการดำเนินงานของ กสิกร บิซิเนส – เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ที่มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะนำหน้าผู้บริโภคอยู่หนึ่งก้าวเสมอ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิต รวมถึงเข้าไปมีส่วนช่วยพันธมิตรที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของการดำเนินธุรกิจให้สามารถพัฒนาและก้าวตามทันไปพร้อมกัน
ที่ผ่านมาพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับดิจิทัลเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน K+ มียอดผู้ใช้งานกว่า 14 ล้านคน และอายุเฉลี่ยของผู้ใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งก็เพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 40-50 ปี จากเดิมอยู่ที่ 25-39 ปี ซึ่งสะท้อนมาจากการทำธุรกิจซื้อสินค้าผ่าน e-commerce ที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วง COVID-19 ที่เข้ามาทำให้ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ KBTG ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทยนั้นต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องที่จะเข้ามาเสริมการดำเนินประจำวันแบบวิถีใหม่ของผู้บริโภคมีความสะดวกสบายและครบวงจรมากยิ่งขึ้น
คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส – เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG กล่าวว่า KBTG มีหน้าที่ดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทั้งหมดให้กับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมียอดผู้ใช้บริการที่เติบโตขึ้นในทุก ๆ เดือน ดังนั้นเราจึงหยุดไม่ได้ที่จะทำการทรานส์ฟอร์มตัวเอง เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าวที่เกิดขึ้น และแม้ว่าจะมี COVID-19 เข้ามาแต่เราก็ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะเรารู้ดีว่าโลกถัดไปหลังจากนี้ Digital is the core และ Innovation is the core
การทรานส์ฟอร์มของ KBTG ในครั้งนี้เป็นการดำเนินภายใต้แนวคิด ‘วัน เคบีทีจี’ (One KBTG) โดยมีแกนสำคัญในการปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กร การปฏิรูปกระบวนการทำงาน (Agile Transformation) และการให้พนักงานมีส่วนร่วม (Transformation Community) โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัวสำนักงานใหม่อย่างตึก K+ Building ที่ไม่ได้มุ่งเน้นให้เป็นแค่เรื่องของสถานที่ที่ใช้ทำงาน แต่สิ่งสำคัญคือ mindset จิตวิญญาณ และวัฒนธรรมของคนที่มาอยู่ร่วมกัน ที่จะร่วมกันหาวิธีดึงนวัตกรรมออกมาพัฒนาให้ได้มากที่สุด เพื่อผลักดันให้ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาให้ประเทศรอดจากวิกฤต
สำหรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานในการสร้างความแข็งแกร่งของ KBTG นั้นจะดำเนินผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1. เพื่อให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกิจต่อได้ ทำให้คนรู้จักออมเงิน ลงทุน และซื้อประกัน ซึ่งเป็นเสาหลัก 2.ทำให้เกิดสมดุลทางการเงินของชีวิต และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุดเพราะมีเงินสะสม นำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนเพื่อที่จะเกษียณได้ และ3. เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจธนาคารแบบเดิมเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่จะนำนวัตกรรมออกไปให้กับทุก ๆ คนได้ใช้ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน หรือทำธุรกรรมรูปแบบใด
สำหรับการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในส่วนที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการใช้งานของผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นอย่างมหาศาลนั้นจะแบ่งเป็น 4 ด้านหลักได้แก่
KBTG ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่าง ๆ ออกมามากมายเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น KhunThong ที่มีลูกค้าดาวน์โหลดแล้ว 500,000 ราย , MAKE ดาวน์โหลดแล้ว 20,000 ราย Eatable 10,000 ราย
และในขณะเดียวกัน KBTG ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย เพื่อทำให้การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านการเงินนั้น เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุกอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีพันธมิตรใช้ Contactless Technology 20 ราย ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดตัวถึงความร่วมมือกับ โรงพยาบาลสมิติเวช ตู้บุญเติม และร้านอาหาร Black Canyon และล่าสุดได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเปิดตลาดทุนแบบใหม่ในประเทศไทย ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการระดมทุนและลงทุนในผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มใหม่
พร้อมกันนี้ระยะต่อไปในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ KBTG นั้น ไม่ได้มุ่งหวังเพียงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการให้บริการเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเป็น AI as a product ผ่านการสร้าง AI Factory ที่จะสามารถผลิต AI ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่จะสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับโลกอนาคตมากขึ้น คือ Deep Tech การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกที่จะทำให้ AI สามารถเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันที่ KBTG อยู่ระหว่างดำเนินกาจะมีทั้งการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจในภาษาไทยอย่าง Thai NLP เทคโนโลยีการชำระเงินผ่านใบหน้าอย่าง Face Pay นอกจากนี้ยังมี Blockchain และ Quantum ที่มีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเชื่อมต่อ Ecosystem ของภาคการเงินในประเทศไทยให้ครบวงจรแล้ว KBTG ยังได้ขยายการดำเนินงานไปในต่างประเทศด้วย โดย ได้ตั้ง Development Hub ขึ้นใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และจีน เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับโครงสร้างการให้บริการของธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตรที่มุ่งสู่ดิจิทัลแบงกิ้งมากขึ้น
ล่าสุด KBTG ได้ เปิด K-TECH ที่เมืองเชินเจิ้น ประเทศจีน โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านหยวนเรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้าจะรับพนักงานประมาณ 300 คน โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการทางเงินสำหรับธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีนและประเทศอื่น และพันธมิตร โดยธนาคารกสิกรไทยในจีนมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปสู่ลูกค้ารายย่อยในการปล่อยสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่ยังมีช่องว่าง ในลักษณะที่เป็น Digital Lending
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงบริษัทเทคโนโลยี หรือที่เรียกกันว่า Tech Company หากมองไปรอบ ๆ ประเทศไทย คุณกระทิงได้กล่าวว่า Think of Thailand, Think of KBTG และในประเทศเพื่อนบ้าน ต่างก็มีบริษัทที่เป็น iconic ที่บ่งบอกถึงความสามารถในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีกันไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ประเทศอินโดนีเซีย ที่เรามักจะนึกถึง Gojek และ Traveloka ประเทศมาเลเซียที่มี Grab หรือประเทศสิงคโปร์ ที่จะมี SEA Group บริษัทแม่ของ Garena Shopee และ Airpay
แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ณ ปัจจุบันนี้แม้ว่าเราได้มีการพัฒนาและการถือกำเนิดขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีมากมาย แต่ก็อาจจะยังไม่สามารถที่จะสร้างความโดดเด่นอย่างเป็นรูปธรรมได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ KBTG ได้มีเป้าหมายว่าเราจะต้องเป็น One of The Best Tech Company ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2025 ให้ได้ และจากการไปปักธงเป็น pioneer ในระดับเวทีโลก KBTG ก็ต้องการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยที่จะกลายเป็น Tech Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้เช่นกัน
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด