
ภูมิทัศน์ตลาดแรงงานทั่วโลกกำลังถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และ เอเชียได้กลายเป็นเหมือนห้องทดลองขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพอนาคตของการทำงานให้เราเห็นชัดเจนขึ้น ตั้งแต่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Gig Economy ไปจนถึงการแจ้งเกิดของอินฟลูเอนเซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เทรนด์เหล่านี้ถูกนำมาถกเถียงอย่างเข้มข้นในงาน Annual Meeting of the New Champions 2025 (AMNC25) ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ซึ่งจัดขึ้นโดย World Economic Forum ที่เป็นการรวมตัวของผู้นำระดับโลกกว่า 1,700 คน เพื่อหาคำตอบว่านวัตกรรมและผู้ประกอบการจะนำพาการเติบโตครั้งใหม่กลับมาได้อย่างไร
Gig Economy คือ ระบบเศรษฐกิจที่เน้นการจ้างงานแบบชั่วคราว เป็นครั้งคราว หรือรับงานเป็นโปรเจกต์ (Gig Work) แทนการจ้างงานประจำในระยะยาว อาทิ "ฟรีแลนซ์" (Freelance) หรือ "คนทำงานอิสระ" ที่รับงานเป็นชิ้นๆ ไป เมื่อจบงานก็สิ้นสุดสัญญา แล้วก็ไปรับงานใหม่จากผู้ว่าจ้างรายอื่นต่อได้ทันที
หัวใจสำคัญของ Gig Economy คือการเกิดขึ้นของ "แพลตฟอร์มดิจิทัล" ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่าง ผู้ว่าจ้าง (คนที่ต้องการคนทำงาน) กับ ผู้รับจ้าง (คนที่ต้องการหางาน) ทำให้การจ้างงานและการค้นหางานทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วกว่าในอดีต
ซึ่ง Gig Economy ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับแรงงาน โดยเฉพาะในเอเชียที่ได้ชื่อว่าเป็นตลาดกิ๊กที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เทรนด์ "Shoppertainment" หรือการผสมผสานระหว่าง Live-Streaming และ E-commerce กำลังเติบโตอย่างมหาศาล โดยมี Influencer AI เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนเกม

บริษัทในเอเชียแปซิฟิกกำลังนำ การจัดการด้วยอัลกอริทึม (Algorithmic Management) มาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดย Forrester คาดการณ์ว่า 60% ของบริษัทใน APAC จะนำ Large Language Models (LLMs) ที่ฝึกฝนในภูมิภาคมาใช้ภายในปี 2025
ในการประชุม AMNC25 หัวข้อ "Pivoting Workforce" ผู้ร่วมอภิปรายได้ถกเถียงกันว่า AI จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขนาดใหญ่ คล้ายกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือจะเน้นการทำงานอัตโนมัติในงานที่มีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตของการทำงาน Carl Benedict Frey รองศาสตราจารย์จาก University of Oxford แนะนำว่าผลกระทบของ AI ต่อเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการใช้งานในฐานะเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพ
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการประชุมหัวข้อ "Career: Pathways Rewired" โดย Rahul Attuluri ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ NxtWave กล่าวว่าการหยุดชะงักจะเป็นเพียงระยะสั้น และในระยะยาวจะมีการ "เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโอกาสของเราด้วย AI เชิงสร้างสรรค์"
อย่างไรก็ดี ประเด็นช่องว่างทางเพศ (Gender Gap) ในวงการ AI ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยรายงาน Global Gender Gap Report 2025 ระบุว่าผู้หญิงยังมีโอกาสน้อยกว่าในการก้าวสู่ตำแหน่งระดับ C-suite และมักจะอยู่ในตำแหน่งงานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติหรือ Gen AI มากกว่าผู้ชาย
เอเชียกำลังแสดงให้โลกเห็นถึงทิศทางการทำงานในอนาคตที่หลากหลาย แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ นั่นคือ ช่องว่างทางทักษะ (Skill Gap)
รายงาน Future of Jobs Report 2025 ของ World Economic Forum ระบุว่า นายจ้างกว่า 60% กังวลว่าช่องว่างทางทักษะจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการปรับตัวทางธุรกิจ และคาดว่าทักษะที่มีอยู่ของแรงงานถึง 39% จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ด้วยเหตุนี้ World Economic Forum จึงได้ริเริ่มโครงการ Jobs Accelerators ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมการสร้างงานคุณภาพสูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังแรงงานให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ธุรกิจ และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
อนาคตของการทำงานในเอเชียจึงเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการโซลูชันที่ปรับให้เข้ากับบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง

ที่มา: Weforum
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด