เนเธอร์แลนด์กับสงครามน้ำพันปี ถอดรหัส ‘Delta Works’ จากปัญหามหาอุทกภัย สู่การบริหารจัดการแบบปรับตัว

Delta Works

ประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์มักถูกเล่าขานว่าเป็นเรื่องราวของการต่อสู้กับสายน้ำอย่างไม่หยุดหย่อน เป็นพงศาวดารที่จารึกไว้บนโคลนตม การพังทลายของเขื่อน และความเฉลียวฉลาดทางวิศวกรรม การแข่งขันที่ไม่มีวันจบสิ้นนี้มาถึงจุดสูงสุดที่ Delta Works หรือโครงการเดลต้าเวิร์ค ซึ่งเป็นระบบป้องกันน้ำท่วมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนความเปราะบางของชาติให้กลายเป็นต้นแบบด้านความปลอดภัยระดับโลก และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือต้นแบบของความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ

ความจำเป็นจากหายนะ เมื่อคำทำนายของ Cassandra กลายเป็นจริง

เป็นเวลาหลายศตวรรษที่พื้นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำไรน์ (Rhine), เมิซ (Meuse/Maas) และเชลดต์ (Scheldt) ต้องทนทุกข์ทรมานจากคลื่นพายุซัดฝั่งที่รุนแรง โดยมีบันทึกภัยพิบัติกว่าร้อยครั้งนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1200 แม้จะมีความเปราะบางนี้ แต่คำเตือนที่ว่าแนวป้องกันที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอกลับถูกเพิกเฉย

เสียงหนึ่งที่ยืนกรานเตือนภัยเรื่องนี้คือวิศวกรที่ชื่อว่า Johan van Veen ผู้มองเห็นหายนะล่วงหน้า เมื่อรายงานทางการของเขาที่ส่งถึงกรมโยธาธิการและจัดการน้ำถูกเมินเฉย เขาจึงตีพิมพ์ข้อกังวลภายใต้นามปากกาที่สื่อลางร้ายว่า 'Dr. Cassandra' (อ้างอิงถึงเทพปกรณัมกรีกที่ถูกสาปให้มองเห็นอนาคตแต่ไม่มีใครเชื่อ) ในวารสาร De Ingenieur ด้วยความที่การเมืองในยุคนั้นมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม ทำให้คำเตือนของเขา โดยเฉพาะเรื่องเขื่อนที่ต่ำอย่างอันตรายตามแนวแม่น้ำ Hollandsche IJssel ถูกละเลยอย่างน่าเศร้า

ความล้มเหลวเชิงระบบนี้ถูกเปิดเผยด้วย มหาอุทกภัยทะเลเหนือ (North Sea Flood) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1953 ภัยพิบัตินี้คร่าชีวิตผู้คนไป 1,835 คน และทำลายพื้นที่ไปกว่า 2,070 ตารางกิโลเมตร เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือน "จุดเปลี่ยนของการปรับตัว" ที่บังคับให้รัฐบาลต้องลงมือทำทันที ภายในไม่กี่สัปดาห์ คณะกรรมาธิการเดลต้าจึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อวางแผนป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

รายงานฉบับสุดท้ายของคณะกรรมาธิการในปี 1960 สรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า ความปลอดภัยของเขื่อนกั้นน้ำตลอดแนวชายฝั่งนั้น 'ไม่เพียงพอ' และแทนที่จะพึ่งพาเพียงข้อมูลน้ำท่วมในอดีต คณะกรรมาธิการได้บุกเบิกกรอบการคำนวณใหม่ที่ อิงตามความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันเป็นวิธีการที่ทั่วโลกยอมรับในการวางแผนป้องกันน้ำท่วม

วิศวกรรมชายฝั่งทะเลใหม่

โครงการ Delta Works ประกอบด้วยเขื่อนกั้นคลื่นพายุ 5 แห่ง, ประตูระบายน้ำ 2 แห่ง และเขื่อนปิดกั้นน้ำ 6 แห่ง ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนวิศวกรรมชายฝั่งของจังหวัด Zeeland, South Holland และ North Brabant ใหม่ทั้งหมด เป้าหมายอันยิ่งใหญ่คือการลดความยาวของชายฝั่งเนเธอร์แลนด์ที่เปราะบาง และลดจำนวนเขื่อนที่ต้องปะทะกับแรงคลื่นของทะเลเหนือโดยตรง โครงการนี้เป็นภารกิจมหึมาจนได้รับการยกย่องว่าเป็น 'สิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก'

สมาคมวิศวกรโยธาแห่งอเมริกา (ASCE) ได้ยกย่องให้โครงการป้องกันน้ำท่วมทะเลเหนือของเนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ โดยยกย่องการออกแบบและการก่อสร้างที่บุกเบิก รวมถึงคุณูปการอันมหาศาลต่อมนุษยชาติ

กรณีศึกษาจากความขัดแย้งระหว่างความปลอดภัยและธรรมชาติ

กระบวนการก่อสร้างเริ่มต้นด้วยการสร้างเขื่อนกั้นคลื่นพายุแห่งแรก (Hollandsche IJsselkering) อย่างรวดเร็วหลังเกิดภัยพิบัติ และรวมถึงโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น Haringvlietdam และ Oosterscheldekering

  • Haringvlietdam (สร้างเสร็จปี 1971) เขื่อนความยาว 4.5 กิโลเมตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำจากแม่น้ำไรน์และเมิซลงสู่ทะเลเหนือผ่านประตูระบายน้ำ 17 ช่อง อย่างไรก็ตาม การใช้วิธีปิดกั้นแบบถาวร (Static enclosure) ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ไม่คาดคิด ตะกอนจากแม่น้ำไรน์ที่ปนเปื้อนโลหะหนักได้ตกตะกอนสะสมที่ก้นอ่าง Haringvliet ซึ่งหากปากแม่น้ำเปิดอยู่ ตะกอนเหล่านี้จะถูกพัดพาลงทะเลไป การกักเก็บตะกอนนี้ทำให้ต้องมีแผนการขุดลอกในอนาคตที่อาจมีค่าใช้จ่ายมหาศาล
  • Oosterscheldekering (เขื่อนกั้นปากแม่น้ำเชลดต์ตะวันออก) เป็นส่วนสุดท้ายและซับซ้อนที่สุด ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงปรัชญาการออกแบบ แผนเดิมคือการปิดกั้นปากแม่น้ำโดยสมบูรณ์ แต่เกิดการต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มเคลื่อนไหว นักวิทยาศาสตร์ และชาวประมง ที่กังวลเรื่องระบบนิเวศและการเพาะเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่

การประนีประนอมทางการเมืองนำไปสู่การสร้าง เขื่อนกั้นคลื่นพายุแบบเคลื่อนที่ได้ โครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์นี้ประกอบด้วยประตูเลื่อนขนาดมหึมา 62 บานที่แขวนอยู่ระหว่างตอม่อคอนกรีตขนาดใหญ่ จุดสำคัญคือประตูจะเปิดไว้ในสภาพอากาศปกติ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมทางทะเลและการขึ้นลงของน้ำตามธรรมชาติ แต่เมื่อเกิดพายุรุนแรง ประตูจะถูกหย่อนลงเพื่อปิดกั้นปากแม่น้ำภายในเวลาเพียง 80 นาที

นวัตกรรมการก่อสร้าง Oosterscheldekering

  • การผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป เน้นการผลิตบนบกเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแสน้ำที่รุนแรง
  • จังหวะเวลาของน้ำขึ้นน้ำลง เช่น การวางตอม่อและแผ่นฐานราก ต้องทำในช่วงเวลาสั้นๆ ของ น้ำตาย (Slack water) หรือช่วงเปลี่ยนของน้ำขึ้นน้ำลงที่กระแสน้ำนิ่งที่สุด
  • มีการพัฒนาเรือพิเศษสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ เช่นเรือ Cardium (สำหรับวางแผ่นกรอง) และเรือ Ostrea (สำหรับยก ขนย้าย และวางตอม่อขนาดยักษ์)

การเสร็จสิ้นของ Oosterscheldekering ในปี 1986 ถือเป็นการสิ้นสุดโครงการ Delta Works อย่างเป็นทางการ

โครงสร้างป้องกันน้ำท่วมสมัยใหม่

องค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ได้แก่ Maeslant Barrier ซึ่งออกแบบมาให้ทนต่อคลื่นพายุที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง (NAP) ถึง 5 เมตร เขื่อนนี้มีชื่อเสียงในฐานะที่มีชิ้นส่วนเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และทำงานด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ควบคุม เมื่อระดับน้ำคาดการณ์ว่าจะสูงเกินกำหนด

วิวัฒนาการจากการป้องกันแบบตายตัวสู่การจัดการแบบปรับตัว

แม้ Delta Works จะประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการเปลี่ยนประเทศจากวิกฤตทางน้ำสู่ความปลอดภัยที่ไม่มีใครเทียบได้ในปลายศตวรรษที่ 20 แต่ชัยชนะนี้กลับเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ในช่วงกลางทศวรรษ 2000 ฉันทามติระดับโลกเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ปริมาณน้ำในแม่น้ำที่เพิ่มขึ้น และฝนที่ตกหนักขึ้น ได้เปิดเผยว่ามาตรฐานความปลอดภัยของศตวรรษที่ 20 นั้นไม่เพียงพอสำหรับความยืดหยุ่นในระยะยาว อีกทั้งจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อผู้คนมากขึ้น โดยคุกคามพื้นที่ถึง 60% ของประเทศ

โครงการ Delta Programme และมาตรฐานบนพื้นฐานความเสี่ยง

ความตระหนักรู้นี้นำไปสู่การจัดตั้ง Delta Programme (Deltaprogramma) ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นทางการ ต่อเนื่อง และเป็นสถาบัน (Institutionalized) แทนที่แนวทางแบบ ‘โครงการ’  ที่มีวันสิ้นสุด เป้าหมายของโปรแกรมครอบคลุมถึง

  1. ปกป้องเนเธอร์แลนด์จากน้ำท่วม โดยขยายความปลอดภัยสู่อนาคต
  2. รับประกันการมีน้ำจืดเพียงพอ
  3. ทำให้ประเทศทนทานต่อสภาพภูมิอากาศผ่านการปรับตัวทางพื้นที่ 

โครงการนี้ได้รับเงินทุนจาก Delta Fund โดยเฉลี่ยปีละ 1.25 พันล้านยูโร จนถึงปี 2032 สำหรับมาตรการและการบำรุงรักษา

มาตรฐานการป้องกันน้ำท่วมได้ถูกปรับแก้ จากการประมาณความถี่แบบนามธรรม มาเป็นแนวทางที่เน้น ความเสี่ยง (Risk-based) อย่างแม่นยำ มาตรฐานใหม่นี้ประเมินความน่าจะเป็นของน้ำท่วมควบคู่ไปกับผลกระทบต่อสังคม โครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจ โดยกำหนดให้ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของบุคคลในท้องถิ่นต้องไม่เกิน $10 ยกกำลัง -5$ ต่อปี (หรือ 1 ใน 100,000 ปี)

การจัดการเดลต้าแบบปรับตัว (ADM) และเส้นทางสู่อนาคต

เพื่อจัดการกับความไม่แน่นอนขั้นสูงของการพยากรณ์อากาศในระยะยาว (50 ปีขึ้นไป) ระเบียบวิธีหลักที่ Delta Programme นำมาใช้คือ Adaptive Delta Management (ADM) แนวทางนี้เชื่อมโยงการตัดสินใจลงทุนในปัจจุบันกับทางเลือกในอนาคต

เครื่องมือของ ADM ประกอบด้วย

  • Delta Scenarios: ร่างภาพอนาคตที่เป็นไปได้โดยใช้ทั้งเรื่องราวเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณ (อุณหภูมิ ฝน ปริมาณน้ำ) เพื่อทดสอบความทนทานของแผนงาน
  • Adaptation Tipping Points (ATPs): แนวคิดหลักที่ระบุเงื่อนไข (เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นถึงจุดหนึ่ง) ที่นโยบายปัจจุบันจะล้มเหลว หรือ หมดอายุ
  • Dynamic Adaptive Policy Pathways (DAPP): พัฒนาโดยสถาบัน Deltares ใช้เพื่อวางแผนเส้นทางการปรับตัว ซึ่งเป็นลำดับของมาตรการที่ช่วยให้นักวางแผนตัดสินใจในระยะสั้นได้อย่างถูกต้องโดยไม่ "ล็อก" ตัวเองไว้กับการลงทุนที่แก้ไขไม่ได้ และคอยเฝ้าระวังสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อเริ่มมาตรการถัดไป

บทเรียนที่ยั่งยืนของ Delta Works คือ ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มอบความปลอดภัยให้กับคนรุ่นหนึ่ง แต่การอยู่รอดในระยะยาวต้องการการบริหารจัดการที่ซับซ้อนและยืดหยุ่น ซึ่งพร้อมจะคาดการณ์และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายศตวรรษข้างหน้า

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ‘Starlink’ จักรวาลอินเทอร์เน็ตของ Elon Musk และยุคไร้จุดอับสัญญาณ

เจาะลึกประวัติศาสตร์ Starlink เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตดาวเทียมพลิกโลกของ Elon Musk ตั้งแต่นวัตกรรม V2 Mini, Laser Links, Direct-to-Cell จนถึงบทบาทสำคัญในสงครามและภารกิจกู้ภัยน้ำท่วมหา...

Responsive image

เบื้องหลัง 30 ปี SolidWorks จากโปรแกรมเดสก์ท็อป สู่เครื่องมือปลดปล่อยจินตนาการวิศวกร

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซอฟต์แวร์ 3D CAD ถือเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยากมาก จึงทำให้ SOLIDWORKS ต้องการสร้างซอฟต์แวร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จนในปี 1995 ซอฟต์แวร์ 3D CAD ตัวแรกของโลกที...

Responsive image

รู้จัก Chen Tianshi อัจฉริยะชิป AI จีน ผู้ก่อตั้ง Cambricon ที่คนจีนลุ้นให้เป็น Nvidia เวอร์ชันจีน

รู้จัก Chen Tianshi อัจฉริยะชิป AI ผู้ก่อตั้ง Cambricon จากเด็กอัจฉริยะวัย 16 สู่นักวิจัยผู้ปั้นบริษัทชิปดาวรุ่งท่ามกลางการแข่งเทคโนโลยีจีน-สหรัฐ...