ถือว่าเป็นประเด็นที่ฮอตเป็นอย่างมากสำหรับกรณีที่ Robinhood แอปพลิเคชั่นซื้อขายหุ้นแบบออนไลน์ที่โด่งดังในสหรัฐ ได้ออกกฏสั่งระงับนักลงทุนที่ใช้บัญชีซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่นตนเอง ห้ามซื้อหุ้น GameStop เป็นอันขาด หลังจากที่ราคาหุ้นได้พุ่งสูงถึง 1,700% ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากที่ เดิมทีแอปพลิเคชั่นนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจเหล่านักลงทุนรายย่อย อยู่ๆกลับแปรเปลี่ยนพรรคหันไปเข้าข้างเหล่ากองทุนซะอย่างงั้น และวันนี้เราจะพามาดูสาเหตุที่ทำให้ Robinhood เปลี่ยนไป

Robinhood ออกกฏเหล็ก 

Robinhood ได้ออกกฎไม่ให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น GameStop อีกต่อไป อ้างว่าปกป้องลูกค้าในแอปพลิเคชันไม่ให้รับกับความเสี่ยงที่มากไป หรือมีความเป็นไปได้ที่จะกระทบความสัมพันธ์เชิงธุรกิจระหว่าง Robinhood และกองทุนต่าง ๆ จึงทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงกฎดังกล่าวและนำไปสู่การฟ้องของผู้ใช้รายหนึ่งต่อศาลสหรัฐ เพราะมองว่าท่าทีของ Robinhood ทำให้เขาพลาดที่ซื้อหุ้น GameStop ที่กำลังพุ่งแรง แต่หลังจากนั้นไม่นาน Vlad Tenev ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Robinhood ได้ออกมาแถลงผ่อนปรนกฎห้ามการซื้อขาย กล่าวคือ ให้ขายหุ้นเดิมได้ แต่ห้ามซื้อหุ้นตัวใหม่ 

ทั้งนี้แอปพลิเคชั่น Robinhood ได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่ายในระหว่างมหากาพย์การซื้อหุ้น GameStop บางส่วนได้มองว่านี่เป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า การที่ซื้อขายหุ้นโดยปราศจากค่าธรรมเนียม อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำสุดทำให้เกิดผลเสียได้ โดยเฉพาะในส่วนของกลไกตลาดทุนที่อาจถูกกระทบจากการรวมตัวของนักลงทุนรายย่อยผ่านช่องทางออนไลน์

ขณะเดียวกัน Robinhood ก็ทำให้ชุมชน WallStreetBets ไม่พอใจเนื่องจากการบล็อกไม่ให้มีการซื้อขาย เพื่อสกัดตลาดที่ผันผวนหนักในสัปดาห์นี้ โดยได้กำหนดค่ามาร์จิ้นให้สูงขึ้นทั้งในหุ้น GameStop และ AMC รวมแล้วกว่า 100% ซึ่งการกำหนดค่าดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนต้องถือหุ้นตามขั้นต่ำที่กำหนดไว้ สามารถขายได้ แต่ห้ามซื้อหุ้นใหม่ จึงทำให้ผู้ใช้งาน Reddit มองว่าไม่เป็นธรรม โดยตั้งข้อสงสัยว่าในขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อไม่ได้ แต่ทำไมนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทกลับซื้อได้

หุ้น Gamestop จุดเริ่มต้นที่สะเทือนทั้งวงการตลาดหุ้นรับปี 2021

หากเราย้อนเวลาไปในช่วงที่ COVID-19 บาดหนักในสหรัฐฯด้วยยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง และมาตรการรัฐที่นำมาใช้ทั้งการล็อกดาวน์ และมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ต่างมีส่วนทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องล้มหายตายจากไป และ GameStop เป็นหนึ่งในเหยื่อครั้งนี้ที่มีแนวโน้มว่าธุรกิจจะซบเซาในอนาคต อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงดำเนินการอยู่ หุ้น GameStop จึงเป็นที่หมายตาของนักลงทุนประเภท short-seller

โดยตามความหมายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) Short Sell (ขายชอร์ต) คือการที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าทำกำไรในหุ้นที่มีแนวโน้มจะถูกลงเรื่อยๆนักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีหุ้นในมือ แต่จะไปกู้ยืมหุ้นจากสถาบันหลักทรัพย์ที่เปิดบัญชีไว้ เมื่อขายเสร็จแล้วราคาหุ้นถูกกว่าเดิมตามที่คาดไว้จริง ๆ นักลงทุนก็จะเอาซื้อหุ้นตัวนั้นมาคืนแก่สถาบันหลักทรัพย์ ในส่วนนี้ นักลงทุนก็จะได้กำไรส่วนต่างจากราคาครั้งก่อนที่ขายไป 

ด้วยเหตุนี้เอง GameStop จึงเหมาะสมกับการทำ short-selling เป็นอย่างดี เพราะมูลค่าของหุ้นก็ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนม.ค. ปี 2019 อีกทั้งเทรนด์การเล่นเกมเปลี่ยนไป คนนิยมซื้อและดาวน์โหลดเกมผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า นักลงทุนสถาบัน ผู้จัดการกองทุนเศรษฐีรายใหญ่ จึงมองว่ามีน้ำหนักเพียงพอที่จะขายชอร์ตหุ้นตัวนี้ทำกำไรงาม และฟันธงว่าราคาในอนาคตจะต้องถูกลงกว่าเดิม โดยเฉพาะ Citron Research บริษัทที่มักขุดเรื่องทุจริตหรือไม่ชอบพามากลของธุรกิจต่าง ๆ เพื่อทุบหุ้นและทำกำไรและชอร์ตเซล แน่นอนว่าหวยออกไปโดนที่ GameStop

และสิ่งที่จุดประกายมหากาพย์ครั้งนี้ก็คือมีคนพยายามแฮ็คแอคเคาต์ทวิตเตอร์ของ Citron Research และได้มาซึ่งวิดีโอของบริษัทที่ประเมินว่าธุรกิจของ GameStop จะไปได้ไม่สวย และราคาจะถูกลงอย่างแน่นอน ผู้ใช้งานที่เป็นนักลงทุนรายย่อยกว่า 3 ล้านรายในแพลตฟอร์ม WallStreetBets Reddit ได้เห็นและอยากจะเดิมพันแตกหักกับนักลงทุนรายใหญ่ด้วยความมั่นใจว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นจากเหตุผลใดก็ไม่ทราบชัด จึงไปซื้อหุ้น GameStop เป็นจำนวนมากจนปั่นราคาจากเดิมต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ จนปิดการซื้อขายอยู่ที่ 350 ดอลลาร์ต่อหุ้นในวันที่ 27 ม.ค. จากนั้นก็ปรับลงไปต่ำกว่า 200 ดอลลาร์ และทำให้ตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนักทั้งวัน

เมื่อชาว Reddit ทำให้นักลงทุนสถาบันต้อง short squeeze

จากตอนแรกที่นักลงทุนขายชอร์ตเชื่อมั่นว่าราคาหุ้น GameStop จะต่ำลงอย่างแน่นอน ปรากฎว่าชาว Reddit นี่เองที่พลิกสถานการณ์กลับตาลปัตรนักขาย Short-sell โดยเฉพาะ Melvin Capital กองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ที่ถือหุ้น GameStop เสียหายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ยังไม่รวมไปถึง Citron Research ที่ถือหุ้นไว้ทำขายชอร์ตนั้น ขาดทุนเกือบ 100% 

ในเมื่อการทำชอร์ตไม่ได้ให้กำไรพวกเขาอีกต่อไป สิ่งที่นักลงทุนรายใหญ่ตัดสินใจทำคือ ’short-squeeze’ ก็คือตัดสินใจจะเข้าซื้อหุ้น GameStop ต่อไปเผื่อหวังว่าจะมีโอกาสที่ลงมาอีกจะได้มาครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น การซื้อหุ้นเพิ่มเท่ากับทำให้ราคาสูงขึ้นเยอะกว่าเดิมและไม่มีทีท่าจะลดลง นักลงทุนรายใหญ่เริ่มหวั่นใจและต้องการให้มีกฎระเบียบควบคุมไม่ให้ราคาโดนปั่นไปมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่สำหรับหุ้น GameStop เท่านั้น แม้แต่หุ้นอื่น ๆ อาทิ AMC, Blackberry, Express, Tootsie Roll ราคาก็พุ่งขึ้นหลายเท่า 

ผู้ใช้ใน WallStreetBets ปั่นราคาเพราะอะไร

แน่นอนว่าผู้สังเกตการณ์ตลาดหลายฝ่ายย่อมตั้งคำถามถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการปั่นราคาครั้งนี้ โดย Nick Colas ผู้ร่วมก่อตั้ง DataTrek Research กล่าวว่า “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทราบกันดีว่า ไม่มีข้อมูลภายในจากบริษัทปรากฏให้เห็น” คำตอบที่พบเจออาจเป็นไปได้ว่าผู้ใช้ปั่นเอาสนุก หรือบางส่วนต้องการแก้เผ็ดนักลงทุนรายใหญ่ที่ประเมินว่าราคาหุ้นต้องถูกลง

ทั้งนี้ ห้อง WallStreetBets ก็เผชิญกับความตึงเครียดเช่นกัน โดยผู้คุมระบบ Reddit ได้ทำให้กระทู้ดังกล่าวเป็น private เช่นเดียวกันกับดิสคอร์ด ได้สั่งปิดระบบของ WallStreetBets ในโปรแกรมของดิสคอร์ดเอง เนื่องจากเนื้อหาสื่อถึงความเกลียดชังและเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นอกจากนี้สำนักข่าว The Verge รายงานว่า Discord กำลังทำงานร่วมกับ WallStreetBets ในการควบคุมเนื้อหาในแพลตฟอร์ม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สภาวะตลาดหุ้นเป็นไปอย่างบ้าคลั่ง ในปีที่ผ่านมาราคาหุ้นบริษัท Hertz ถูกปั่นขึ้นกว่า 400% จาก 0.56 ดอลลาร์ จนตอนนี้ขายหุ้นได้สูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะ Robinhood ได้แนะนำให้สมาชิกไปซื้อหุ้น Hertz จนราคาสูงขึ้นหลายเท่า

ขณะที่ล่าสุด คณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาเตรียมจัดการไต่สวนกรณีปั่นหุ้น GameStop รวมทั้งตรวจสอบดูว่าเพราะเหตุใดกลุ่มเฮดจ์ฟันด์จึงเข้ามาปั่นตลาดได้ นอกจากนี้จะตรวจสอบบรรดาผู้ที่จะได้ประโยชน์ทางการเงินจากบรรดาเฮดจ์ฟันด์อีกด้วย ซึ่งเราก็ต้องติดตามสถาณการณืดังกล่าวอย่างใกล้ชิดว่าเกมหุ้นนี้จะจบลงเช่นไร 

อ้างอิง : VOX , CNN