เมื่อโลกหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความต้องการขององค์กรต่างๆ ก็เปลี่ยนไป วิธีการรับนักศึกษาจบใหม่และทักษะที่แต่ละบริษัทมองหา อาจไม่สามารถใช้มาตรวัด อย่างเกรดที่จบจากรั้วมหาวิทยาลัยมาวัดได้เช่นเดิม แล้วน้องๆ รุ่นใหม่ควรจะเตรียมตัวอย่างไรถึงจะเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน? เป็นคำถามหนึ่งที่ The Stanford Thailand Research Consortium ชวนคณาจารย์มหาวิทยาลัยมาร่วมพูดคุยกับเหล่าผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในประเทศไทย
งานสัมมนาออนไลน์ “Future Thailand — Innovation in Education and Workforce Development” ที่จัดโดย The Stanford Thailand Research Consortium เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งก้าวสำคัญในแวดวงการศึกษาไทย กับการเห็นความสำคัญถึงประเด็นด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา และการปรับกลยุทธ์การสอนให้กับคณาจารย์ ผู้เป็นส่วนสำคัญในการเตรียมพร้อมน้องๆ นักศึกษาไปสู่ความสำเร็จในการทำงานจริงกับองค์กรในอนาคต
โดยมี speaker หลากหลายจากทั้งคณาจารย์และนักวิจัยในโครงการ Innovative Teaching Scholars (ITS) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ร่วมกับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำ คือ คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KASIKORN Business-Technology Group (KBTG) ร่วมกับ คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล AIS และ คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท AP (Thailand) ร่วมแบ่งปันมุมมองจากภาคธุรกิจ ในเรื่องทักษะที่จำเป็นในอนาคตและวิธีการพัฒนากำลังคนให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน เรียนรู้ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่กำลังเป็นที่ต้องการให้กับองค์กรและประเทศไทย
คุณกระทิง ได้กล่าวถึงสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องมีเพื่อเตรียมพร้อมสู่การทำงานในยุคสมัยใหม่เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
“AI จะกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในยุคสมัยใหม่ในอีก 10 ปีที่จะถึงนี้ และผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะทราบถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และแมชชีนเป็นอย่างดี ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI โดยเฉพาะที่ KBTG เรามีการใช้ระบบ AI ในเกือบทุกด้าน ทั้งระบบ operation และการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ
ในอนาคตอันใกล้ เราทุกคนอาจจะกลายเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี ผู้ใช้ หรือแม้กระทั่งถูกสั่งงานโดยเทคโนโลยีได้ ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจในนวัตกรรมและเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราควรจะต้องรู้เท่าทัน และเข้าใจวิธีการปรับใช้เทคโนโลยีในการทำงานจริง ขณะเดียวกันเราก็ควรจะรักษาข้อดีของการเป็นมนุษย์เอาไว้ เช่น ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนา รวมถึงความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตอย่างในปัจจุบัน”
คือ ยุคสมัยในอีก 10 ปีข้างหน้า ที่คุณกระทิงให้คำนิยามเอาไว้ พร้อมเน้นย้ำถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรจะต้องมี ก็คือ ความสามารถในการปรับเปลี่ยน และ reskill ตนเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งนี้จะสำคัญยิ่งกว่าความรู้ที่แต่ละคนมีเสียด้วยซ้ำ
“ที่ KBTG เรามีโปรแกรม reskill ให้กับพนักงานมากมาย แม้ว่าพนักงานแต่ละคนจะฉลาดมากอยู่แล้ว ทำงานเก่ง และมีทัศนคติที่ดีอยู่แล้ว แต่หลายๆ คนก็อาจยังไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องของเทคโนโลยีมาก่อนเลย ยกตัวอย่าง หนึ่งในพนักงานของเรา ที่จบจากคณะวิศวกรรมปิโตรเลียม เขาไม่เคยมีความรู้ด้านเทคโนโลยีมาก่อน แต่ก็สามารถกลายมาเป็นหนึ่งในสุดยอดนักวิเคราะห์ข้อมูลของเราได้ ด้วยความพร้อมในการปรับตัว และทัศนคติที่พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งกว่าความรู้จากห้องเรียน”
ต่อคำถามเรื่องความท้าทายในการรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงาน ปัจจุบันองค์กรชั้นนำต่างๆ ให้ความสำคัญกับอะไร เมื่อเกรดไม่สามารถเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำงานได้เช่นเดิม
คุณกระทิง กล่าวว่า “เกรดอาจไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ในการเลือกพนักงานเข้าทำงาน เนื่องจากบางครั้งเราใช้บททดสอบที่ไม่เหมือนกับการสอนในห้องเรียน และการทำงานจริงยังต้องอาศัยทักษะ soft skill อื่นๆ เช่น ทักษะการเรียนรู้ ทักษะการสื่อสาร หรือความเป็นผู้นำ ด้วยความที่ KBTG เป็นองค์กรเทค ดังนั้นเราจึงมีวิธีการทดสอบคนเข้าทำงานหลากหลายรูปแบบ เช่น ทักษะการเขียนโปรแกรม การแก้ปัญหาในแต่ละ case เพื่อดูวิธีการที่แต่ละคนใช้แก้ปัญหาและการทำงานร่วมกับทีม โดยเฉพาะในอนาคตจะมีการประเมินโดยเพื่อนร่วมทีมที่ต้องทำงานด้วยกันมากขึ้น”
นอกจากวิธีการทดสอบพนักงานใหม่แล้ว คุณกระทิงยังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมน้องๆ นักศึกษาตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัยสู่การต่อยอดในที่ทำงานจริง
“KBTG มีโปรแกรมที่เราทำงานร่วมกับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ ภายใต้ชื่อว่า “KBTG Tech Kampus” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาหลักสูตร และให้ feedback ในการสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย แก่เหล่าคณาจารย์และนักศึกษา เพื่อทำการศึกษาร่วมกันและฝึกฝนให้น้องๆ ได้ลงมือทำงานจริงในโปรเจคตั้งแต่ปี 3 ซึ่งจะช่วยให้แต่ละคนสามารถค้นหาความชอบของตัวเองได้ และเป็นการแนะแนวอาชีพในอนาคต”
สำหรับการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจะช่วยลดขั้นตอนการ reskill และเตรียมความพร้อมนักศึกษาจบใหม่ในช่วงเริ่มงานได้กว่า 6 เดือน นอกจากนี้ ตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด KBTG ก็ได้ปรับปรุงระบบการสอนใหม่ทั้งหมดให้เป็นระบบออนไลน์ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้ไวขึ้น และเสริมประสิทธิภาพการทำงานอย่างเป็นระบบ
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด