ไขรหัสลับ AI จีนฝ่า "สงครามชิป" ผ่าน Deepseek สูตรลับความสำเร็จจาก Open Source

ท่ามกลางสงครามชิปที่ทวีความรุนแรง เมื่อสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อสกัดกั้นการเติบโตทางเทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หลายคนคงสงสัยว่า จีนทำได้อย่างไร ถึงยังสามารถพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างก้าวกระโดด? ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่เป็นผลจากกลยุทธ์ที่เฉียบคม ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และการปรับตัวที่รวดเร็วต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วกลยุทธ์เหล่านั้นคืออะไร?

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI สัญชาติจีนที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ตาม แต่กำลังก้าวขึ้นมาท้าทายผู้นำในวงการ ด้วยโมเดล AI ประสิทธิภาพสูงและแนวคิด Open Source ที่ช่วยให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกการพัฒนา AI สัญชาติจีน ไขรหัสลับสู่ความสำเร็จของ AI จีนในยุคสงครามเทคโนโลยี

DeepSeek: ถอดรหัสความสำเร็จใต้เงาการคว่ำบาตร

การประกาศสงครามชิปโดยสหรัฐฯ เปรียบเสมือนการจุดชนวนความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน มาตรการคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ มีเป้าหมายเพื่อตัดขาดจีนจากฮาร์ดแวร์และความเชี่ยวชาญที่จำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง 

ซึ่งรวมถึงการขยายรายการควบคุมการพาณิชย์ (CCL) การออกกฎ Foreign Direct Product Rules (FDPRs) ใหม่ และการคว่ำบาตรหน่วยงานของจีน มาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถของจีนในการเข้าถึงชิปประมวลผลขั้นสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI

แต่ท่ามกลางข้อจำกัดเหล่านี้ DeepSeek กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นและความสามารถของจีนในการเอาชนะอุปสรรคทางเทคโนโลยี ความสำเร็จของ DeepSeek สามารถอธิบายได้จากปัจจัยสำคัญหลายประการ:

  • เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส: การคว่ำบาตรไม่ใช่กำแพง แต่เป็นแรงผลักดันให้พึ่งพาตนเองและสร้างนวัตกรรมภายในประเทศ
  • บริหารจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด: วางแผนสะสม GPU ล่วงหน้า และปรับปรุงกระบวนการฝึกฝนโมเดลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • มุ่งเน้นประสิทธิภาพและนวัตกรรม: พัฒนาเทคนิควิศวกรรม AI ที่เน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยทรัพยากรที่จำกัด
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง: ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน การแบ่งปันความรู้ และการทดลอง
  • ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ: เข้าถึงทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่จำเป็น
  • ส่งเสริมโอเพนซอร์ส: ร่วมมือกันพัฒนา AI และสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง

Open Source: หัวใจสำคัญของการพัฒนา AI แบบพึ่งพาตนเองของจีน

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ DeepSeek พัฒนา AI ได้อย่างรวดเร็วคือแนวคิด Open Source ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน ก่อให้เกิดระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีที่พึ่งพาตนเองของจีน นำไปสู่การพิจารณาถึงบทบาทของ RISC-V สถาปัตยกรรม CPU แบบเปิดที่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉม AI จีน

RISC-V คืออะไร? ลองจินตนาการว่า CPU เป็นเหมือนสมองกลของคอมพิวเตอร์ RISC-V ก็คือ "ภาษา" ที่เราใช้สั่งงานสมองกลนี้ ภาษาดังกล่าวเรียกว่าสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture หรือ ISA) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างซอฟต์แวร์ที่เราเขียนขึ้น กับฮาร์ดแวร์ที่ใช้ประมวลผล หากไม่มี ISA แล้ว ซอฟต์แวร์ก็ไม่สามารถสั่งการ CPU ให้ทำงานได้ตามที่เราต้องการ

ความนิยมของ RISC-V มาจาก:

  • อิสระและยืดหยุ่น: นักพัฒนาสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการได้อย่างเต็มที่
  • ต้นทุนต่ำ: การที่ RISC-V เป็น Open Source ทำให้ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ในการใช้งาน ทำให้ต้นทุนในการพัฒนา CPU ลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบริษัทขนาดเล็กและสตาร์ทอัพที่มีงบประมาณจำกัด
  • ส่งเสริมการแข่งขัน: RISC-V เปิดโอกาสให้บริษัทขนาดเล็กและสตาร์ทัพสามารถเข้ามาแข่งขันในตลาด CPU ที่ก่อนหน้านี้ถูกผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ไม่กี่ราย การเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นและต้นทุนที่ต่ำลง ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถสร้าง CPU ที่มีนวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น
  • ความโปร่งใสและความปลอดภัย: โค้ดของ RISC-V เปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดหรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์และระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง
  • ขับเคลื่อนนวัตกรรม: RISC-V กระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์และพัฒนา CPU แบบใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมต่างๆ

โอกาสและความท้าทายของ RISC-V ในสมรภูมิ AI โลก

แม้จะมีบริษัทจีนกว่า 300 แห่ง ซึ่งรวมถึงผู้เล่นรายใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alibaba กำลังใช้ RISC-V แต่เส้นทางสู่การพึ่งพาตนเองอย่างเต็มที่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดด้วย:

  • แรงกดดันจากสหรัฐฯ: สหรัฐฯ เริ่มจับตาการใช้ RISC-V ของจีนอย่างใกล้ชิด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังตรวจสอบผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ และอาจออกมาตรการควบคุมการใช้ RISC-V ในจีน
  • ความกังวลด้านความมั่นคง: สหรัฐฯ เกรงว่าบริษัทจีนจะใช้ RISC-V เป็นช่องทางในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ถูกจำกัดการส่งออก

อย่างไรก็ตาม RISC-V International ดำเนินงานอยูที่สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐฯ จึงไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ และหากสหรัฐฯ จำกัดบริษัทของตนจากการมีส่วนร่วมใน RISC-V อาจทำให้บริษัทเหล่านั้นเสียที่นั่งในการกำหนดทิศทางของ RISC-V ในอนาคต

DeepSeek ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวความสำเร็จของสตาร์ทอัพ AI สัญชาติจีนเท่านั้น หากแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นในการเอาชนะอุปสรรคและกำหนดชะตาชีวิตด้วยตนเอง ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีที่กำลังทวีความรุนแรง การสนับสนุนเทคโนโลยี Open Source อย่าง RISC-V การลงทุนอย่างมหาศาล และการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง กำลังทำให้จีนกลายเป็นผู้เล่นที่ไม่อาจมองข้ามในเวที AI โลก 

อ้างอิง: z2data, aljazeera, bbc, time, scmp, technologyreview, english.elpais

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI วาดสไตล์ Ghibli : OpenAI แอบดึงข้อมูลมาเทรนด์หรือเปล่า ประเด็นที่โลกไม่ควรมองข้าม

ฟีเจอร์ใหม่จาก ChatGPT ที่สร้างภาพสไตล์ Ghibli ทำเอาโลกอินเทอร์เน็ตสะเทือน แต่คำถามใหญ่คือ...นี่คือวิวัฒนาการของเทคโนโลยี หรือการทำลายจิตวิญญาณของศิลปะที่ Ghibli ยึดถือมาทั้งชีวิต ...

Responsive image

Noland Arbaugh มนุษย์คนแรกที่ควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิดผ่าน Neuralink

Noland Arbaugh วัย 30 ปี เป็นผู้ป่วยรายแรกของ Neuralink ได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์หลังการฝังชิปลงสมองในพอดแคสต์ของ Joe Rogan พอดแคสเตอร์ผู้โด่งดังในสหรัฐฯ...

Responsive image

ปฐมา จันทรักษ์ ฝาก 5 ข้อถึงผู้หญิง สู่ตำแหน่ง 'ผู้นำ' ในงาน EmpowerHer Asia LEADERSHIP FORUM 2025

สรุปจากที่คุณปฐมา จันทรักษ์ Country Managing Director, Accenture Thailand กล่าวในงาน 'EmpowerHER ASIA LEADERSHIP FORUM 2025, BRIDGING THE LEADERSHIP GAP IN TECH' เวทีสนับสนุนและส่ง...