Internet (อินเทอร์เน็ต) กลายเป็นสื่อกลางควบคุมข้อมูลของบุคคลในยุค Digital จากเริ่มแรกที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของถึงวันนี้เมื่อมีข้อมูลหลั่งไหลอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้ข้อมูลเหล่านั้นกำลังถูกควบคุมโดยคนกลางมากกว่าการกระจายอำนาจ แต่ด้วยเทคโนโลยี Blockchain จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนสิ่งที่มีมูลค่าทั้งหลายสามารถทำได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับที่เป็นเครื่องมือให้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยถือครองข้อมูลบุคคลเป็นจำนวนมากคืนอำนาจให้แก่ผู้ใช้

เมื่อใดก็ตามที่บุคคลต้องการสินเชื่อของธนาคารหรือเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต ธนาคารใช้วิธีใดเพื่อตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีสิทธิ์เพียงพอ และถ้าคุณก่ออาชญากรรมอยู่นอกเมือง จะสามารถเป็นไปได้อย่างไรที่ตำรวจในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้ด้วย สถานการณ์ทั้งหมดนี้คือ ผลิตภัณฑ์และแนวคิดของการที่มีคนกลางซึ่งควบคุมอำนาจไว้ทั้งหมด

ธนาคารเหล่านี้เก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของเราไว้ เช่น จำนวนเงินฝาก ปริมาณการใช้บัตรเครดิต เงินเดือน และข้อมูลสำคัญอื่นๆอีกมากมาย และหากพูดถึงข้อมูลส่วนตัวของบุคคล บัตรประชาชนมีไว้เพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชองประเทศนั้น ๆ ข้อมูลสำคัญเหล่านี้ของพวกเราถูกเก็บไว้กับรัฐโดยที่มีระบบตัวกลางเพียงแค่แห่งเดียว หมายความว่าการยืนยันตัวตนอาจไม่ซับซ้อนและไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร

ในยุค Digital นั้น เครือข่ายอินเทอร์เน็ตกลับกลายเป็นตัวกลางควบคุมอำนาจข้อมูลของผู้ใช้ เชื่อได้ว่าผู้ใช้หลาย ๆ ท่านคงได้สมัครบัญชีกับบริษัท Facebook Google LinkedIn Netflix และอื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งสำคัญที่หมายถึงคือทุกท่านจำเป็นต้องกดคลิก “ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข” เมื่อสมัครสมาชิกแต่มีเพียงไม่กี่ท่านที่อ่าน จนทำให้คุณแชร์ รูป ชื่อ อายุ บุคลิกการใช้งานเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยไม่รู้ตัว ข้อมูลเหล่านี้ทำเงินให้กับบริษัทมากมายผ่านการโฆษณา โดยมีคุณเป็นเป้าหมายของการค้าขาย

หากมาลองคิดดู เวลาที่คุณดู YouTube หรือ อ่าน Facebook โฆษณาเป็นสิ่งหลักที่เว็บไซต์เหล่านี้ทำเงินและการจำกัดออกไปนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะข้อมูลของเราได้ถูกแชร์ไปให้ผู้ที่จะโฆษณาสินค้าและบริการเป็นที่เรียบร้อยโดยผู้ใช้งานปกติไม่สามารถหนีพ้นได้หลังจากสมัครสมาชิกไปแล้ว ข้อมูลเพื่อน ๆ กลุ่มต่าง ๆ ของผู้ใช้กำลังถูกใช้สอยอย่างเต็มที่โดยบริษัท

ค้าขายบนโลกออนไลน์

ARPANET ซึ่งเป็นยุคก่อนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะเริ่มขึ้นในปี 1961 บนพื้นฐานของระบบโอเพนซอร์ซและเพียร์ทูเพียร์ สมัยนั้นคอมพิวเตอร์ไม่ได้เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่ายใด ๆ ทั้งสิ้นจนกระทั่งมี เครือข่าย WAN กำเนิดขึ้น ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ถูกเก็บไว้อยู่บนเครือข่ายมหาลัยและบริษัทใหญ่ ๆ และการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้จำกัดมาก ๆ ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องเข้าคอมพิวเตอร์เฉพาะเพื่อที่จะใช้งาน

ในยุคที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นใหม่ ๆ จึงเป็นอะไรที่ลำบากมาก ๆ เมื่อผู้ใช้ต้องการเข้าถึงข้อมูล ผู้ใช้ต้องต่อสายโทรศัพท์เข้าโมเด็ม และเพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูล ผู้ใช้จำเป็นจะต้องกด “โทร” เพื่อต่อเข้าเซิร์ฟเวอร์ของโรงเรียนหรือที่ทำงานและหยุดการเชื่อมต่อเมื่อต้องการเชื่อมต่ออีกเครือข่ายหนึ่ง

ในเมื่อเครือข่ายออนไลน์นั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของและอำนาจไม่ได้อยู่ในมือใครคนใดคนหนึ่ง การใช้งานสู่การค้าขายก็ได้เริ่มขึ้นโดยผู้คนที่เริ่มเห็นช่องทางนี้ ในช่วงต้นทศวรรษ 90 Netscape และ Microsoft ได้เกิดมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตพวกเขาเคยร่วมสร้างนวัตกรรมและแข่งขันแย่งชิงตลาดบราวเซอร์อินเทอร์เน็ต โดยที่เบราว์เซอร์ Internet Explorer ของ Microsoft กลายเป็นผู้กุมชัยชนะเหนือ Netscape ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ Internet Explorer กลับถูกแย่งชิงตลาดให้กับ Firefox, Safari และ Google ด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมา

บริษัทหวังผลักดันกำไรโดยเห็นโอกาสในการสร้างโลกอินเทอร์เน็ตให้ใช้งานได้ง่ายและสามารถเข้าถึงได้ทุกคนนอกเหนือจากโปรแกรมเมอร์ ในขณะนั้น นักพัฒนาที่มีความสามารถได้รับการว่าจ้างงานการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และที่สำคัญการเติบโตของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกำลังถูกควบคุมโดยคนกลางมากกว่าการกระจายอำนาจในตอนต้น

ดังนั้น จึงเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมโยงกันบนโลกออนไลน์โดนควบคุมโดยคนกลางและง่ายต่อการใช้งาน จนทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาใช้ ซึ่งหมายความว่ายิ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก ข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตของแต่ละบุคคลกำลังถูกใช้สอยโดยผู้เล่นรายอื่น เช่น การค้าขาย โดยเทคโนโลยีนี้ได้มอบความสามารถให้ผู้ขายระบุโฆษณาสินค้าให้กับกลุ่มผู้ใช้ที่มีความสนใจที่จะซื้อของมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ และเนื่องจากโฆษณาเหล่านี้เป็นรายได้หลักของบริษัทหลาย ๆ แห่ง การใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งปราศจากโฆษณาที่น่ารำคาญนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย

ถึงเวลากระจายอำนาจ

โอกาสในการค้าขายจากบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนเป้าหมายที่แท้จริงของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเนื่องจากนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมาจากตัวกลาง ทำให้ระบบกระจายอำนาจนั้นซับซ้อนน้อยกว่าในอดีตและด้วยเทคโนโลยี Blockchain การแลกเปลี่ยนสิ่งที่มีมูลค่าทั้งหลายสามารถทำได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและอำนวยความสะดวกใแก่โพรโทคอลเพียร์ทูเพียร์ ซึ่งทำให้ผู้เล่นในสังคมสามารถพัฒนาระบบกระจายอำนาจบนแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

ด้วยเทคโนโลยี Blockchain บริษัทผู้เป็นมหาอำนาจบนโลกออนไลน์ เช่น Facebook Twitter Lazada และบริษัทที่ครองข้อมูลของผู้คนทั้งหลาย อาจกำลังทยอยส่งคืนอำนาจข้อมูลให้แก่ผู้ใช้ ที่เปิดโอกาสให้สามารถเลือกได้ว่าอยากเห็นโฆษณาต่อไปหรือไม่ โดยทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณเองและหากตัดสินใจที่จะยอมรับเงื่อนไขในการเปิดโฆษณาคุณก็จะได้รับผลตอบแทนเช่นกันและผลประโยชน์ก็จะไม่คืนสู่ตัวกลาง

จนขณะนี้มีบล็อกชื่อดังที่ให้ผลตอบแทนแก่นักเขียน เช่น Steemit โดยผู้อ่านสามารถจ่ายและบริจาคเงินบางส่วนให้แก่นักเขียนที่ตัวเองชื่นชอบ โดยจำนวนเงินบริจาคเหล่านั้นสามารถตรวจสอบได้โดยคนทั่วไปและมีความโปร่งใส

แม้การกำเนิดขึ้นของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในช่วงแรก ได้สร้างบริษัทมากมายที่หวังเข้ามาทำกำไรจากผู้ใช้งานและได้กำเนิดระบบตัวกลางขึ้น แต่ต่อจากนี้และในอนาคต ระบบแบบกระจายอำนาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้ใช้งาน และหากระบบถูกประยุกต์ใช้งานและพัฒนาได้เหมือนกับตัวกลางเมื่อไหร่ก็ตาม

ในยุคใหม่ของ Internet อำนาจส่วนใหญ่จะถูกควบคุมโดยผู้ใช้งาน