อีกหนึ่งควันหลงจากงาน Start it Up Conference 2015 โดยบทความนี้เราจะมาสรุป 1 เซซชั่น ที่น่าสนใจโดยคุณบีม-เธียรรุจ ธรณวิกรัย กับประสบการณ์การทำ Startup ของเขา ผู้ปลุกปั้นเว็บไซต์ Think of Living จนประสบความสำเร็จและปัจจุบันเข้าร่วมกลุ่มกับ iProperty Group ในช่วงต้นปี
Timeline ธุรกิจของ Think of Living ซึ่งในช่วงปีแรกเป็นดังเช่น Startup หลายคนที่กำลังลองผิดลองถูก เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น ค่อยๆ พัฒนาจนรูปแบบธุรกิจลงตัว ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ Startup ต้องก้าวผ่านไปให้
เรื่องราวของ Think of Living
- โดยปกติแล้วธุรกิจของ Startup ที่ทำด้านออนไลน์มักจะมุ่งไปที่ 3Cs ได้แก่
- Content คือ ข่าว, เกม, วิดีโอ และบทความ
- Community คือ ฟอรัม, โซเชียลเน็ตเวิร์ค และCrowd Sourcing
- Commerce คือ หน้าร้าน, การประมูล, listing
และกับดักสำคัญที่ทำให้ Startup หลายรายประสบปัญหาคือ อยากทำมันทั้งหมด (คือทั้ง 3C) มีทุกอย่างเป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยม แต่ปัญหาจริงๆ คือทำได้ไม่ดีสักอย่าง หรือถ้าทำได้ก็ตลาดเล็กมาก ไม่ใหญ่พอที่จะขยายธุรกิจได้ระยะยาว
- ส่วนหลักของ Think of living ทำอยู่ในตอนนี้ก็คือการให้ความรู้ในตัวเนื้อหา, การสร้างชุมชน (Community) รวมทั้งการสร้างมีเดียแพลตฟอร์มสำหรับการหาข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มจากการสร้างเว็บไซต์หลักในการให้ความรู้เกี่ยวกับการซื้อบ้านและคอนโดว่าเราควรดูอะไรก่อนเป็นอันดับแรกแล้วจึงขยายไปยังส่วนอื่นเช่น วีดีโอ,หนังสือ,Social Network เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้บริโภคนั้นเอง
- หัวใจสำคัญของ Think of living คือการเป็นตัวกลางในการเชื่อมผู้บริโภคเข้ากับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคไม่ว่าจากการลงสาระความรู้หรือรีวิวบ้านและคอนโดที่ผ่านการคัดสรรจากเรามาแล้ว
- พยายามค้นหาและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งตัวเว็บไซต์และพยายามหาสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากการอ่านข่าวภายในเว็บ Think of Living
- ใส่ใจความต้องการของลูกค้าและคุณค่าที่มอบให้ - รูปแบบธุรกิจของ Think of Living เป็นการเชื่อมระหว่างผู้พัฒนาโครงการกับลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยไม่ได้มุ่งหวังตัวเงินเพียงอย่างเดียว
ข้อคิดในแง่มุมต่างๆ
- ข้อคิดในแง่การเงิน
- สิ่งที่คุณบีมให้ความสำคัญคือ Positive Cash Flow ที่ต้องจัดการบริหารให้ดีในทุกๆ เดือน
- เรียนรู้ที่จะหาเงินล้านแรกให้ได้ก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจ
- การระดมทุนอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไปก็ได้
- ข้อคิดการวางวัตถุประสงค์ของธุรกิจ ต้องถามตัวเองในเรื่องเหล่านี้
- Why ? - ดูว่า Core Value ของเราคืออะไร
- How ? - ความสามารถในการแข่งขัน, แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร
- What? - วางเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ต้องทำมีอะไรบ้าง ตาม Milestone
- ข้อคิดด้าน Content: (Pulling is better than Pushing) การใส่ใจในการทำเนื้อหาที่ทำให้ผู้อ่านอยากติดตามเป็นสิ่งที่ดี เราควรทำการบ้านอย่างดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล, การแชร์, รีวิว
- ข้อคิดด้านการแบ่งเวลา สำหรับการทำงานในแต่ะวัน นอกจากการทำงานและการพักผ่อนแล้วนั้น ควรแบ่งเวลาในการศึกษาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการอ่านข่าวสาร,ดูนิทรรศการ เพื่อเพิ่มศักยภาพของเราเอง
- Market size - หาให้ได้ว่าเราเลือกตลาดจากกลุ่มไหน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Mass, Niches, Smart industry เป็นต้น
- Share of wallet model
- Consumption การบริโภคต่างๆ เราสามารถแบ่งได้เป็นทางตรงหรือการซื้อสินค้าต่างๆ จากรายรับที่เราได้มา ส่วนทางอ้อมคือการนำเงินอนาคตมาใช้ ซึ่งมันเป็นการบอกว่าเราควรบริหารเงินเหล่านั้นให้ดีได้อย่างไร
- ให้คิดถึงเรื่องการใช้จ่ายเงิน : Impact million - คือการเอา Magnitude * Frequency หมายถึง บางครั้งขนาดของรถ 1 คัน ถ้าเอาเงินจากการซื้อรถมาซื้อ Macbook เราสามารถซื้อได้หลายเครื่องเลยทีเดียว
- True Wealth - สิ่งที่สำคัญไปกว่าเงินทองก็คือ Friend, Family, Health, Freedom หรือแม้กระทั่งการให้อะไรเพื่อตอบแทนสังคม
- ช่วง Q&A ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ตอนที่กำลังเกิด Think of Living คุณยังจะเลือกใช้เงินทุนของตัวเองในการเริ่มต้นธุรกิจหรือไม่หรือ การหา VC/Angle มาช่วยดีกว่ากัน ?
- คำตอบที่ได้คือ แน่นอนหากว่าหากธุรกิจเราเติบโตเร็วเกินไปสิ่งที่ตามมาคือความเสี่ยงที่มากตามไปด้วย ดังนั้นการวางรากฐานของการเริ่มต้นธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ และเขายังยืนยันว่า เราควรค่อยๆ พัฒนาความรู้ความสามารถของตนและค่อยเติบโตไปเรื่อยๆ ด้วยตัวของเราเองดีที่สุด