Mercor สตาร์ตอัปจากซานฟรานซิสโกที่พัฒนาแพลตฟอร์มช่วยหาคนฝึกโมเดลให้บริษัท AI ชั้นนำ ที่เพิ่งปิดดีลระดมทุน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนักลงทุนระดับแนวหน้าอย่าง Felicis Ventures, Benchmark, General Catalyst และ Robinhood Ventures
จนมูลค่าบริษัทพุ่งแตะ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และทำให้ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสาม Brendan Foody, Adarsh Hiremath และ Surya Midha กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลกในวัยเพียง 22 ปี
เร็วกว่าที่ Mark Zuckerberg เคยทำได้เกือบหนึ่งปี
เส้นทาง Mercor จากทีมโต้วาทีในโรงเรียน สู่สตาร์ตอัปมูลค่าหมื่นล้านBrendan Foody, Adarsh Hiremath, และ Surya Midha ทั้งสามเติบโตในย่าน Bay Area ศูนย์กลางของ Silicon Valley และรู้จักกันตั้งแต่วัยเรียนมัธยมในทีมโต้วาทีของโรงเรียน แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับโลดเทคโนโลยี
แต่หนึ่งในผู้ก่อตั้งอย่าง Brendan เล่าว่า พวกเขาทั้ง 3 คนชอบแลกเปลี่ยนและถกเถียงกันเรื่องเทคโนโลยีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และพวดเขาเชื่อว่าทักษะการคิด วิเคราะห์ และถกเถียงสามารถนำไปต่อยอดได้จริงในชีวิตจริง
นอกจากนี้ พ่อแม่ของแต่ละคนล้วนเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ใน Silicon Valley การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้พวกเขาซึมซับแนวคิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยธรรมชาติ
ในปี 2023 พวกเขาตัดสินใจก่อตั้งบริษัทชื่อ Mercor ด้วยแนวคิดเริ่มต้นที่ต้องการสร้างแพลตฟอร์มจับคู่ระหว่างวิศวกรในอินเดียกับบริษัทในสหรัฐฯ ที่ต้องการจ้างนักพัฒนาอิสระ ซึ่ง Mercor ใช้ AI Avatar เข้ามาทำหน้าที่สัมภาษณ์ผู้สมัครแทนคนจริง และระบบ AI ของแพลตฟอร์มจะจับคู่ผู้สมัครกับบริษัทที่ต้องการแรงงานเฉพาะทาง แนวคิดนี้ช่วยลดเวลาการจ้างงานและเพิ่มความแม่นยำของกระบวนการสรรหาบุคคลากรได้อย่างมาก
แต่ระหว่างทางของการพัฒนาพวกเขากลับค้นพบโอกาสใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ Data Labeling หรือการจัดหมวดหมู่และติดป้ายข้อมูลให้ระบบ AI เข้าใจได้ดีขึ้น พวกเขาเริ่มหันมาโฟกัสธุรกิจด้านนี้ โดยใช้เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น ด็อกเตอร์ นักกฎหมาย และนักวิจัย เพื่อให้บริการแก่ห้องแล็บ AI ชั้นนำอย่าง OpenAI การปรับทิศทางครั้งนี้กลายเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Mercor เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดที่แข่งขันสูง
และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2025… ก็เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญขึ้น
Mercor ประกาศการระดมทุนรอบใหญ่มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดยกองทุน Felicis Ventures พร้อมผู้ร่วมลงทุนอย่าง Benchmark, General Catalyst และ Robinhood Ventures
การลงทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทถูกประเมินมูลค่ารวมสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการประเมินของ Forbes ผู้ก่อตั้งทั้งสามถือหุ้นราวคนละ 22% ซึ่งหมายความว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีทรัพย์สินส่วนตัวเกิน 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทันที ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อายุน้อยที่สุดในโลก โดยแซงหน้า Mark Zuckerberg ที่เคยสร้างสถิติไว้เมื่ออายุ 23 ปี
ในเวลาเพียง 2 ปี Mercor เติบโตจากสตาร์ทอัพเล็กๆ สู่บริษัทที่มียอดรายได้ประจำปีเพิ่มจาก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมเป็น 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเดือนกันยายน จนทำให้บริษัทติดอันดับ Forbes Cloud 100 และผู้ก่อตั้งทั้งสามติดอันดับ Forbes 30 Under 30 ปี 2025
แต่ถึงอย่างนั้น การเติบโตอย่างรวดเร็วย่อมมาพร้อมแรงเสียดทาน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทคู่แข่งรายใหญ่ Scale AI ได้ยื่นฟ้อง Mercor ฐานละเมิดความลับทางการค้า โดยกล่าวหาว่าอดีตพนักงานของ Scale ที่ย้ายมาทำงานกับ Mercor ได้นำเอกสารลับกว่า 100 ฉบับมาด้วย คดีนี้ยังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย แต่ Foody ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า “เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นมากนัก เพราะเวลาทั้งหมดของเราทุ่มให้กับการสร้างบริษัท”
ถึงแม้ทั้ง 3 คนจะกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านแล้ว แต่ชีวิตของสามหนุ่มก็ไม่ได้หรูหราอย่างที่ใครคิด พวกเขายังคงทำงาน 6วัน/สัปดาห์ และกลับบ้าน 22:30นอกจากนี้ในสัมภาษณ์ของ Forbes พวกเขาเผยว่า ยังไม่สนใจฝช้จ่ายเงินไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือยหรืออสังหาริมทรัพย์หรู เพราะเชื่อว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องโฟกัสกับการสร้าง Mercor ให้เติบโตต่อไป
อ้างอิง: forbes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด