สรุปอนาคตตลาดแรงงานในเอเชียจากเวที AMNC 2025: เมื่อ Gig Economy, Influencer AI และ Algorithmic Management คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกคนต้องเผชิญ

Gig Economy, AMNC25, World Economic Forum

ภูมิทัศน์ตลาดแรงงานทั่วโลกกำลังถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และ เอเชียได้กลายเป็นเหมือนห้องทดลองขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพอนาคตของการทำงานให้เราเห็นชัดเจนขึ้น ตั้งแต่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Gig Economy ไปจนถึงการแจ้งเกิดของอินฟลูเอนเซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เทรนด์เหล่านี้ถูกนำมาถกเถียงอย่างเข้มข้นในงาน Annual Meeting of the New Champions 2025 (AMNC25) ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ซึ่งจัดขึ้นโดย World Economic Forum  ที่เป็นการรวมตัวของผู้นำระดับโลกกว่า 1,700 คน เพื่อหาคำตอบว่านวัตกรรมและผู้ประกอบการจะนำพาการเติบโตครั้งใหม่กลับมาได้อย่างไร

Gig Economy: คลื่นลูกใหญ่ที่มาพร้อมความท้าทายด้านกฎหมาย

Gig Economy คือ ระบบเศรษฐกิจที่เน้นการจ้างงานแบบชั่วคราว เป็นครั้งคราว หรือรับงานเป็นโปรเจกต์ (Gig Work) แทนการจ้างงานประจำในระยะยาว อาทิ "ฟรีแลนซ์" (Freelance) หรือ "คนทำงานอิสระ" ที่รับงานเป็นชิ้นๆ ไป เมื่อจบงานก็สิ้นสุดสัญญา แล้วก็ไปรับงานใหม่จากผู้ว่าจ้างรายอื่นต่อได้ทันที

หัวใจสำคัญของ Gig Economy คือการเกิดขึ้นของ "แพลตฟอร์มดิจิทัล" ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่าง ผู้ว่าจ้าง (คนที่ต้องการคนทำงาน) กับ ผู้รับจ้าง (คนที่ต้องการหางาน) ทำให้การจ้างงานและการค้นหางานทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วกว่าในอดีต

ซึ่ง Gig Economy ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับแรงงาน โดยเฉพาะในเอเชียที่ได้ชื่อว่าเป็นตลาดกิ๊กที่ใหญ่ที่สุดในโลก

  • สถิติที่ชี้ชัด: ในประเทศจีน มีแรงงานในระบบนี้กว่า 200 ล้านคน (คิดเป็น 25% ของกำลังแรงงาน) ขณะที่ธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจแบบกิ๊กมีสัดส่วนสูงถึง 12% ของตลาดแรงงานทั่วโลก โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากประเทศกำลังพัฒนา
  • โมเดลจากประเทศอินเดีย: อินเดียกำลังบุกเบิกแนวทาง "งานที่ดี" (Good Work) เพื่อรองรับแรงงานอิสระ เช่น บริษัทเรียกรถ Ola ที่ใช้โมเดลไม่เก็บค่าคอมมิชชัน ทำให้ผู้ขับขี่มีรายได้เต็ม 100% หรือการที่รัฐบาลกลางขยายความคุ้มครองสุขภาพและตัวตนดิจิทัลให้แรงงานกลุ่มนี้กว่า 10 ล้านคน
  • ความท้าทายที่ยังรออยู่: อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านกฎระเบียบยังคงเป็นปัญหาใหญ่ การสั่งแบนรถจักรยานยนต์รับจ้างในเบงกาลูรู ประเทศอินเดีย ได้จุดกระแสเรียกร้องให้มีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งทาง World Economic Forum ก็กำลังสนับสนุนให้เกิดกรณีศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดผ่านโครงการ Good Work Alliance

เมื่อ Influencer AI มาพลิกโฉมโมเดลธุรกิจ "Shoppertainment"

เทรนด์ "Shoppertainment" หรือการผสมผสานระหว่าง Live-Streaming และ E-commerce กำลังเติบโตอย่างมหาศาล โดยมี Influencer AI เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนเกม

  • AI Avatar สร้างยอดขายถล่มทลาย: ที่ประเทศจีน อวตาร AI ของไลฟ์สตรีมเมอร์ชื่อดังสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 55 ล้านหยวน (ประมาณ 7.65 ล้านดอลลาร์) ในเวลาเพียง 6 ชั่วโมงบนแพลตฟอร์ม Youxuan ของ Baidu ซึ่งสูงกว่าสตรีมที่ใช้คนจริง
  • ตลาดที่เติบโตไม่หยุด: ในประเทศเกาหลีใต้ คาดว่ามูลค่าตลาดอินฟลูเอนเซอร์จะสูงถึงเกือบ 490 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 และอาจพุ่งไปถึง 727.36 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2029 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10.42% ต่อปี
  • Virtual Influencer ในประเทศญี่ปุ่น: Imma อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงที่มีผู้ติดตามบน Instagram เกือบ 400,000 คน ได้ร่วมงานกับแบรนด์หรูอย่าง Valentino, Fendi และ Balenciaga ตอกย้ำว่าบุคลิกเสมือนจริงกำลังเข้ามาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจการตลาดและแฟชั่นอย่างสิ้นเชิง

Algorithmic Management: ประสิทธิภาพที่แลกมาด้วยคำถามด้านจริยธรรม

Gig Economy, AMNC25, World Economic Forum

บริษัทในเอเชียแปซิฟิกกำลังนำ การจัดการด้วยอัลกอริทึม (Algorithmic Management) มาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดย Forrester คาดการณ์ว่า 60% ของบริษัทใน APAC จะนำ Large Language Models (LLMs) ที่ฝึกฝนในภูมิภาคมาใช้ภายในปี 2025

  • กรณีศึกษา Yum China: เจ้าของแบรนด์ KFC และ Pizza Hut ในประเทศจีน นำระบบ AI อย่าง Q-Smart มาใช้จัดการตั้งแต่การจัดตารางพนักงาน, การบริหารสต็อกสินค้า ไปจนถึงการตรวจสอบร้านค้า โดยผู้จัดการสามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านอุปกรณ์สวมใส่ได้
  • แรงกดดันด้านจริยธรรม: การใช้ระบบนี้สร้างข้อถกเถียงอย่างหนัก เช่น กรณีของ Meituan แพลตฟอร์มส่งอาหารที่เผชิญแรงกดดันจนต้องยกเลิกนโยบายปรับเงินเมื่อส่งล่าช้า และหันไปใช้ระบบสร้างแรงจูงใจแทน สะท้อนให้เห็นความกังวลเรื่องความโปร่งใสของเกณฑ์วัดผล และผลกระทบของการถูกควบคุมชีวิตด้วยอัลกอริทึม

ในการประชุม AMNC25 หัวข้อ "Pivoting Workforce" ผู้ร่วมอภิปรายได้ถกเถียงกันว่า AI จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขนาดใหญ่ คล้ายกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือจะเน้นการทำงานอัตโนมัติในงานที่มีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตของการทำงาน Carl Benedict Frey รองศาสตราจารย์จาก University of Oxford แนะนำว่าผลกระทบของ AI ต่อเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการใช้งานในฐานะเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพ

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการประชุมหัวข้อ "Career: Pathways Rewired" โดย Rahul Attuluri ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ NxtWave กล่าวว่าการหยุดชะงักจะเป็นเพียงระยะสั้น และในระยะยาวจะมีการ "เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโอกาสของเราด้วย AI เชิงสร้างสรรค์"

อย่างไรก็ดี ประเด็นช่องว่างทางเพศ (Gender Gap) ในวงการ AI ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยรายงาน Global Gender Gap Report 2025 ระบุว่าผู้หญิงยังมีโอกาสน้อยกว่าในการก้าวสู่ตำแหน่งระดับ C-suite และมักจะอยู่ในตำแหน่งงานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติหรือ Gen AI มากกว่าผู้ชาย

โจทย์ใหญ่ของเอเชีย: แนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเผชิญกับ Skill Gap

เอเชียกำลังแสดงให้โลกเห็นถึงทิศทางการทำงานในอนาคตที่หลากหลาย แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ นั่นคือ ช่องว่างทางทักษะ (Skill Gap)

รายงาน Future of Jobs Report 2025 ของ World Economic Forum ระบุว่า นายจ้างกว่า 60% กังวลว่าช่องว่างทางทักษะจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการปรับตัวทางธุรกิจ และคาดว่าทักษะที่มีอยู่ของแรงงานถึง 39% จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ด้วยเหตุนี้ World Economic Forum จึงได้ริเริ่มโครงการ Jobs Accelerators ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมการสร้างงานคุณภาพสูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังแรงงานให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ธุรกิจ และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

อนาคตของการทำงานในเอเชียจึงเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการโซลูชันที่ปรับให้เข้ากับบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง

เทรนด์แรงงานน่าสนใจจากทั่วโลก

Gig Economy, AMNC25, World Economic Forum

  • สหรัฐอเมริกา: การสำรวจของ Gallup พบว่าสัดส่วนพนักงานที่ใช้ AI ในการทำงานได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ
  • มุมมองจาก MIT: David Autor นักเศรษฐศาสตร์จาก MIT ให้เหตุผลว่าระบบอัตโนมัติไม่ได้มาเพื่อแย่งงานเสมอไป แต่ยังช่วย "เสริมงาน" ทำให้งานมีความเฉพาะทางมากขึ้น เช่น "งานพิสูจน์อักษรที่เคยเป็นการตรวจคำผิด ตอนนี้กลายเป็นการช่วยให้คนเขียนได้ดีขึ้น"
  • ประเทศมาเลเซีย: Steven Sim รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ยอมรับว่าระบบอัตโนมัติอาจกระทบงานกว่า 620,000 ตำแหน่ง แต่ก็สร้างโอกาสใหม่ๆ เช่นกัน โดยมาเลเซียกำลังใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการ "รักษาศักดิ์ศรีของมนุษย์" ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

ที่มา: Weforum 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รวมคลื่น Layoff 2025 บิ๊กเทคปลดคนครั้งใหญ่ 300 กว่าวันที่ผ่านมาเจออะไรบ้าง ?

อัปเดตวิกฤต Layoff ปี 2025 ในวงการเทค Intel ปลดกว่า 23,000 คน ตามด้วย Microsoft และ Amazon วิเคราะห์ภาพรวมการลดคนครั้งใหญ่และแนวโน้มตลาดแรงงานยุค AI...

Responsive image

สรุป 17 ดีลใหญ่ AI ที่เกิดขึ้นในปี 2025

สรุปครบ 17 ดีล AI ยักษ์ใหญ่ปี 2025 พร้อมเจาะลึกปม Circular Deals หรือการหมุนเงินลงทุนเป็นวงกลม สัญญาณเตือนฟองสบู่ที่นักลงทุนต้องระวัง...

Responsive image

ทิศทาง Agoda ในยุค AI-First จาก CEO เตรียมปักธงปั้นกรุงเทพฯ เป็น ‘Silicon Valley แห่งเอเชีย’ พร้อมส่องเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2026

เจาะลึกวิสัยทัศน์ Agoda 2025 ปั้นกรุงเทพฯ สู่ Silicon Valley แห่งเอเชีย พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ AI-First และ Autonomous Agent ผู้ช่วยอัจฉริยะที่คิดแทนคุณได้ เผยข้อมูล Insight เที่ยวไทย...