Supplements หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นธุรกิจที่เติบโตสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของไทย เพราะได้รับปัจจัยบวกจากกระแสใส่ใจสุขภาพและความงามของผู้บริโภคชาวไทยทุกเพศทุกวัยมาเป็นเกราะป้องกัน โดย Social Media กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ทรงอิทธิพล ประหนึ่งเวทีประลองยุทธของบรรดาแบรนด์ต่าง ๆ ที่ต้องสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์มากที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องใช้นวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับกับ Aging Society (สังคมผู้สูงอายุ) ที่นับเป็นการก้าวสู่ยุค Silver Economy (เศรษฐกิจผู้สูงวัย) นั่นเอง
คงต้องยอมรับว่าภาพรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplements) ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ ที่ค่อนข้างผันผวนตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฝั่งของผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศ
แต่ถ้าเรามองลึก ๆ เข้าไปในความผันผวนเหล่านั้น จะสังเกตุได้ว่า เทรนด์ธุรกิจที่เกาะไปกับกระแสเพื่อสุขภาพ แทบไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากมายนัก แถมยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเสียด้วยซ้ำ สืบเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้กระทั่ง วัยทอง วัยผู้สูงอายุ ที่ดูเหมือนมีอัตราแนวโน้มสูงขึ้น ทุกปี ๆ
อีกเหตุผลหนึ่ง คงจะอดกล่าวไม่ได้เลย คือ ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถรับรู้ข่าวสารที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพได้อย่างชนิดรวดเร็วมาก โดยผ่านทางช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram YouTube LINE ฯลฯ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น จึงส่งผลให้ค่ายแบรนด์ต่าง ๆ ต้องปรับตัว พร้อมรับมือกับการแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ด้วย content ที่มีคุณภาพซึ่งเป็นเหมือนอาวุธที่แข็งแกร่งของแบรนด์ต่าง ๆ
ดังนั้น จึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้บรรดาผู้ประกอบการต่าง ๆ ไม่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบฉาบฉวย หรือเพียงเกาะกระแสรักสุขภาพได้อีกต่อไป แต่จะต้องเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ให้สามารถตอบโจทย์ตรงตามความต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
อีกทั้ง กระแสคนรักสุขภาพ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้ความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพของแต่ละวัย แตกต่างกันไป
เช่นเดียวกับที่เมื่อมาดูทิศทางเศรษฐกิจปี 2562 จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผู้บริโภค หันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งประเทศไทย กำลังจะก้าวไปสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) หรือที่เรียกว่าเรากำลังก้าวสู่ยุค Silver Economy (เศรษฐกิจผู้สูงวัย) ซึ่งเป็นยุคที่นำนวัตกรรมมาสร้างผลิตภัณฑ์ และบริการที่รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถพึ่งพาตัวเองได้
ทั้งนี้มีสถิติงานวิจัยระบุแล้วว่า โครงสร้างของประชากรไทยไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 11 ของประชากรไทยทั้งหมดในปัจจุบัน และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของประชากรไทยในปี 2568 ด้วยตัวเลขที่แสดงให้เห็นชัดเจนแบบนี้ สามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่า กลุ่มผู้สูงอายุ จะกลายเป็นกลุ่มที่มีกำลังสำคัญ และมีความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพอีกจำนวนมาก
ขณะที่อีกเหตุผลที่เราไม่สามารถมองข้ามได้เลย นั่นก็คือ การตัดสินใจซื้อสินค้าสุขภาพ และ อาหารเสริม ของกลุ่มผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ยังอิงต่อความพอใจจากผู้ดูแล ไม่ว่าจะเป็น ลูกหลาน หรือญาติใกล้ชิดที่ดูแล ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุ (เพราะผู้สูงอายุ จะได้รับเงินเลี้ยงดูโดยลูกหลาน) ดังนั้นการที่ผู้สูงอายุจะตัดสินใจซื้อสินค้าสักตัว อาหารเสริมสักยี่ห้อ อาจต้องแล้วแต่ความพึงพอใจ และการตัดสินใจของลูกหลานของท่านเหล่านั้นด้วย
ดังตัวอย่างของ บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ที่มีโอกาสร่วมงานวิจัย และพัฒนา สมุนไพร BIO Pharma กับหน่วยงานสำคัญถึง 3 หน่วยงาน คือ NSTDA (National Science Technology Development Agency – Biotec), Bio Taiwan และโครงการพิเศษสวนเกษตรเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ด้วยประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่โมเดล “ประเทศไทย 4.0” หรือจะพูดในเชิงนวัตกรรมว่า “มหัศจรรย์อาหารเสริม 4.0 กับ นวัตกรรมไบโอเทคโนโลยี” ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า หนึ่งในกลุ่มเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก คือ กลุ่มสาธารณสุข กลุ่มสุขภาพ อาหารเสริมไบโอเทคโนโลยี และ เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Health, Wellness and Biopharm) ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับบริษัท ด้วยเหมือนกัน ที่เราจะเน้นในเรื่อง Biopharma โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น สูตรถั่งเช่า สูตรผู้ชาย สูตรผู้หญิง สปอร์เห็ดหลินจือ เหล่านี้ เป็นต้น
ดังนั้น บริษัทจึงยังคงพัฒนานวัตกรรม Biopharma กันต่อไป เพื่อตอบโจทย์ Aging Society ที่กำลังจะมาไม่เกิน 2 ปี ข้างหน้านี้ ในเรื่อง Health care และ Bio pharma โดยยังคงร่วมมือกับพันธมิตรสานต่องานวิจัยต่าง ๆ ได้แก่ หน่วยงาน NSTDA Biotech Bio Taiwan และโครงการสวนเกษตรเมืองงาย เช่นเดิม แต่จะเพิ่มในเรื่องของผลิตภัณฑ์ และการค้นคว้าสูตรใหม่ ๆ ป้อนสู่ตลาดผู้บริโภคมากขึ้น
อย่างไรก็ตามในวันนี้ คงไม่มีผู้ประกอบการรายใดสามารถปฏิเสธการเข้าสู่โลกดิจิทัลได้แล้ว เพราะทั้งคู่ค้าและลูกค้าต่างอยู่บน Platform เดียวกันหมดคือ Digital Economy ไม่ว่าจะเป็น Smart phone และ Tablet ต่างเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันพวกเรา รวมไปถึงอุปกรณ์ Internet Of Things ที่มีปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงต่อกันได้หมด แลกเปลี่ยนข้อมูลได้ทั้งหมด และในมุมธุรกิจต่าง ๆ
โดยเฉพาะธุรกิจอาหารเสริม Health Care หรือ Skin Care ก็ดี ย่อมต้องปรับตัวให้ทันเพื่อให้สามารถแข่งขัน และอยู่รอดได้ เรียกได้ว่า ใครสามารถนำข้อมูล Big Data บนโลก Social และพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์เหล่านั้น มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจได้มากสุด จะกลายเป็นผู้นำของตลาดในยุค Digital Economy
ดังนั้น หากอุตสาหกรรมการแพทย์ของเรา นำไบโอเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ Pain-point มากกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว จะทำให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ได้ไม่ยากเลย เนื่องจากเรามีพื้นฐานงาน service และ Medical Skill ของแพทย์ที่มีชื่อเสียงในระดับภูมิภาคอยู่แล้ว
นวัตกรรมคือปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจยุค Silver Economy เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสูงวัย และกลุ่มวัยทำงาน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด