จากปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) ที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทำให้หลายประเทศทั่วโลกตระหนักและหาวิธีการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกร้อน โดยนโยบายหลักที่เห็นได้ชัด คือ การขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) แทนการใช้พลังงานจากการเผาไหม้ฟอสซิล เพื่อเป็นการช่วยกันรักษาอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงไปมากกว่านี้
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ หรือแม้กระทั่งพลังงานชีวภาพเองก็ตาม มีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะพลังงานถือเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการพัฒนาในทุกด้าน โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา อย่างในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความต้องการใช้พลังงานจะสูงขึ้นตามการพัฒนา และหลายประเทศได้มีการออกนโยบายชัดเจนถึงการขับเคลื่อนไปทางการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่มีการผลักดันพลังงานลมเป็นอย่างมาก นอกจากปัจจัยด้านภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนที่จะดึงพลังงานจากแหล่งดังกล่าวมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งลักษณะของพื้นที่ราบสูง หรือพื้นที่ชายฝั่งเองก็ตาม ยังมีการหลั่งไหลของเงินทุนจากต่างประเทศที่กำลังมองเวียดนามว่าเป็นประเทศที่เหมาะกับการลงทุนในหลาย ๆ ด้าน
ขณะเดียวกันรายงานของ NIKKEI ASIA รายงานว่า นโยบายการลงทุนพลังงานของเวียดนามนั้นได้มีการวางเป้าหมายอย่างชัดเจนถึงการเพิ่มกำลังการผลิตของพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม รวมถึงเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนลง 15% ภายในปี 2573 และ 20% ภายในปี 2588 เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ทำให้เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพสูงมากสำหรับการลงทุนพลังงานลม
โดยปัจจุบันเวียดนามมี renewable capacity ประมาณ 18,162 MW และมีอัตรการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าต่อหัวอยู่ที่ 5.7% (source : WEH company information)
คุณกำธร กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนในพลังงานลม ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นไปของเทรนด์โลกที่ต้องการให้หลายประเทศหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับ WEH เองปัจจุบันได้มีการดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอยู่ 8 แห่ง บริเวณพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ รวมขนาดขนาดพื้นที่ทั้งหมด 850 ตารางกิโลเมตร มีกังหันลมผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 270 ต้น กำลังการผลิตรวม 717 MW และจำหน่ายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT)
และบริษัทได้มีการวางแผนการดำเนินงานระยะยาว โดยภายใน 5 ปีข้างหน้า จะต้องขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้แตะอยู่ที่ระดับ 1,500 MW ผ่านการมองหาการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีนโยบายผลักดันนโยบายด้านพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงในประเทศไทยเอง ถ้าหากมีโอกาสจากการที่ภาครัฐบาลได้ปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan :PDP ) โดยสนับสนุนการลงทุนและเปิดประมูลสัญญาซื้อขายไฟ (PPA) ของพลังงานลมเพิ่มเติม บริษัทก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลก ที่บริษัทมองหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญสูง อีกทั้งบริษัทได้มีการวางเป้าหมายว่า ต้องการที่จะเติบโตในระดับ Global และพลังงานลมเป็นธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ และฤดูกาล ดังนั้นเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และการดำเนินธุรกิจให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอนั้น ต้องมีการขยายการลงทุนไปในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโซน เอเชีย ยุโรป หรือ สหรัฐอเมริกา
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด