แวดล้อม Startup ที่ดี ต้องขับเคลื่อนด้วยทุกฝ่ายไม่ใช่ ‘การแข่งขัน’ และ ‘นโยบายรัฐฯ’ ก็สำคัญ

แวดล้อม Startup ที่ดี ต้องขับเคลื่อนด้วยทุกฝ่ายไม่ใช่ ‘การแข่งขัน’ และ ‘นโยบายรัฐฯ’ ก็สำคัญ

เป้าหมายของ Startup ในฐานะผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาสังคม ไม่ว่าผลลัพธ์ของวิธีคิดแก้ปัญหานั้นจะออกมาในรูปแบบของซอร์ฟแวร์หรือฮาร์ตแวร์ จุดประสงค์แท้จริงคงมิใช่เพียงเพื่อการดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนหรือเพียงเพื่อเอาแนวคิดนั้นไปบรรจุลงใน TOR เล่มหนาเท่านั้น

หากแต่ ‘ซอร์ฟแวร์’ หรือ ‘ฮาร์ดแวร์’ นั้นๆ สามารถใช้งานได้และช่วยแก้ปัญหาจริง แบบนั้นต่างหากจึงจะเรียกว่าเป็นการสร้างนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562  ที่ผ่านมา ทีมงาน Techsauce ได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวโครงการ ‘ปราจีนบุรี เมืองสุขภาพดี’ (PMID Prachinburi Innovation District Opening Day) ที่จัดขึ้น ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี

นับเป็นอีกหนึ่งความน่ายินดีสำหรับคนในแวดวง Startups ที่ได้เห็น Startup และหน่วยงานของภาครัฐฯ ร่วมมือกันสร้าง ‘ต้นแบบการพัฒนาการให้บริการด้านสาธารณสุข’ ด้วยการนำนวัตกรรมจาก Startup เข้ามาร่วม

โครงการ “ปราจีนบุรี เมืองสุขภาพดี” เป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนาการให้บริการด้านสาธารณสุขด้วยนวัตกรรม โดยนายแพทย์โอฬาริก มุสิกวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอาจารย์แพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตัวแทนจากโรงพยาบาล มีนายแพทย์โชคชัย สาครพาณิช สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวรายงานความคืบหน้าของโครงการและได้รับเกียรติจากนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานเปิดงาน

งานนี้ เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายด้าน Digital Infrastructure ที่มุ่งส่งเสริมให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆ  นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก Startup เข้ามาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ รวมถึงสร้างโอกาสและส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมบริการผ่านระบบดิจิทัลของหน่วยงานและองค์กรทางภาครัฐให้มีคุณภาพกว่าเดิม

การร่วมมือกันในการผลักดันให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็น Medical Innovation ครั้งนี้ เกิดจากการร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่ได้จับมือกับ บริษัท คิว คิว (ประเทศไทย) จำกัด (QueQ) นำระบบคิวมาพัฒนาร่วมกับบริการของโรงพยาบาล ได้เริ่มใช้งานจริงที่แผนกสูติเวชกรรมที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

เมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้นำบริการจากบริษัท อรินแคร์ จำกัด (Arincare) ระบบบริหารจัดการร้านขายยาและงานด้านเภสัชกรเข้ามาร่วมพัฒนาบริการ เพื่อยกระดับการให้บริการในโรงพยาบาลให้มีศักยภาพมากขึ้น

ยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ผู้ป่วย - ลดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล

การนำ QueQ Hospital Solution ระบบบริหารจัดการคิวมาใช้ร่วมกับระบบให้บริการของทางโรงพยาบาลนั้น สามารถช่วยให้ทางโรงพยาบาลตรวจสอบสถานะการให้บริการตามจุดต่างๆ ให้ได้เห็นปัญหาการบริการแต่ละจุดเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยอำนวยความสะดวกการจองคิวล่วงหน้าให้กับผู้ป่วย

โดยสามารถจองคิวล่วงหน้าจากที่บ้านผ่าน Mobile Application ไม่ต้องเสียเวลารอคิวหน้าห้องตรวจโดยสูญเปล่า ที่สำคัญผู้ป่วยยังสามารถตรวจสอบสถานะคิวตามจุดให้บริการต่างๆ ในโรงพยาบาลได้แบบเรียลไทม์ด้วย  

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้นำระบบบริการจัดการคิวของ QueQ เข้าไปใช้ในแผนกสูติเวชกรรมเป็นแผนกแรกและพบว่าสามารถลดพื้นที่แออัดหน้าห้องตรวจในโรงพยาบาลได้ จึงได้ขยายบริการนี้ไปยังแผนกอื่นๆ ในโรงพยาบาล

ทันตแพทย์สุพระลักษณ์ รัศมีรัตน์ หัวหน้าแผนกทันตกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ เป็นเงิน  91 ล้านบาท และแผนกทันตกรรมก็ได้มีการจัดซื้อเครื่องมือการแพทย์เพิ่ม

ทำให้สามารถรับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ปัจจุบันแผนกทันตกรรมมีห้องปฎิบัติการทางการแพทย์จำนวน 10 ห้อง สามารถรองรับคนไข้ใหม่ในช่วงเช้าได้มากที่สุดถึงวันละ 64 คิว

อย่างไรก็ดี ทันตแพทย์หญิงปรางค์กมล ภู่อารีย์ ทันตแพทย์ประจำแผนกทันตกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในแต่ละวันโรงพยาบาลสามารถให้บริการแก่คนไข้ จำนวน 46 - 64 คิว ในบางวันที่คิวเต็ม อาจจะทำให้ผู้ป่วยที่ไม่ได้ทำการนัดล่วงหน้าเดินทางมาเสียเที่ยว

การเอาระบบจองคิวของ QueQ มาใช้ร่วมกับบริการของโรงพยาบาล ช่วยให้คนไข้มั่นใจได้ว่าเดินทางมาแล้วจะได้เข้าตรวจอาการแน่นอนและยังสามารถคาดการณ์เวลาในการมาพบแพทย์ได้ ที่สำคัญระบบนี้ยังช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยไปยังจุดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม โดยผู้ป่วยสามารถเช็คสถานะในแต่ละจุดบริการได้จากแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน

ในระยะนี้ยังถือเป็นระยะเริ่มต้น คาดว่าในอนาคตเมื่อมีจำนวนผู้ป่วยที่ใช้งานระบบจองคิวผ่าน Mobile Application เพิ่มขึ้น จะสามารถช่วยลดความแออัดหน้าห้องตรวจ จุดชำระเงินและจุดรับยาได้ 

ในส่วนของการเชื่อมโยงบริการในโรงพยาบาลร่วมกับ Arincare ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการเภสัชกรรมครบวงจรภายใต้แนวคิด ‘Digital Pharmacy Solution’ นั้น นอกจากจะช่วยเภสัชกรให้สามารถบริหารคลังจ่ายยาแล้ว ยังช่วยเก็บประวัติคนไข้เพื่อที่จะเชื่อมต่อการส่งตัวคนไข้ไปยังสถานพยาบาลอื่นได้ 

ในระยะแรกนี้ ทางโรงพยาบาลได้นำระบบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Prescription เข้ามาใช้ร่วมด้วย ซึ่งมีเป้าหมายในการช่วยผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลสามารถหาซื้อยาจากร้านขายยาระยะใกล้บ้านตามที่แพทย์สั่งได้

ขณะนี้ ได้มีโรงพยาบาลในจังหวัดปราจีนบุรีที่นำเอาบริการระบบจองคิวจาก QueQ ไปใช้แล้วถึง 6 แห่ง และบริการจาก  Arincare รวม 5 แห่ง ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งสองบริการจะถูกขยายไปสู่โรงพยาบาลที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงด้วย

แวดล้อม Startup ที่ดี นอกจาก ‘เงินจากนักลงทุน’ แล้ว ยังต้องกระตุ้นให้มี ‘ผู้ใช้งาน’ ด้วย

แอพพลิเคชันQueQ’ จากระบบคิวร้านอาหารได้พัฒนาสู่ระบบคิวโรงพยาบาล โดยใช้เวลาในการพัฒนาระบบ QueQ Hospital Solution มาแล้วกว่า 2 ปี ด้วยการส่งทีมงานเข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยเพื่อหาปัญหาที่แท้จริง รวมถึงแนวทางแก้ไขเพื่อที่จะนำมาพัฒนาการให้บริการผ่าน Moblie Application

ด้วยมาตรฐานการให้บริการที่สามารถใช้งานได้จริง รองรับงาน Operation ที่แตกต่างกันของโรงพยาบาลแต่ละแห่งได้ ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการครบวงจรด้วยระบบที่เปิดให้ผู้ป่วยจองคิวผ่าน Smartphone ระบบแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงคิวและยังได้เปลี่ยนจาก Paper Ticket มาเป็น Online Ticket แทน

ปัจจุบัน QueQ มียอดดาวโหลดกว่า 1.5 ล้านคน มีผู้ใช้งานต่อเดือนเฉลี่ย 3 แสนคน มีผู้ใช้งาน QueQ Hospital Solution อยู่ที่ 5-10 % ของยอดผู้ใช้งานต่อวันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

ขณะนี้ได้มีการติดตั้งระบบของ QueQ  ในโรงพยาบาลแล้วถึง 79 แผนก จากโรงพยาบาล 30  แห่งทั่วประเทศ โดยแผนกสูติ-นรีเวชกรรม เป็นแผนกที่มีผู้ป่วยจองคิวตรวจโรคผ่าน Mobile Application สูงสุด มียอดผู้ใช้งานที่จองคิวผ่านระบบตั้งแต่เดือนมกราคม - เดือนกรกฎาคม 2562 รวมเป็นจำนวนกว่า 3,000 ครั้ง

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา QueQ ได้ขยายตลาดไปยังต่างประเทศแล้วถึง 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ลาว และฟิลิปปินส์ โดยได้เริ่มจากการขยายไปสู่ตลาดร้านอาหารและวางแผนการต่อยอดบริการ Hospital Solution ตามลำดับ

ส่วนแผนการขยายตลาดภายในปี 2563 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีโรงพยาบาลที่นำระบบให้บริการคิวไปใช้เพิ่มขึ้นอีก 55 โรงพยาบาล รวมได้ประมาณ 275 แผนกหรือหน่วยงาน

ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของ QueQ Hospital Solution นั้น คาดหวังว่าผู้ใช้งานจะสามารถเช็คสิทธิ์ในการรักษาได้ด้วยตัวเองได้ก่อนจองคิว เมื่อจองคิวและรับการรักษาแล้วก็ยังจะสามารถชำระเงินได้ผ่านมือถือได้

แน่นอนว่า QueQ ได้ไม่เดินเกมนี้คนเดียว เกมนี้มี Arincare จับมือไปด้วยกัน โดย Arincare จะเข้ามาให้บริการด้านการบริหารจัดการเภสัชกรรมครบวงจร รวมถึงจะมาร่วมพัฒนาระบบสาธารณสุขร่วมกับโรงพยาบาล โดยการนำระบบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Prescription เข้ามาร่วมด้วย

ซึ่ง Arincare ได้ให้บริการมาแล้วกว่า 4 ปี มีร้านขายยาและเภสัชกรชุมชนเข้ามาใช้งานในแพลตฟอร์มแล้ว รวมกว่า 2,600 ราย และมีโรงพยาบาล 5 แห่งที่ได้นำระบบ E-Prescription ไปใช้ โดยมีโรงพยาบาลในจังหวัดปราจีนบุรีเป็นโรงพยาบาลนำร่อง ภายในสิ้นปีนี้ จะมีร้านขายยาเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มร่วมด้วยเพิ่มเป็น 4,000 ร้านทั่วประเทศ และจะพร้อมเปิดให้บริการใบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ E-prescription ด้วย

แวดล้อม Startup ที่แข็งแรง ต้องเกิดจากการขับเคลื่อนของทุกฝ่ายไม่ใข่ การแข่งขัน และ นโยบายรัฐฯ ก็สำคัญ

หลังจากเสร็จสิ้นพิธิเปิดโครงการ ‘ปราจีนบุรี เมืองสุขภาพดี’ (PMID Prachinburi Innovation District Opening Day) และการหารือเพื่อลงนามในความร่วมมือ (MOU) เพื่อผลักดันให้จังหวัดปราจีนบุรี เป็น Medical Innovation  ทางผู้จัดงานก็ได้เปิดเวทีเสวนาเพื่อร่วมหาแนวทางในการสนับสนุนธุรกิจ Startup ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลด้วย

โดยได้รับเกียรติจากผู้บริการและตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ นายปริวรรต  วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม (NIA) นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี (สวทช.)

ดร. ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)  ดร. พณชิต กิตติปัญญางาม นายกสมาคมเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีรายใหม่ (TTSA) ขึ้นมาร่วมเสวนาบนเวที

จากการเสวนาเพื่อร่วมหาแนวทางนี้ เห็นได้ว่าทุกภาคส่วนต่างก็มุ่งสนับสนุน Startup ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Government Procurement Transformation (GPT) จาก NIA ที่จะช่วยให้ Startup ทำงานร่วมกับภาครัฐได้ง่ายขึ้น ด้วยการเปิดโอกาสให้หน่วยงานรัฐสามารถจัดซื้อ จัดจ้างบริการหรือสินค้าต่างๆ

จากภาคเอกชนได้ง่ายขึ้น นับเป็นการปลดล๊อคข้อจำกัดการพัฒนา Startup สู่ตลาดภาครัฐซึ่งป็นตลาดใหญ่ โดยที่ QueQ และ Arincare ก็ได้รับการสนับสนุนจากโครงการนี้ ที่เปิดทางให้จนสามารถเข้าถึงตลาดภาครัฐได้จนเกิดความร่วมมือกันในการจัดโครงการ ‘ปราจีนบุรี เมืองสุขภาพดี’ (PMID Prachinburi Innovation District Opening Day) นี้ด้วย 

นอกจากนี้ depa เองก็ยังมีโครงการ depa Digital StartUp Fund ซึ่งเป็นเงินทุนสนับสนุนเริ่มต้นของผู้ประกอบการธุรกิจดิจิตอล รวมถึงโครงการอบรมเพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัล (Business Incubator) จาก NSTDA

ในส่วนของ TTSA นั้น มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสมาคมเพื่อร่วมสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ประกอบการและสร้างแวดล้อมที่ดีให้กับ Startup ไทย ให้มีเครือข่ายที่แข็งแรง ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

ในงาน “Startup Thailand 2019” ครั้งที่ผ่านมา ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวในโอกาสที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานว่า การส่งเสริม Startup หรือวิสาหกิจเริ่มต้นนั้น เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างประเทศไปสู่การเป็น “ชาติ Startup ” ที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต

โดยรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญกับ Startup ในฐานะ ‘นักรบทางเศรษฐกิจ’ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนไทยให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง ภายในปี 2580 ตามวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติ

ในการหนุนและส่งสริมธุรกิจ Startup ของภาครัฐเพื่อให้ Startup อัพดำเนินกิจการให้มีประสิทธิภาพในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมสู่แนวคิด Thailand 4.0 นั้น จะมุ่งเน้นการใช้ระบบเทคโนโลยีนวัตกรรม การบริการและความคิดสร้างสรรค์ในการดำเนินธุรกิจไปสู่การสร้าง S-Curve ใหม่ให้กับเศรษฐกิจในประเทศ

ซึ่งมีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า Startup ด้าน MedTech และ HealthTech มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ในครึ่งปีหลังของปี 2561 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะช่วยให้ Startup เติบโตขึ้นได้ เงินจากนักลงทุนอาจจะไม่เพียงพอ หากแต่เป็นการร่วมมือกับภาครัฐซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ รวมถึงนโยบายที่เอื้อต่อการซื้อหรือจัดจ้างบริการของ Startup ก็นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

 

ARTHITTAYA BOONYARAT                                                       

(Full-time community builder, part-time podcast producer)

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...