บทเรียนจาก Covid-19 และ Aging Society ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้มนุษยชาติต้องพัฒนาการดูแลสุขภาพให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพขึ้น ร่วมมองโอกาสในอุตสาหกรรม Healthcare ที่มีการประสานงานร่วมกันในรูปแบบใหม่เพื่อปฎิรูปธุรกิจและบริการที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนได้ กับ Fireside Chat ของคุณนาเดีย สุทธิกุลพานิช Head of Fuchsia Venture Capital (Fuchsia VC) แห่งเมืองไทยประกันชีวิต และ Mr.Raghu Rai ผู้ร่วมก่อตั้งแห่ง Jio Health ที่ได้เสวนาในงาน Techsauce Global Summit 2022 ภายใต้หัวข้อ HealthtTech: Transforming the Access and Delivery of Care
ในช่วงของการสนทนา คุณนาเดียได้กล่าวว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้านวัตกรรมแห่ง Fuchsia VC แห่งเมืองไทยประกันชีวิต ทำให้ต้องสร้างบริษัทที่ร่วมสร้างเสริมสุขภาพและลงทุนในด้าน Vertical HealthTech มุ่งเน้นด้าน Health & Wellness ที่หลากหลาย ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นก้าวกระโดดของเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ก้าวหน้าที่สุด
เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย แต่เราพร้อมแล้วหรือไม่? เพราะอย่างอาเซียนและไทยเราจะไม่เหมือนกับเกาหลีหรือญี่ปุ่นที่สังคมมีความพร้อมมากกว่า สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุกคนจำเป็นต้องตระหนักมากขึ้นจริงๆ เพราะมาตรฐาน สวัสดิการและค่าครองชีพที่ต่างกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณนาเดียได้ลงทุนใน Jio Health บริษัทด้านสุขภาพในเวียดนาม พร้อมทั้งเชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจที่จะส่งมอบการดูแลอย่างยั่งยืน
ลำดับถัดมา คุณ Raghu Rai ผู้ก่อตั้งแห่ง Jio health ได้อธิบายที่มาและความสำคัญ พร้อมแจงถึงสิ่งที่ทำให้ Jio health โดดเด่น โดยเน้นด้าน healthcare เป็น Core Value หลัก ที่กำลังผนวกการรักษาและบุคลากรให้ร่วมสมัย มีตัวเลือกการรักษาให้ครอบคลุมแบบ Omni-channel ที่บริษัทส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าปลายทางได้อย่างตรงจุด ผ่าน Value chain ที่มีหลักคิดหลายด้านคือ
1) Virtual care บริการหลักในการนำเสนอการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine ซึ่งมี EMR หรือ Electronic medical record ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Jio Health เอง ช่วยให้แพทย์สามารถบันทึกประวัติผู้ป่วย แสดงผลการทดสอบ เขียนใบสั่งยา ป้อนคำสั่ง รับการแจ้งเตือนทางคลินิก ใช้เครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจ และพิมพ์คำแนะนำของผู้ป่วยและเอกสารการศึกษาได้ พร้อมการดูแลแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
มันจะเป็นสื่อเสริมที่ดีในการดูแลที่นอกเหนือจากประสบการณ์ออฟไลน์ อาศัยต้นทุนการมีส่วนร่วม และได้ทำให้เราสามารถให้บริการการแพทย์ทางไกลฟรีในเวียดนามตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
2) Smart clinic & Drugstore คุณ Raghu เชื่อว่าการแพทย์แบบ Primary Care เป็นการดูแลเบื้องต้นเท่านั้น อาจจะยังไม่เพียงพอและอาจเข้าไม่ถึงทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอาจต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องที่สมบูรณ์ จึงได้สร้าง smart clinic ที่จะสามารถรวมทุกความต้องการไว้ในระบบนิเวศ Healthcare ได้
นอกจากนี้ Jio health ยังได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์อย่างเต็มรูปแบบในฐานะ Polyclinic ดังนั้นจึงมีการดูแลทางการแพทย์ที่พิเศษกว่า 14 สาขา ตั้งแต่กุมารเวชศาสตร์ อายุรศาสตร์ ไปจนถึงสูตินารีเวช การดูแลการคลอดบุตร การจัดการโรคเรื้อรัง และการดูแลเฉพาะทางย่อยอย่างเช่นจักษุวิทยา ทันตกรรม และความเชี่ยวชาญอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยมีแพทย์มากกว่า 150 คน ซึ่งเป็นแพทย์มืออาชีพที่เชี่ยวชาญคอยประจำการ และมีร้านขายยาที่เสมือนเป็นการแข่งกับ e-commerce โดยการบูรณาการกับร้านขายยาแบบดั้งเดิมที่เป็นธุรกิจค้าส่ง
3) Insurance Integration การประกันภัยก็นับเป็นการสร้างเสริมและการลงทุนด้านสุขภาพ คุณ Raghu ได้สร้าง Partnership และความร่วมมือที่ลึกซึ้งร่วมกับผู้ให้บริการประกันภัยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักอื่นๆ บนพื้นฐานการดูแลครบวงจร
การดูแลสุขภาพเชิงรุก ไม่ได้รอให้ผู้ป่วยมาหาเอง แต่ต้องเข้าหาผู้ป่วยและผู้ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง
คุณ Raghu กล่าวว่าแต่เดิมนั้น Raghu มาจาก Southern California จบทางด้าน Biomedical engineering เมื่อปี 2015 โดยส่วนตัวแล้วมีแพชชั่นในการสร้างโซลูชันสำหรับ Health & Wellness ในสหรัฐอเมริกา จึงได้ร่วมงานกับองค์กร United Health Care
ซึ่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นตลาดที่เติบโตเต็มที่และพัฒนามายาวนานกว่า ในตอนนั้นมีความรู้สึกส่วนตัวว่า ธุรกิจสุขภาพบางอย่างที่มีอยู่ไม่ได้ทำเพื่อผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง แต่เป็นเหมือนการสร้างประโยชน์ให้กับวงการประกันภัยมากกว่า
ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายว่าเราจะนำโซลูชันมาเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงได้อย่างไร อีกจุดเปลี่ยนคือตอนนั้น California ประกาศใช้ พ.ร.บ. the Affordable Care Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ต้องให้ทุกคนเข้าถึงสิทธิ์การรักษาที่มีราคาไม่แพงเกิน นี่จึงเป็นเวลาที่เขาคิดถึงไม่ใช่แค่การ transform รูปแบบการรักษา แต่เป็นการผนวกเอาเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่รวมฟังก์ชันกันไว้ในแพลตฟอร์มนี้เป็นหนึ่งเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง จึงเริ่มที่ดูแลต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด ตอนนั้นจึงได้สร้างวิธีแก้ปัญหาให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวแต่ไม่ร้ายแรง สามารถรับยาได้โดยไม่ต้องมาหาหมอถึงโรงพยาบาล และหนึ่งใน Angel investor ที่สนับสนุนให้เราไปที่เวียดนามเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ ตนเองได้เห็น Painpoint ของ การดูแลสุขภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยกเว้นสิงคโปร์ โรงพยาบาล คลินิกในท้องถิ่นบางแห่งผิดกับโลกตะวันตกที่เคยเห็น ซึ่งเมื่อปลายปี 2017-2018 ในขณะนั้น ยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพแบบดิจิทัล ยังมีการแยกส่วน customer journey อย่างมาก ผู้ป่วยอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเข้าถึงการรักษา
คุณ Raghu กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโมเดลด้าน Healthcare ถ้าโมเดลของคุณขึ้นอยู่กับอิทธิพลเชิงกลยุทธ์ มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะทำ Business model ให้หลุดออกจากกรอบเดิมๆ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราเชื่อในการบูรณาการแบบ Vertically integrated อย่างแท้จริง พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองให้มากที่สุด และพยายามเข้าใจลูกค้าเป็นพื้นฐาน รวมทั้งพยายามทำความเข้าใจเศรษฐศาสตร์ต่อยูนิตการมอบบริการของตัวเอง รูปแบบการสร้าง Delivery คุณค่าของคุณให้ถึงมือลูกค้า เพื่อสร้างตลาดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์
ซึ่งในตอนนี้ Jio health ได้ผ่านการระดมทุนซีรีส์ B แล้วส่วนการเข้าถึงตลาดเวียดนาม จริงๆ แล้วโดยส่วนตัว คุณ Raghu ต้องทำความรู้จักตลาดนี้พอสมควร แต่เป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Dr.Holmes ที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของ Jio health เคยเป็นแพทย์ฝึกหัดในโรงพยาบาลของรัฐของเวียดนาม ทำให้สามารถเข้าใจ painpoint ของการแพทย์เวียดนาม นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์ของศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และร้านขายยา ทำให้ได้รับความร่วมมือจาก Johns Hopkins และ UCLA ด้วย ทำให้สร้างแกนกลางที่ตอบโจทย์สำหรับทีมด้วย ทั้งนี้ได้ใช้ Smart Clinic เป็นการสร้าง Fulfillment Center ของกลยุทธ์ในการลงทุนความท้าทายที่ Telemedicine จะปฏิรูปการแพทย์ในอาเซียน
คุณ Raghu กล่าวว่า Telemedicine ได้ผลอย่างแน่นอน มันเป็นทางออกที่ตรงประเด็นของการดูแลอย่างแท้จริง โดยเชื่อว่าเป็นธุรกิจที่สร้าง end-to-end journey ได้ ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่แอพหรือเว็บไซต์ พวกเขาต้องการเข้าถึงการรักษา และการโต้ตอบแบบ onsite จริงๆ
จริงๆ ในภูมิภาคอื่น Telemedicine เริ่มมีมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนที่ยากจริงๆ คือ การ Delivery การรักษาและความท้าทายในด้าน Business Model ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นไปพร้อมกัน ซึ่งตอนแรกมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่ยินดีให้ความร่วมมือกับเรา นั่นถือเป็นอุปสรรคในการส่งมอบการรักษา และต้องบริหารส่วนต่างของรายได้ทั้งหมดไปด้วย แต่สุดท้ายแล้ว Telemedicine จะตอบโจทย์พฤติกรรมผู้คน ถึงแม้จะไม่มี product market fit แบบเดียวกับการดูแลรักษาโดยคลีนิกเอกชน อาจจะมี clinical use case ที่จำกัดกว่า
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด