คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ฉายภาพที่น่ากังวลของเศรษฐกิจไทยผ่านงาน AI Innovation Summit 2025 โดยเปรียบเปรยว่าเหมือน ‘รถที่กำลังติดหล่ม’ พร้อมเสนอแนวทางกู้วิกฤติเศรษฐกิจไทยด้วยการใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัล
ไทยไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไป"IMF คาดการณ์ว่าถ้าไทยยังเติบโตในระดับนี้ อีก 5 ปีข้างหน้า (2030) GDP ของเราจะร่วงไปอยู่อันดับ 5 ของภูมิภาค นำหน้าแค่ เมียนมา กัมพูชา บรูไน และลาว เท่านั้น"
คุณเกรียงไกร เริ่มเล่าด้วยตัวเลขที่น่าสนใจว่า ย้อนกลับไป 10 กว่าปีก่อน ไทยเคยเป็นเสือเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบัน GDP ของเราโตเฉลี่ยไม่ถึง 2% สวนทางกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซียที่เติบโตระดับ 5-7%
แม้ครึ่งแรกของปี 2567 GDP ไทยจะดูเหมือนโตที่เฉลี่ย 3% แต่ก็เป็นอานิสงส์ชั่วคราวจากการเร่งส่งออกหนีมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดการนำเข้าอย่างมหาศาลเพื่อตุนสินค้าไว้ก่อน ส่วนผู้ส่งออกไทยก็เร่งส่งออกไป แต่พอเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 และ GDP ไทยขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีนับตั้งแต่ Q4 2021 และในไตรมาสที่ 4 ตัวเลขก็อาจต่ำลงไปอีกอยู่ที่ 1.0% (คาดการณ์จากสภาพัฒน์) หรือ 0.3% (คาดการณ์จากกระทรวงการคลัง)

คุณเกรียงไกร เปิดเผยว่า สาเหตุผลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไปไม่ถึงฝั่งฝัน เกิดมาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง 6 ประการ ประกอบไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกรุมเร้าที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรงนั่นคือ
นอกจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และปัจจัยภายนอก ไทยยังเผชิญกับปัจจัยลบใหม่ที่เข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ปี 2568-2569 ไม่ว่าจะเป็น

ท่ามกลางวิกฤต คุณเกรียงไกร บอกว่าไทยยังมีโอกาสหากดูจากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ที่มีมูลค่ารวม 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% YoY ซึ่งไฮไลต์สำคัญคืออุตสาหกรรมดิจิทัลที่มียอดขอลงทุนพุ่งสูงถึง 551% YoY แซงหน้าทุกอุตสาหกรรม สะท้อนว่าไทยกำลังเนื้อหอมในสายตานักลงทุน Tech โลก โดยประเทศที่ขอรับการลงทุนสูงสุดคือ สิงคโปร์ (3.59 แสนล้านบาท), ฮ่องกง (2.37 แสนล้านบาท) และจีน (1.42 แสนล้านบาท)

จากสถานการณ์ทั้งหมดนี้ คุณเกรียงไกร ชี้ว่าไทยจำเป็นต้อง “ยกเครื่องใหม่หมด” นำไปสู่การวางกลยุทธ์ 4 Go โดยใช้ AI และนวัตกรรมเป็นเครื่องมือ ได้แก่
เป้าหมายสูงสุดของการยกเครื่องในครั้งนี้คือการขับเคลื่อนไทยสู่การเป็น Next-Generation Industry ที่มุ่งเน้นการลงทุนใน 3 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ S-Curve, BCG, และ Climate Change ผ่านความร่วมมือของ 3 ภาคส่วน โดยมีเอกชนเป็นแกนหลัก รัฐเป็นผู้สนับสนุน และภาคการเงินเป็นผู้จัดสรรทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้จับมือกับพันธมิตรจัดทำ AI Industrial Roadmap และโครงการ AFTI (AI for Thai Industry) โดยเริ่มโครงการแรกกับ 25 บริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการใช้ AI แก้ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเดิมๆ นี่คือการเร่งสร้าง Talent ด้าน Digital และ AI เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกต่อไปได้
อ้างอิง: ข้อมูลจากการบรรยายหัวข้อ Go Digital & AI for Thai Industries ภายในงาน AI Innovation Summit 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด