หากจะขยายตลาดของธุรกิจฟินเทคเพื่อครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน คำถามที่ตามมาก็คือ คุณจะเริ่มต้นอย่างไร? มีความท้าทายและโอกาสอะไรที่รอคุณอยู่บ้าง? ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการขยายขนาดของธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งหากสตาร์ทอัพด้านฟินเทคสักรายต้องการที่จะก้าวไปถึงมูลค่าธุรกิจที่เกินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์หรือกลายเป็นยูนิคอร์นตัวต่อไปของภูมิภาคแล้ว แนวโน้มที่จะสามารถขยายขอบเขตของกิจการ หรือการขยายขนาดธุรกิจนั้นย่อมต้องเป็นเป้าหมายสูงสุดของผู้ก่อตั้งและเหล่านักลงทุน และแม้ว่าฟินเทคจะเป็นหนึ่งในกลุ่มของเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด รวมไปถึงความสามารถอย่างมหาศาลของฟินเทคที่จะเติบโตในภูมิภาคอาเซียนนี้ แต่การที่จะทำให้ธุรกิจภายในประเทศประเทศหนึ่งเติบโตขึ้นย่อมต้องอาศัยความสามารถในการขยายขอบเขต (Scale) ซึ่งเริ่มจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านแล้วจึงไปสู่ระดับโลก
โดยในงาน Techsauce Global Summit 2017 มีการอภิปรายถึงการขยายกิจการฟินเทคให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน ดำเนินรายการโดย Andy Disyadej กรรมการผู้จัดการของสมาคมฟินเทคประเทศไทย ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญและรู้รอบถึงความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนของ Fintech Startup Ecosytem โดยมีผู้ร่วมวงเสวนาดังนี้
เอเลน่า: เราก่อตั้งบริษัทของเราในยุโรปตะวันออก ซึ่งในขณะที่เรากำลังสร้างยอดขายมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ตระหนักได้ว่าเราสามารถที่จะขายโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในยุโรปตะวันตกและอเมริกาได้ แต่ไม่ใช่ที่เอเชีย ซึ่งตลาดอาเซียนนั้นเป็นตลาดที่มีโอกาสทางการตลาดสูงมากสำหรับเรา และการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มากพอในตลาดนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ดังนั้น เราจึงตัดสินใจที่จะย้ายทีมบางส่วนมาที่นี่และเข้าร่วม FinLab accelerator ซึ่งฉันคงต้องขอให้ Felix อธิบายต่อว่าพวกเขาทำอะไรกันที่ FinLab
Felix: FinLab นั้นสนับสนุนสตาร์ทอัพต่างๆ ทั้งผ่านการช่วยเหลือโดยตรงและผ่านเครือข่ายขนาดใหญ่ของธนาคาร UOB และ SGinnovate โดยอันดับแรกเราเริ่มที่การพูดคุยกับเหล่าผู้ก่อตั้งบริษัทและช่วยพวกเขาสร้างเป้าหมายของแผนธุรกิจที่ชัดเจน จากนั้นเราจึงช่วยเปิดประตูให้กับสตาร์ทอัพต่างๆ ในการเข้าถึงบริษัทที่ใหญ่ที่สุดที่มีอยู่และทำให้แน่ใจว่าพวกเขาประสานกันอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ทำงานในโปรเจกต์ต่างๆ ร่วมกัน
ฟินเทคในภูมิภาคอาเซียนนั้นกำลังเติบโตและมีโอกาสมหาศาล ทั้งนโยบายและภาครัฐนั้นต่างก็พยายามเป็นอย่างมากในการสนับสนุนสตาร์ทอัพ ซึ่งผลประโยชน์ที่จูงใจเหล่านั้นไม่เพียงแต่เป็นที่น่าสนใจของโปรเจกต์ภายในประเทศ แต่ยังดึงดูดโปรเจกต์และทีมต่างๆ จากต่างประเทศอีกด้วย และสิ่งที่สำคัญมากสำหรับภาคการเงินในองค์รวมก็คือ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สถาบันการเงินการธนาคารต่างๆ จะต้องตระหนักว่าระบบเก่านั้นควรจะต้องเปลี่ยนแปลงไป และพวกเขาก็ควรที่จะเต็มใจเป็นอย่างยิ่งในการร่วมมือกับเหล่าสตาร์ทอัพต่างๆ
นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สถาบันการเงินการธนาคารต่างๆ จะต้องตระหนักว่า ระบบเก่านั้นควรจะต้องเปลี่ยนแปลงไป และพวกเขาก็ควรที่จะเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ในการร่วมมือกับเหล่าสตาร์ทอัพต่างๆ
[video width="960" height="540" mp4="https://techsauce.co/wp-content/uploads/2017/08/UOB-1.mp4"][/video]
Felix ให้ความเห็นว่า กฎระเบียบต่างๆ นั้น จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้เพียงแค่เปิดโอกาสให้สำหรับสตาร์ทอัพในภูมิภาคเท่านั้น แต่อาจจะกลายเป็นอุปสรรคบางอย่างที่สตาร์ทอัพจะต้องก้าวข้ามไปให้ได้เช่นกัน ซึ่งในภาคของฟินเทคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากสำหรับผู้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ จึงยากที่จะผ่อนคลายนโยบายต่างๆ ในทันทีทันใด แต่ในทางกลับกัน นี่เป็นกระบวนการที่ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปและเป็นไปอย่างระมัดระวัง ดังนั้น บริษัทสตาร์ทอัพทั้งหลายจึงจำเป็นต้องเชี่ยวชาญเรื่องการสร้างเครือข่ายต่างๆ และด้านกฎหมายก็เช่นกัน เพื่อหาช่องทางที่ถูกจังหวะเวลาและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท
Roy กล่าวว่าเป็นที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับปัญหาที่หลายๆ บริษัทมีเหมือนๆ กันคือ เรื่องของภาษา ผู้ก่อตั้งบริษัทในหลายประเทศยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการทำงานและดำเนินธุรกิจของพวกเขาด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งนั่นก็ทำให้เป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่กลัวการทำงานและดำเนินกิจการในอาเซียน เพราะความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรมนี้เอง ทำให้ปัญหาเหล่านี้ยังคงต้องการได้รับการแก้ไขโดยการให้การศึกษาและความร่วมมือที่มากขึ้นใน ecosystem ทั่วโลก
หัวข้อที่ดีหัวข้อหนึ่งในการพูดคุยครั้งนี้คือ เรื่องของการใช้ข้อมูลในภาคธุรกิจฟินเทค โดยบริษัทฟินเทคต่างๆ นั้นสร้างข้อมูลมากมายที่ต้องการการจัดการอย่างเหมาะสม แต่ก็ต้องแบ่งปันกันภายใน ecosystem เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
[video width="960" height="540" mp4="https://techsauce.co/wp-content/uploads/2017/08/UOB.mp4"][/video]
ผู้ร่วมอภิปรายทั้งหมดได้ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่บริษัทฟินเทคจะมุ่งไปตามตลาดเฉพาะของพวกเขา ผู้ก่อตั้งบริษัทในอาเซียนนั้นอยู่ในจุดที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของทั้งภูมิภาคนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องระมัดระวังหลุมพรางของกฎระเบียบต่างๆ และปรับตัวเข้ากับการพัฒนาใหม่ๆ ของตลาดให้ได้
เจมส์เล่าว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent นั้นแบ่งปันข้อมูลจำนวนมากกับสตาร์ทอัพซึ่งช่วยเร่งการพัฒนาของภาคธุรกิจโดยรวมเป็นอย่างมาก และเสนอมุมมองที่ส่งเสริมต่อการพัฒนาของฟินเทคในประเทศไทยซึ่งมีความท้าทายในหลายด้านด้วยกัน ดังนี้
นอกจากนี้ ธนาคาร UOB ยังมีเครือข่าย VC platform ที่ช่วยในการระดมทุนให้แก่สตาร์ทอัพต่างๆ ตั้งแต่ Seed stage ไปจนถึง Series ต่างๆ กระทั่ง Pre IPO อีกด้วย
[video width="960" height="540" mp4="https://techsauce.co/wp-content/uploads/2017/08/UOB-2.mp4"][/video]
และท้ายสุด Felix ฝากถึงสิ่งที่ Finlab มองหาในการเลือกสตาร์ทอัพมาเข้าร่วมใน accelerator โดยต้องมี
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด