ในฐานะคนที่เคยร่วมออกงาน Tech Conference มาหลายครั้ง ผมได้รับการติดต่อจากทีม Techsauce ว่าอยากให้ช่วยแชร์มุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อย นั่นทำให้ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา
ขอพูดถึง Tech Conference ก่อน มันคือการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งผม ในฐานะ Startup ก็เข้าข่ายกลุ่มประเภทนี้ที่ต้องมา
ทีนี้งานพวกนี้มันก็จัดโดยหลายๆ ค่ายแหละ สิ่งที่มักมีในงานที่ทำให้งานมันเป็น Tech Conference ก็คือ
1) Booth ในงาน
ที่ Tech Startup ก็จะมาตั้งโชว์เคสธุรกิจตัวเอง ซึ่งผู้จัดก็จะคัดเลือกระดับหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับงาน
2) คนที่มางาน
ก็จะเป็นผู้ที่สนใจในด้านนี้ตั้งแต่ สื่อต่างๆ นักลงทุนที่อยากลงทุนกับธุรกิจพวกนี้ หรือบริษัทใหญ่ๆที่จะส่งคนมาดูงานหรือพูดคุย คนทั่วไปที่สนใจในด้านนี้ก็มาดูมาหาไอเดีย เป็นต้น
3) Content ในงาน
ที่จะมี seminar หรือ panel discussion ต่างๆ ที่คอยให้ความรู้ด้านเทคโนยีใหม่ๆ บ้าง การตลาดบ้าง เทรนด์ของโลกบ้าง
ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยไปตั้งบูธมาหลายๆงานนะ ที่ไทยก็มีของ Techsauce Summit ปีก่อนที่เคยไป
สิ่งที่ทำให้อยากเข้าไปอยู่ในงาน ไปตั้งบูธ ก็คือ
1) Feedback
เวลาเราตั้งบูธนำเสนอธุรกิจของเรา มันจะมีคนที่มาดูเรา ให้ความสนใจ ซึ่งบางทีโชคดีก็เจอคนเก่งๆ มาแนะนำ ทำให้เราได้มุมมองจากด้านนอก แต่ต้องเปิดใจเหมือนกันนะ เพราะจะมีคนเก่งๆ มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม ก็จะมีความเชี่ยวชาญต่างกันไป ทำให้เราได้กลับมาพัฒนาตัวเองมากขึ้น
รูปที่ผมถ่ายกับคุณป้อม ภาวุธ และคุณเปิ้ล นาคร สองผู้เข้าร่วมงานที่ไม่ธรรมดา
2) Investor
นักลงทุนก็มาเดินงานพวกนี้กันเยอะ ก็จะเป็นโอกาสที่จะได้เจอนักลงทุนมาพูดคุยกับเรา แต่ไม่ใช่ว่า คุยๆ แล้ว โอเคลงทุนเลยนะ ย้ำว่า มันเป็นโอกาส ถ้าเราดีจริงๆ มันก็มีโอกาสไปต่อได้ ก็อาจต้องเตรียมตัวให้พร้อม
3) Media
เจอสื่อต่างๆ ทั้งสื่อหลัก ทั้งสื่อออนไลน์ ปีก่อนที่งาน Techsauce จำได้เลยว่าเจอพี่สุทธิชัย หยุ่น เราก็เห็นพี่เค้าเดินอยู่ ก็รีบไปเสนอหน้า pitch ธุรกิจตัวเองซะเลย ฮ่าๆๆ สุดท้ายพี่สุทธิชัยเลยให้มาสัมภาษณ์ออกรายการซะ แล้วก็ยังมีสื่ออื่นๆอีกมากมาย ทำให้เราได้โปรโมทธุรกิจตัวเองอีกทางนึงด้วยนะ
4) พลังงาน
เวลาได้เจอได้คุยกับคนที่มีความฝัน มันก็เป็นการเติมพลังให้ตัวเองนะ อย่างถ้าได้เจอคนที่มีความฝันที่เค้าทำได้สำเร็จแล้ว มันยิ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เราสู้ต่อว่าเราก็ต้องทำได้ อารมณ์ว่า "ดิฉันรู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง"
5) Partner
บางครั้งได้ร่วมธุรกิจกับ Startup ด้วยกัน หรือได้ลูกค้า ได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ๆ ที่มาดูงาน แล้วเรามี solution ที่เหมาะกัน
ซึ่งเราต้องเตรียมของขายหรือ Demo ให้พร้อมด้วย เพราะโอกาสที่จะเข้าไปขายของให้ Corporate ใหญ่ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อเจอระดับคนตัดสินใจ มันไม่ง่ายที่จะเดินดุ่ยๆเข้าไป แต่อันนี้คือเค้าเดินมาหาเราเลยนะ!
6) Knowledge
สิ่งนี้ก็สำคัญมาก เป็นการอัปเดตตัวเอง คือพาตัวเองเข้าไปนั่งฟัง Seminar ต่างๆ ในงานบ้าง จะได้มีไอเดียใหม่ๆ มากขึ้น
7) Party
อ่าาา อันนี้ขาดไม่ได้ งานพวกนี้จะมีปาร์ตี้ตอนค่ำๆ มันก็จะเป็นเรื่องของ Networking ที่ทำให้เราได้รู้จักคนใหม่ๆ มากขึ้นไม่ใช่แค่แต่ในงานกลางวัน ก็จะได้ความสนุกและได้เพื่อนใหม่ไปพร้อมๆ กันเนาะ
สรุปเลย ควรไปมั้ย?
“อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป” อาจารย์ยิ่งศักดิ์ไม่ได้กล่าวไว้ คือถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ลองไปดูนะ มันก็มีเสียเงินเสียเวลา ต้องคิดให้ดี แต่ที่ไทยก็จะมีงาน Tech Conference อย่าง Techsauce ซึ่งจัดเป็น Global พอสมควร ไม่ต้องเสียค่าตั๋วค่าที่พักบินไปสิงคโปร์หรือฮ่องกงละ เพราะแค่ค่าที่พักก็โดนไป 5-6 พันแล้ว ไม่นับค่าตั๋วเครื่องบินอีก
ใครยังไม่เคยไป ลองไปซักครั้งก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ
บทความนี้เขียนโดยคุณนพ Co-Founder และ COO ของ TakeMeTour หนึ่งในผู้เข้าร่วมออกบูธงาน Techsauce Summit 2016
คุณเองก็มาลองประสบการณ์เหล่านี้ได้ในงานปีนี้ของ Techsauce ที่จะจัดในอีกสองเดือนนี้แล้ว อย่างงาน Techsauce Global Summit 2016 เราขอแนะนำให้คุณจองตั๋วโดยไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณสนใจบูธ บูธจะปิดรับการจองไม่เกินสิ้นเดือนมิถุนายนนี้แล้ว จองได้เลยที่นี่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด