ทำความรู้จัก "Technology Convergence" ด้วย 3C Framework และ 8 โดเมนเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก จาก World Economic Forum

นวัตกรรมในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งเพียงลำพังอีกต่อไป แต่เป็นการ 'บรรจบกัน' ของเทคโนโลยีหลากหลายแขนงที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จับมือกับวิทยาการหุ่นยนต์เพื่อสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะ เทคโนโลยีชีวภาพที่ผสานเข้ากับวัสดุศาสตร์เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือพลังงานในยุคหน้าที่ทำงานร่วมกับระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะเพื่อโลกที่ยั่งยืน ปรากฏการณ์ที่เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่คนละเส้นทาง กลับมาบรรจบ และ ผสมผสานกันเช่นนี้ มีชื่อว่า "การหลอมรวมเทคโนโลยี" (Technology Convergence) ซึ่งเป็นคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่กำลังจะพลิกโฉมอุตสาหกรรม และ วิถีชีวิตของเราไปอย่างสิ้นเชิง 

รายงาน Technology Convergence Report ที่จัดทำขึ้นโดย World Economic Forum ร่วมกับ Capgemini ในเดือนมิถุนายน 2025 นี้ ได้เจาะลึกปรากฏการณ์การบรรจบกันของเทคโนโลยีในครั้งนี้  พร้อมนำเสนอแนวคิดและกรอบการทำงานที่น่าสนใจ เพื่อให้เราเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเข้ามา ผ่านกรอบแนวคิด 3C Framework และ 8 โดเมนเทคโนโลยีที่อาจเข้ามาเปลี่ยนโลก

ทำความรู้จักกรอบแนวคิด 3C Framework

กรอบแนวคิด 3C Framework ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจเชิงระบบของนวัตกรรม มุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลก และข้อมูลเชิงลึกจากการประยุกต์ใช้ของ Capgemini โดยจับภาพวิธีการที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการผ่าน 3 ขั้นตอน ได้แก่

  • Combination (การผสมผสาน)
    • รากฐานการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยี คือการรวมเทคโนโลยีที่แตกต่างกันแต่เสริมกัน เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาในระดับส่วนประกอบย่อย (Sub-component Level) ของเทคโนโลยีนั้นด้วย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นคำรวมสำหรับส่วนประกอบย่อยมากมาย เช่น Machine Learning (ML), Natural Language Processing (NLP), Large Language Models (LLMs) เป็นต้น 
    • การผสมผสานเทคโนโลยีเกิดขึ้นในระดับส่วนประกอบย่อย ตัวอย่างเช่น การผสมผสานระหว่าง AI และเทคโนโลยีควอนตัมเพื่อสร้างโซลูชันใหม่ ๆ
    • การผสมผสานที่มีคุณค่าสูงสุดมักเกี่ยวข้องกับการจับคู่เทคโนโลยีที่อยู่ในระดับความพร้อมใช้งาน (Maturity Levels) ที่แตกต่างกัน เช่น นวัตกรรมเชิงทดลอง (Experimental Innovations) กับโครงสร้างพื้นฐานที่เสถียร (Stable) และขยายขนาดได้ (Scalable Infrastructure)
  • Convergence (การบรรจบกัน)
    • ในขณะที่การผสมผสาน (Combination) สร้างข้อได้เปรียบด้านความสามารถ การบรรจบกันจะเปลี่ยนข้อได้เปรียบนี้เป็นการเติบโตของรายได้ด้วยการ ปรับเปลี่ยนห่วงโซ่คุณค่า (Value Chains) และเปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ
    • การบรรจบกัน (Convergence) เกิดขึ้นเมื่อความสามารถจากการผสมผสานผสานเข้ากับแรงจูงใจทางเศรษฐกิจเพื่อก้าวข้ามขอบเขตอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม และ ก่อให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าที่เชื่อมโยงกัน
    • การบรรจบกันที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด จะเกิดขึ้นเมื่อมีการ สร้างหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยีในลักษณะที่กำหนดขอบเขตตลาดใหม่และแก้ไขปัญหาที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ 
    • กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ได้แก่ Humanoid Robots ในประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่าง Vision-Language-Action (VLA) Models, Spatial Intelligence และการรวมระบบข้ามโดเมน ทำให้หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมจริงได้
  • Compounding (การทวีคูณ):
    • เมื่อการบรรจบกันเริ่มขึ้น ผลกระทบแบบทวีคูณจะขับเคลื่อนการยอมรับและลดต้นทุนอย่างรวดเร็ว ขั้นตอนการทวีคูณเปลี่ยนโอกาสจากการบรรจบกันที่น่าจับตามองให้กลายเป็นพลังกำหนดตลาดผ่านขนาดทางเศรษฐกิจ (Scale Economics), ผลกระทบเครือข่าย (Network Effects) และพลวัตของระบบนิเวศ (Ecosystem Dynamics)
    • ขนาดทางเศรษฐกิจในระดับบริษัท เมื่อโซลูชันเทคโนโลยีผสมผสานได้รับการยอมรับในตลาด องค์กรจะได้รับประโยชน์จากขนาดทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม เช่น ประสิทธิภาพในการผลิตที่ลดต้นทุนต่อหน่วย, ผลกระทบจากการเรียนรู้ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ, และนวัตกรรมแบบจำลองธุรกิจที่เปิดโอกาสให้เกิดรูปแบบราคาและการส่งมอบแบบใหม่
    • ผลกระทบเครือข่ายในระบบนิเวศ นอกเหนือจากประโยชน์ระดับบริษัท การทวีคูณยังสร้างพลวัตของระบบนิเวศที่ทรงพลัง ซึ่งเร่งการยอมรับและการสร้างคุณค่าเพิ่มเติม เช่น การเกิดมาตรฐาน (Standards Emergence), นวัตกรรมเสริม (Complementary Innovation) จากบุคคลที่สาม, การเติบโตของห่วงโซ่อุปทานที่เชี่ยวชาญ และการปรับตัวของกฎระเบียบ

โดเมนเทคโนโลยีและระดับการพัฒนาเพื่อมองอนาคต

เทคโนโลยีเหล่านี้จะมารวมพลังกันสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร?  World Economic Forum ได้จำแนกองค์ประกอบย่อยๆ ของแต่ละเทคโนโลยี (รวมทั้งหมด 238 องค์ประกอบย่อย) และประเมิน โดยใช้ แบบจำลองความพร้อมของเทคโนโลยี (Maturity model) ซึ่งอิงจากแนวคิด 4 ขั้นตอนของ Simon Wardley ได้แก่:

  1. ระยะก่อกำเนิด (Genesis): เปรียบเสมือนเทคโนโลยี "ดาวรุ่ง" ที่ยังอยู่ในขั้นวิจัยและทดลอง อาจยังไม่สร้างรายได้ในทันที แต่มีศักยภาพที่จะสร้างความได้เปรียบในอนาคต
  2. ระยะสร้างขึ้นตามสั่ง (Custom-built): เทคโนโลยีที่เริ่มนำมาปรับใช้เฉพาะงานหรือเฉพาะความต้องการของลูกค้า ยังต้องมีการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดนั้นๆ จึงจะขยายผลในวงกว้างได้
  3. ระยะผลิตภัณฑ์ (Product): เทคโนโลยีที่พัฒนาจนเป็น "สินค้า" พร้อมใช้งานแล้ว สามารถนำไปผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่นได้ง่าย และเริ่มสร้างคุณค่าให้ผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน เทคโนโลยีในขั้นนี้มักเป็นแกนหลักของโซลูชันส่วนใหญ่
  4. ระยะสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity): เทคโนโลยีที่กลายเป็น "ของพื้นฐาน" ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เป็นเหมือนโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นและขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า เช่น ระบบคลาวด์ในปัจจุบัน

ซึ่งทำให้ได้ 8 โดเมนเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมีบทบาทอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในอนาคต ได้แก่

  1. Artificial Intelligence (AI) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เน้นความสามารถรอบด้าน การเรียนรู้เพื่อการตัดสินใจอัตโนมัติ และการทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดในระบบต่างๆ 
  2. Omni Computing เทคโนโลยีการประมวลผลรอบทิศทางที่เน้นระบบแบบกระจายศูนย์ สามารถนำการคำนวณเข้าใกล้แหล่งข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และลดการพึ่งพาศูนย์กลาง
  3. Engineering Biology เทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพที่ผสมผสานระบบทางชีววิทยาเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลและกายภาพเพื่อสร้างขีดความสามารถ วัสดุ หรือกระบวนการใหม่ๆ
  4. Spatial Intelligence เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่เรารับรู้ วิเคราะห์ และ โต้ตอบกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพและดิจิทัล ทำให้เกิดการจำลองและการทำงานร่วมกันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  5. Robotics เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่มุ่งเน้นการสร้างเครื่องจักรกลอัตโนมัติที่ฉลาดขึ้น ปรับตัวได้ดีขึ้น สามารถทำงานที่ซับซ้อนและทำงานร่วมกับมนุษย์หรือหุ่นยนต์อื่นได้อย่างปลอดภัย
  6. Advanced Materials เทคโนโลยีวัสดุขั้นสูงที่พัฒนาและออกแบบวัสดุใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษและปรับปรุงแล้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม
  7. Next-generation Energy เทคโนโลยีพลังงานยุคหน้าที่มุ่งเน้นการปฏิวัติวิธีการผลิต การจัดจำหน่าย การจัดเก็บ และการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และกระจายศูนย์มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
  8. Quantum Technologies เทคโนโลยีควอนตัมที่ใช้หลักการกลศาสตร์ควอนตัมเพื่อบุกเบิกยุคใหม่ของความสามารถด้านการคำนวณ การสื่อสาร และการตรวจวัดที่ทรงพลังและแม่นยำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

การทำความเข้าใจระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ เป็นพื้นฐานสำคัญในการวิเคราะห์ว่าเทคโนโลยีใดควรจะนำมารวมกันอย่างไร ในช่วงเวลาไหน เพื่อสร้างนวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด องค์กรที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้ากำลังพัฒนาความเชี่ยวชาญข้ามโดเมน สร้างพอร์ตโฟลิโอเชิงกลยุทธ์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีที่พัฒนาเต็มที่และที่กำลังเกิดใหม่ สร้างระบบนิเวศและความร่วมมือที่เร่งความสามารถในการบรรจบกัน และสร้างกรอบการกำกับดูแลที่จัดการกับข้อกังวลด้านจริยธรรมที่กำลังเกิดขึ้น การสร้างสมดุลระหว่างศักยภาพและความเสี่ยง และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ บริษัทที่ลังเลอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะที่คู่แข่งที่คล่องตัวปรับเปลี่ยนห่วงโซ่คุณค่าและกำหนดขอบเขตอุตสาหกรรมใหม่

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่: Weforum

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รวมคลื่น Layoff 2025 บิ๊กเทคปลดคนครั้งใหญ่ 300 กว่าวันที่ผ่านมาเจออะไรบ้าง ?

อัปเดตวิกฤต Layoff ปี 2025 ในวงการเทค Intel ปลดกว่า 23,000 คน ตามด้วย Microsoft และ Amazon วิเคราะห์ภาพรวมการลดคนครั้งใหญ่และแนวโน้มตลาดแรงงานยุค AI...

Responsive image

สรุป 17 ดีลใหญ่ AI ที่เกิดขึ้นในปี 2025

สรุปครบ 17 ดีล AI ยักษ์ใหญ่ปี 2025 พร้อมเจาะลึกปม Circular Deals หรือการหมุนเงินลงทุนเป็นวงกลม สัญญาณเตือนฟองสบู่ที่นักลงทุนต้องระวัง...

Responsive image

ทิศทาง Agoda ในยุค AI-First จาก CEO เตรียมปักธงปั้นกรุงเทพฯ เป็น ‘Silicon Valley แห่งเอเชีย’ พร้อมส่องเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2026

เจาะลึกวิสัยทัศน์ Agoda 2025 ปั้นกรุงเทพฯ สู่ Silicon Valley แห่งเอเชีย พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ AI-First และ Autonomous Agent ผู้ช่วยอัจฉริยะที่คิดแทนคุณได้ เผยข้อมูล Insight เที่ยวไทย...