ท่ามกลางแสงสีของฮ่องกง การปรากฏตัวของ XPENG ในงาน Global Brand Night ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ แต่คือการ ประกาศทิศทางแห่งอนาคต ที่ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะไม่ได้เป็นเพียงส่วนเสริม แต่คือ ‘แก่นกลาง’ ที่ขับเคลื่อนการเดินทางยุคต่อไป
นี่คือเรื่องราวของบริษัทเทคโนโลยีจากจีน ที่กำลังเดิมพันครั้งใหญ่ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน ‘AI Mobility’ บนเวทีโลก Techsauce ได้มีโอกาสเยือน XPENG ที่จีน และฮ่องกง จึงขอสรุปเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ที่ไม่ธรรมดานี้ไว้ดังนี้
XPENG ไม่ใช่แบรนด์ที่ต่อยอดมาจากผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิม พวกเขาคือ ‘Non-Legacy EV Brand’ หรือแบรนด์ที่เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ จุดเริ่มต้นมาจาก ‘โรงรถเล็กๆ’ ที่มหาวิทยาลัยในกว่างโจวเมื่อ 10 ปีก่อน ชื่อ XPENG มาจากชื่อผู้ก่อตั้ง He Xiaopeng โดยอักษร X สื่อถึงความฝัน และการสำรวจเทคโนโลยีแห่งอนาคต (อ่านเรื่องราวของ He Xiaopeng ต่อได้ที่นี่)
XPENG จะไม่เป็นแค่ผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม สิ่งที่ขับเคลื่อนเราคือการสร้างนวัตกรรมที่ก้าวข้ามขีดจำกัด
- He Xiaopeng กล่าว
สิ่งที่ทำให้ XPENG โดดเด่น คือการมุ่งสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาเอง แทนที่จะเป็นเพียงผู้ใช้เหมือนผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในอดีต ด้วยความเชื่อมั่นว่า นี่คือหัวใจสำคัญของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และมอบประสบการณ์การใช้ที่เหนือกว่า
He Xiaopeng เรียกกลยุทธ์นี้ว่า ‘AI Tech Tree’ แผนแม่บทที่ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาชิป AI เฉพาะทาง Turing AI Chip, อัลกอริทึมขับขี่อัตโนมัติ ไปจนถึงระบบปฏิบัติการอัจฉริยะในรถยนต์
การวิจัย และพัฒนาแบบครบวงจร (Full-stack Vertical R&D integration) นี้เอง คืออาวุธลับที่ทำให้ XPENG พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้เร็วกว่าคู่แข่งอย่างมาก จากที่อาจใช้เวลาหลายปี เหลือเพียงไม่กี่เดือน
He Xiaopeng อธิบายว่า เทคโนโลยีอนาคตมีพลังขับเคลื่อน 2 ส่วน คือ 1. พลังงานใหม่ (New Energy) เปรียบเหมือนหัวใจที่ให้พลังงานทางกายภาพ และ 2. AI คือ พลังขับเคลื่อนทางปัญญาที่สร้างความฉลาด เมื่อสองสิ่งนี้ผสานกัน จะเกิด ‘Embodied Intelligence’ หรือความฉลาดที่ฝังตัวอยู่ในระบบ
สิ่งนี้เป็นรากฐานให้นวัตกรรมหลากหลายรูปแบบของ XPENG ก้าวข้ามจากแค่ผู้ผลิตรถยนต์ สู่บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนานวัตกรรมครอบคลุมทั้ง ชิป AI, รถยนต์อัจฉริยะ, รถยนต์บินได้ และหุ่นยนต์ ซึ่งในวันนี้พวกเขาได้เริ่มต้นทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จแล้ว
หัวใจของระบบ AI คือ Turing AI Chip ที่ XPENG พัฒนาเอง ชิปตัวนี้คือศูนย์กลางประมวลผลข้อมูลมหาศาลบนรถยนต์ ลดการพึ่งพา Cloud เพิ่มความเร็วในการตอบสนอง และออกแบบมาเพื่อ ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับสูง (L4) โดยเฉพาะ
Turing Chip มีพลังประมวลผลสูงถึง 700 TOPs ใกล้เคียงชิป AI ชั้นนำ การพัฒนาชิปเองช่วยให้ XPENG ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ สามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ได้อย่างลงตัว และสถาปัตยกรรมนี้จะถูกนำไปใช้ต่อยอดในทุกผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์ หุ่นยนต์ Humanoid ไปจนถึงรถยนต์บินได้ในอนาคต
XPENG X9 รุ่นปี 2025 คือผลผลิตล่าสุดของวิสัยทัศน์ ‘AI Mobility’ ที่นำความอัจฉริยะมาใส่ในรถ ตั้งแต่ ช่วงล่าง AI Chassis System ที่สแกน และปรับช่วงล่างอัตโนมัติ (1,000 ครั้ง/วินาที สแกน, 200 ครั้ง/วินาที ปรับ) ไปจนถึง ชิป Turing ที่รองรับระบบขับขี่อัจฉริยะ เช่น Automatic Route Learning ช่วยนำทางและจอดรถ
JuanMa Lopez
เบื้องหลังรูปทรงอันล้ำสมัยเริ่มต้นมาจากการดีไซน์ XPENG มีสถานที่ที่เรียกว่า Shanghai Design Center ศูนย์กลางการออกแบบระดับโลก ที่รวมทีมงานนานาชาติกว่า 85 ชีวิต จาก 14 ประเทศ นำโดย JuanMa Lopez ผู้มีประสบการณ์ออกแบบจาก Lamborghini และ Ferrari
หัวใจของการออกแบบคือปรัชญา ‘สองมือ’ (Two Hands Philosophy)
มือแรกคือ ‘ศิลปะ’ เน้นเส้นสายที่ดึงดูดใจ และความรู้สึกเคลื่อนไหว ส่วน มืออีกข้างคือ ‘วิศวกรรม’ ให้ความสำคัญกับเหตุผล ความสมบูรณ์ของรูปทรง และความหรูหรา การผสานสองแนวทางนี้ ทำให้รถแต่ละรุ่นมีบุคลิกที่แตกต่างกัน เช่น G6 ที่ดูปราดเปรียว หรือ G9 ที่เน้นความภูมิฐาน
น่าสนใจว่า XPENG ยังคงให้ความสำคัญกับการ ปั้นโมเดลดินเหนียว ควบคู่กับเทคโนโลยี 3D เพราะช่วยให้ดีไซเนอร์ตรวจสอบรูปทรง สัดส่วน และ 'ความรู้สึก' (Feeling) ของรถได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิจิทัลยังทดแทนไม่ได้ทั้งหมด
XPENG กำลังพัฒนาโปรเจกต์รถบินได้ ‘AEROHT’ อย่างจริงจัง โดยในรุ่น X3 (Land Aircraft Carrier) รถยนต์ที่บรรทุกยานบินขนาดเล็ก 2 ที่นั่ง ก็วางแผนจำหน่ายจริงในปี 2026 เพื่อตอบรับเทรนด์เศรษฐกิจแบบ Low-Altitude Economy (แนวคิดเศรษฐกิจบนพื้นที่น่านฟ้าระดับต่ำ) นับว่าเป็นแบรนด์แรกๆ ที่สามารถทำรถยนต์บินในระดับ Mass Production
ในขณะเดียวกัน XPENG ยังก้าวสู่โลกหุ่นยนต์ด้วย ‘IRON’ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วย Turing Chip ซึ่ง มีการใช้งานจริงแล้วในโรงงาน และ มีแผนวางจำหน่ายจริงในปี 2026 IRON มีโครงสร้างคล้ายมนุษย์ (สูง 178 ซม. หนัก 70 กก.) มือจับวัตถุได้แม่นยำด้วยการเคลื่อนไหวนิ้วมืออย่างอิสระ 22 รูปแบบ (22 degrees of freedom) มีระบบ Eagle Eye และระบบมองเห็น 720 องศา แบบเดียวกับในรถยนต์ XPENG
He Xiaopeng มองว่า การสร้างหุ่นยนต์ยากกว่ารถยนต์มาก เพราะ "ถ้าหุ่นยนต์ไม่มีความฉลาด ก็อาจไร้ประโยชน์" XPENG จึงทุ่มเทเวลาและทรัพยากรกับโปรเจกต์นี้มากว่า 5 ปี และมีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า XPENG อาจพิจารณาลงทุนในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระยะยาวถึง 20 ปี ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 1 แสนล้านหยวน
นี่คือภาพระบบนิเวศ ‘AI Mobility’ ที่ XPENG กำลังสร้าง ซึ่ง AI จะเชื่อมโยงทุกรูปแบบการเคลื่อนที่และการใช้ชีวิตเข้าไว้ด้วยกัน จากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า XPENG ไม่ใช่แค่ผู้เล่นหน้าใหม่ที่ผลิตแต่รถ EV แต่เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีความพร้อมทั้งด้านวิสัยทัศน์ การพัฒนา AI แบบครบวงจร ดีไซน์ที่โดดเด่น และความกล้าที่จะบุกเบิกนวัตกรรมใหม่ๆ ตั้งแต่รถยนต์อัจฉริยะ ไปจนถึงรถบินได้และหุ่นยนต์
น่าสนใจว่า XPENG จะสามารถนำพา 'อนาคต' ที่วาดไว้ มาสู่ 'ปัจจุบัน' ของเราได้เร็ว และสมบูรณ์แบบเพียงใด การเดินทางครั้งนี้ของ XPENG จึงเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
ข้อมูลอ้างอิง : XPENG Global Brand Night, aap, CNEVPOST, ข้อมูลจากการเยี่ยมชม Exclusive Workshop ที่ฮ่องกง และ XPENG Design Center ที่เซี่ยงไฮ้
—------------------------------------------------
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด