ในวงการอสังหาริมทรัพย์ AI จะก้าวเข้ามามีบทบาทมากแค่ไหน มาร่วมเจาะกลยุทธ์จาก One Bangkok ที่ใช้ AI ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและช่วยสร้างเมืองอัจฉริยะใน Session: The District of Tomorrow: Experiencing AI-Enhanced Mixed-use Development โดย Anthony Arundell ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีและดิจิทัล One Bangkok โครงการเมืองต้นแบบแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ
One Bangkok ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ถนนพระราม 4 และถนนวิทยุ มีพื้นที่ประมาณ 17.3 เฮกตาร์และมีพื้นที่รวม (GFA) 1.93 ล้านตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารสำนักงานแบบพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์ 5 แห่ง อาคารที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่อีกจำนวน 3 อาคาร และOne Bangkok Retail 3 โซน
ซึ่งทั้งหมดเชื่อมต่อกันผ่านศูนย์ข้อมูลและอาคารสาธารณูปโภค ภายในเมืองจะได้รับการตรวจสอบโดยศูนย์ควบคุมตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยจะรวบรวมข้อมูลจากระบบและเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อให้สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้แบบเรียลไทม์จากเทคโนโลยีที่ผสมผสานไปกับโครสร้างของเมือง อาทิ
เทคโนโลยีเหล่านี้มีข้อมูลจำนวนมหาศาล เมื่อนำมาใช้ผ่าน AI จะช่วยเปลี่ยนแปลงการดำเนินการของอาคาร ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้เช่า และปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม ซึ่ง Anthony เผยว่า ภายในปี 2030 ผู้คนมากกว่า 5 พันล้านคนจะอาศัยอยู่ในเมืองทั่วโลก และภายในปี 2050 ประชากรในเมืองมากกว่า 68% จะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมสรรค์สร้าง (Built environments) ซึ่งจะมี AI และเทคโนโลยีอื่นๆ ถูกผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมในเมือง
นอกจากนี้ Anthony ได้อธิบายถึง Core Values ทั้ง 3 ข้อที่ใช้ในการออกแบบโครงการ One Bangkok ได้แก่
“Data คือกุญแจสำคัญ” Anthony ชี้ให้เห็นถึงปัจจุบันในอาคารต่างๆ มีการติดตั้งเซ็นเซอร์มากถึง 20,000 ตัว ซึ่งสร้างข้อมูลได้มากกว่า 194 เทราไบต์ต่อปี แต่สามารถใช้ข้อมูลเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาเน้นย้ำว่า ข้อมูลจึงเปรียบเหมือนเป็นกระดูกสันหลังของนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ
ดังนั้นการนำ AI มาใช้จะช่วยให้อาคารสามารถนำข้อมูลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น วิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ว่าส่วนต่างๆของเมืองจะเสียหายเมื่อไหร่ ซึ่งส่งผลให้สามารถบำรุงรักษาก่อนที่จะเกิดปัญหาเหล่านั้น จึงสามารถช่วยประหยัดพลังงานและช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 10-40%
โดย Anthony ได้ยกเอาผลสำรวจนภาคค้าปลีกมาโชว์ พบว่า มีผู้ค้าปลีกกว่า 69% มีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจาก AI และอีกว่า 72% มีค่าใช้จ่ายลดลง นอกจากนี้ในด้านการจัดการพลังงานก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะ AI สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 30,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน
Anthony เน้นย้ำว่าการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ในเมืองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง ให้ AI และเทคโนโลยี ปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้อยู่อาศัย ใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาพื้นที่ในเมืองที่ชาญฉลาด ครอบคลุมถึงอนาคตด้านความยั่งยืนในระยะยาว
โครงการ One Bangkok จึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการใช้ชีวิตในเมือง ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการพัฒนาในอนาคต ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่ในเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิต และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้คนและสังคม โดยยึดหลักการ People-Centricity, Sustainability, และ Smart City Living
เทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่ทำ รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด