บุก True Digital Park ไม่ใช่แค่แหล่งรวมออฟฟิศ แต่คือ Ecosystem ของ Startup ที่สมบูรณ์

เรามักพูดกันถึง ecosystem ของ Startup ซึ่งมีองค์ประกอบหลายอย่างที่บางครั้งเราอาจนึกภาพรวมไม่ออกกว่าเอาเข้าจริงแล้ว Ecosystem มีหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่ง Techsauce ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม True Digital Park ย่านศูนย์กลางนวัตกรรมและดิจิทัลแห่งแรกในไทย ใหญ่ที่สุดใน SEA ด้วยแนวคิด “One Roof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้” โดยมุ่งเน้นการเป็นพื้นที่ของการสร้าง ecosystem สำหรับ Startup และธุรกิจด้านดิจิทัลที่สมบูรณ์ อาจจะพูดได้ว่า True Digital Park เป็นพื้นที่ที่เราจะได้เห็น ‘ภาพ’ ของ ecosystem นี้ประกอบกันเป็นจิ๊กซอว์อย่างสมบูรณ์ในแบบที่สัมผัสจับต้องได้ เริ่มตั้งแต่การออกแบบอาคารที่เน้นการเชื่อมต่อถึงกัน และมีปัจจัยที่สนับสนุน Startup ตั้งแต่การเริ่มบ่มเพาะธุรกิจ  แหล่งองค์ความรู้และประสบการณ์ โอกาสในการสร้าง partnership การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ไปจนถึงบริการต่างๆ จากทางภาครัฐ พูดได้ว่าเป็นพื้นที่ที่รวมทุกความต้องการของ Startup ไว้ในที่เดียว

คุณฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค

การผสมผสานที่ลงตัวสำหรับ Lifestyle คนรุ่นใหม่

เริ่มตั้งแต่ความเป็น Prime Location ซึ่งเป็นปัจจัยแรกๆ ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ True Digital Park ตั้งอยู่ใกล้กับซอยสุขุมวิท 101 เพียง 300 เมตรจาก BTS ปุณณวิถี ในส่วนของการจัดสรรพื้นที่ โครงการแบ่งสัดส่วนให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเป็นสามโซนหลัก ตั้งแต่ Work Space ที่มีขนาดพื้นที่ 77,000 ตรม. Lifestyle Space ขนาด 30,000 ตรม. ไปจนถึง Living Space ซึ่งเป็นในส่วนที่พักอาศัยที่เป็น High-rise คอนโดมิเนียม ซึ่งทั้งหมดนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวมากกว่า 20,000 ตรม. และใช้ Concept ของความเป็น Smart City และ Clean Energy สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจบรรยากาศการทำงานที่สะดวกสบาย ยืดหยุ่น และเชื่อมโยงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“One Roof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้”

เพื่อการสนับสนุน ecosystem ของ Startup ที่สมบูรณ์ ภายใน True Digital Park มี 6 องค์ประกอบหลักที่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ดังนี้

1. Startup และผู้ประกอบธุรกิจด้านดิจิทัล พบปะกับ Startup หรือธุรกิจด้านดิจิทัลอื่นๆ ที่สามารถแชร์สิ่งต่างๆ ร่วมกันได้ และอาจต่อยอดไปสู่โอกาสในการเกิด partnership
2. Incubators, Accelerators และ Academies แหล่งบ่มเพาะและเร่งสปีดการเติบโตสำหรับ Startup ไปจนถึงการเชื่อมโยงไปยังสถาบันต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการเฟ้นหา Tech Talent
3. Tech Giants และ Corporates ระดับโลก แหล่งเข้าถึงองค์ความรู้ทางเทคโนโลยี และประสบการณ์จากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ ไปจนถึงการเป็นศูนย์ทดลองนวัตกรรมระดับโลก
4. CVCs, VCs และ Investors แหล่งเข้าถึงโอกาสในการลงทุน รวม Active VCs และ Investors
5. ศูนย์บริการครบวงจรจากภาครัฐ เช่น หน่วยงานสนับสนุน Startup หรือบริการให้คำปรึกษาและสนับสนุนการขอ Smart Visa สำหรับชาวต่างชาติ
6. บริการสนับสนุนอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น บริการด้าน Logistic, ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย ไปจนถึงศูนย์บริการด้านธุรกิจ

Work Space

สำหรับในส่วน Work Space ของ True Digital Park เน้นการรวม community ของ Startup ชูแนวคิด Open Innovation ผลักดันการสร้างโอกาสทางความร่วมมือให้เกิดนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ๆ โดยพื้นที่จะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนต่างๆ ดังนี้

1. Co-Working Space พื้นที่ส่วนรวมในการทำงาน ซึ่งยังมีในส่วนของแพนทรี และโซนสำหรับพักผ่อนชาร์จพลัง
2. Office Space พื้นที่สำหรับสำนักงาน จุดเด่นคือพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ซึ่งสามารถปรับใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชั่น การออกแบบเน้นการเปิดโล่งและเชื่อมต่อถึงกันได้ เพื่อโอกาสในการรวมกลุ่มเป็น community ที่สนับสนุนกันและกัน
3. Innovation Space แหล่งรวมองค์ความรู้ และห้องทดลองนวัตกรรม  โดยการแบ่งปันจากบริษัทชั่นนำทั้งในไทยและต่างชาติ ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐ เช่น Google, Huawei, Ricoh, Wongnai, depa, NIA, ETDA และ True Digital Academy เป็นต้น
4. Event and Business Services Space พื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจัดประชุม สัมมนา ไปจนถึงโอกาสที่ธุรกิจจะเข้าถึงการบริการจากศูนย์บริการทางธุรกิจต่างๆ และศูนย์บริการครบวงจรจากภาครัฐ

จะเห็นได้ว่า Work Space ของ True Digital Park นั้นค่อนข้างตอบโจทย์ความเป็น Community ของ Startup และธุรกิจด้านดิจิทัลได้อย่างค่อนข้างครบครัน ตั้งแต่พื้นที่ในการทำงาน พื้นที่จัดกิจกรรมเอนกประสงค์ แหล่งแชร์ความรู้และความร่วมมือ ไปจนถึงบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ

Lifestyle Space

นอกจากในส่วนของ Work Space ที่เน้นการเชื่อมโยง ecosystem ทางธุรกิจเข้าด้วยกัน ในส่วนของชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญที่สอดคล้องกันด้วยเช่นกัน ด้วยร้านค้าไปจนถึงศูนย์บริการอย่างฟิตเนส และ lifestlye รวมกันกว่า 200 ร้าน มีการใช้แนวคิด Cashless Society หรือการตอบโจทย์การจัดสรรเวลาอย่างยืดหยุ่นของคนรุ่นใหม่ด้วยโซนที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ไปจนถึง infastructure ด้านอินเทอร์เน็ตที่มี 4G+ และ WiFi ครอบคลุมทั่วทั้งโครงการ

ทั้งนี้ Startup และผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.truedigitalpark.com

บทความนี้เป็น Advertorial