สิงคโปร์ ทำอย่างไรให้เป็นยักษ์ใหญ่ Fintech?เมื่อหัวใจของนวัตกรรมคือ ‘คน’ | Techsauce

สิงคโปร์ ทำอย่างไรให้เป็นยักษ์ใหญ่ Fintech?เมื่อหัวใจของนวัตกรรมคือ ‘คน’

โลกยุคดิจิทัลพาให้หลายวงการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะ Fintech ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีสิงคโปร์เป็นผู้นำด้านการเงินแล้ว นับได้ว่าเป็นศูนย์กลาง Fintech ของภูมิภาค SEA ก็ว่าได้ แล้วท่ามกลางนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ออกมาปฏิวัติวงการทางการเงิน จะทำให้อนาคตของวงการนี้จะเป็นอย่างไร

Fintech

Techsauce ได้มีโอกาสพูดคุยแบบ Exclusive กับ คุณ Shayan Hazir ผู้เป็น Chief Digital Officer แห่ง HSBC ธนาคารยักษ์ใหญ่ ที่จะมาเผยหนทางสู่ความสำเร็จ และวิเคราะห์อนาคต Fintech ในภูมิภาค SEA แบบเจาะลึก

HSBC ผู้ให้บริการทางการเงินที่มั่นคงมากว่า 150 ปี

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ HSBC หรือรู้จักกันในอีกชื่อก็คือ The Hongkong and Shanghai Banking Corporation ธนาคารระดับตำนานที่มีรากฐานยาวนานกว่า 150 ปี ตั้งแต่ยุคบุกเบิกที่ฮ่องกงในปี ค.ศ. 1865 ปัจจุบัน HSBC ขยายเครือข่ายครอบคลุม 64 ประเทศทั่วโลก มีบริการทางการเงินครบวงจร ทั้งบัญชี สินเชื่อ บัตรเครดิต การลงทุน โดยเฉพาะบริการสำหรับลูกค้าองค์กรและธุรกิจข้ามชาติที่ HSBC เป็นผู้เชี่ยวชาญและสั่งสมประสบการณ์มามากกว่าหนึ่งศตวรรษ

โดยในประเทศไทย HSBC เข้ามาดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 1887 โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ และลูกค้าบุคคลที่มีฐานะ แล้วคุณ Shayan Hazir มองอนาคต Fintech ไว้อย่างไร?

ภูมิทัศน์และความสำเร็จของ Fintech ในสิงคโปร์

บทสนทนาเริ่มต้นด้วยคำถามจากคุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ CEO ของ Techsauce ถึงภาพรวมของวงการ Fintech ในสิงคโปร์ โดยคุณ Shayan Hazir ได้ให้มุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จ และความท้าทายที่ Fintech สิงคโปร์ กำลังเผชิญอยู่

การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Fintech ในสิงคโปร์

คุณ Shayan Hazir กล่าวถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของ Fintech ในสิงคโปร์ โดยมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 20-50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2016 เป็น 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสิงคโปร์ในการเป็นศูนย์กลาง Fintech ในภูมิภาคโดยมีปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จหลายประการ ได้แก่:

  • การสนับสนุนจากภาครัฐ: ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุน Fintech
  • บุคลากรที่มีความสามารถ: สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรม ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก
  • แหล่งเงินทุน: มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งจาก VC และสถาบันการเงิน
  • กรอบการกำกับดูแล: มีกฎระเบียบที่ชัดเจน และเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม
  • ความร่วมมือ: เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงระหว่างธนาคารและ Fintech

โดยลักษณะเด่นของ Fintech ในสิงคโปร์ คือ การมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจแบบ B2B ซึ่งสอดคล้องกับขนาดของตลาด และความต้องการของธุรกิจในสิงคโปร์ แต่อย่างไรก็ตาม Fintech ในสิงคโปร์ ยังคงเผชิญกับความท้าทายบางประกาย เช่น การขยายขนาดของระบบนิเวศ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

ทำอย่างไรระบบนิเวศ Fintech ถึงเติบโตเป็นสองเท่าตัว?

คำถามสำคัญที่ตามมาคือ แล้วสิงคโปร์มีแนวทางอะไรที่ทำให้ระบบนิเวศ Fintech เติบโตอย่างก้าวกระโดด? และธนาคารควรทำอย่างไรถึงจะช่วยผลักดันให้ Fintech เติบโตได้อีกเท่าตัว? คุณ Shayan Hazir ก็ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน

ความร่วมมือ: ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของ Fintech

คุณ Shayan Hazir เน้นย้ำว่า การร่วมมือระหว่างธนาคารและ Fintech เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา Fintech ให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยแต่ละฝ่ายต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน

  • Fintech: มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
  • ธนาคาร: มีความน่าเชื่อถือ ประสบการณ์ ความรู้ด้านธรรมาภิบาล และความเชี่ยวชาญด้านกฎระเบียบ

การผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย จะช่วยให้ Fintech สามารถเติบโต และสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ โดย HSBC ก็เป็นหนึ่งในธนาคารที่ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับ Fintech โดยได้ลงทุนในบริษัท Fintech อย่าง Marketnode ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสานจุดแข็งระหว่างธนาคารและ Fintech

หาจุดสมดุลที่คุณสามารถผสานความรู้และความเชี่ยวชาญของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เข้ากับความรวดเร็วและความคล่องตัวของ Fintech ขนาดเล็กได้

ขับเคลื่อนนวัตกรรม Fintech ด้วยวิสัยทัศน์ที่มี “มนุษย์” เป็นหัวใจ

นอกจากความร่วมมือแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อน Fintech ให้ก้าวไปข้างหน้าก็คือ “นวัตกรรม”

แล้วคุณ Shayan Hazir มองเรื่องนี้อย่างไร?

นวัตกรรมที่ดีต้องเริ่มต้นที่ “คน”

ซึ่งมุมมองของ Hazir เกี่ยวกับนวัตกรรมนั้นเน้นที่มนุษย์เป็นศูนย์กลางอย่างยิ่ง เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ลูกค้ามาก่อนและการออกแบบโซลูชันที่แก้ปัญหาสำหรับลูกค้าได้จริง เขาแนะนำกรอบ “4C” เป็นหลักการชี้นำสำหรับการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • C แรก คือ Creativity (ความคิดสร้างสรรค์) คิดนอกกรอบ มองหาไอเดียใหม่ๆ
  • C ที่สอง คือ Compassion (ความเห็นอกเห็นใจ) เข้าใจปัญหา และความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
  • C ที่สาม คือ Cooperation (ความร่วมมือ) ทำงานร่วมกัน ระดมสมอง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
  • C สุดท้าย คือ Consistency (ความสม่ำเสมอ) มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

โดยหลักการนี้ชี้นำสำหรับการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบ และยังกล่าวอีกด้วยว่า

เราต้องเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยลูกค้าและไอเดีย แล้วคุณจึงย้อนกลับไปพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

บริการทางการเงินในอีกห้าปีข้างหน้าจะพัฒนาเป็นอย่างไร

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกของบริการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ แล้วอนาคตของบริการทางการเงินจะเป็นอย่างไร? คุณ Shayan Hazir มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

จาก “ปรับปรุง” สู่ “ปฏิวัติวงการ”

เชื่อว่า เทคโนโลยี จะไม่ใช่แค่เครื่องมือในการ “ปรับปรุง” บริการทางการเงินแบบเดิมๆ แต่จะ “ปฏิวัติ” บริการทางการเงินไปอย่างสิ้นเชิง “เราต้องกล้าคิดนอกกรอบ” คุณ Hazir กล่าว “ลองคิดดูสิว่า เราจะลดความจำเป็นของศูนย์บริการลูกค้าได้อย่างไร? นั่นแหละคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

คุณ Hazir มองว่า เทคโนโลยีอย่าง AI, Blockchain และ Quantum Computing คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “วิสัยทัศน์” เราต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และไม่ตกหลุมพรางของการนำเทคโนโลยีมาใช้กับสิ่งเดิมๆ หนึ่งในตัวอย่างที่คุณ Hazir ยกขึ้นมาคือ AI สามารถช่วยลด “ความเหนื่อยล้าในการตัดสินใจ” ซึ่งเกิดจากการมีข้อมูลมากเกินไป จนทำให้ผู้บริหารเกิดความลังเล AI จะช่วยประมวลผลข้อมูล และนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Fintech จะอยู่รอดได้ต้องมีความสมดุลระหว่างนวัตกรรมและกฎระเบียบ

ด้วยประสบการณ์ระดับนานาชาติ คุณ Shayan Hazir จึงมีคำแนะนำดีๆ สำหรับ Fintech ในการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและกฎระเบียบ

จับมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

คุณ Hazir แนะนำว่า Fintech ควร “จับมือ” และทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด 

ตัวอย่างเช่นในสิงคโปร์ หน่วยงานกำกับดูแลมีแนวคิดที่ก้าวหน้า โดยได้สร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับสตาร์ทอัพ Fintech อย่างเช่น โปรแกรม Sandbox และ Project Veritas เพื่อให้ Fintech ได้ทดลอง และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้ การทำงานร่วมกันแบบนี้ จะช่วยให้ Fintech สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบกฎระเบียบที่เหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลในการพัฒนานวัตกรรม... โดยให้หน่วยงานกำกับดูแลสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เช่น โครงการต่างๆ หรือ Sandbox ที่เอื้อต่อการทดลองและพัฒนานวัตกรรมได้

Fintech เปิดประตูสู่บริการทางการเงิน “เพื่อทุกคน”

นอกจากจะช่วยสร้างความมั่งคั่งแล้ว Fintech ยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งคุณ Shayan Hazir ก็ได้แสดงมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

E-commerce และ Digital Wallet : ตัวช่วยสำคัญของ Financial Inclusion

คุณ Hazir ชี้ให้เห็นว่า การเติบโตของ E-commerce และ Digital Wallet เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการธนาคารแบบดั้งเดิม สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น ซึ่งคุณ Hazir ก็สนับสนุนให้ธนาคารมีส่วนร่วมในการผลักดัน Financial Inclusion โดยร่วมมือกับ Fintech ที่เชี่ยวชาญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น HSBC ที่ให้การสนับสนุน Funding Societies และ Atome ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น

ก้าวข้ามอุปสรรคด้านกฎระเบียบผ่านการร่วมมือ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมักมาพร้อมกับกฎระเบียบใหม่ๆ เสมอ ซึ่งวงการ Fintech ก็เช่นกัน แล้วธนาคารและ Fintech จะร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ไปได้อย่างไร?

มากกว่านักลงทุน ธนาคารต้องเป็น “พี่เลี้ยง”

คุณ Shayan Hazir เชื่อว่า ธนาคารมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน Fintech ไม่ใช่แค่ในฐานะ “นักลงทุน" แต่ต้องเป็น “พี่เลี้ยง” คอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือ Fintech ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและกล่าวว่า

ผมเชื่อว่าการแก้ปัญหาทุกปัญหา จำเป็นต้องอาศัยการร่วมกันสร้างสรรค์ ... ซึ่งรวมถึงการให้ข้อมูลและให้ความรู้แก่หน่วยงานที่กำกับดูแลด้วย

จับมือกัน สื่อสารกับหน่วยงานกำกับดูแล

นอกจากนี้ คุณ Hazir ยังแนะนำให้ Fintech และธนาคาร ร่วมมือกันในการให้ความรู้ และสื่อสารกับหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับเทคโนโลยี และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ และส่งเสริมการเติบโตของ Fintech อีกด้วย

Fintech อยากร่วมมือกับธนาคารต้อง “ทำการบ้าน” ก่อน

ในช่วงท้ายของการสนทนา คุณอรนุช ได้สอบถามถึงบทบาทของธนาคารในการให้คำปรึกษา และสนับสนุน Fintech ให้เติบโต รวมถึงการสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในวงกว้างได้ โดยคุณ Shayan Hazir มีคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับ Fintech ดังนี้

Fintech เติบโตได้ เมื่อมีธนาคารเป็น “พี่เลี้ยง”

คุณ Shayan Hazir มองว่า ธนาคารมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน Fintech ให้เติบโต เปรียบเสมือน “พี่เลี้ยง” ที่คอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน การเข้าถึงตลาดใหม่ๆ หรือการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น HSBC มีโปรแกรมที่ช่วยสนับสนุน Fintech ให้เข้าร่วมงาน และโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ Fintech ได้เรียนรู้ และเติบโตในระดับสากล

โดยความสำเร็จของ Fintech จะส่งผลดีต่อธนาคาร และระบบนิเวศทางการเงินโดยรวม ดังนั้น การที่ธนาคารให้การสนับสนุน Fintech จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สำหรับ Fintech ที่ต้องการร่วมมือกับธนาคาร คุณ Hazir แนะนำให้ “ทำการบ้าน” ก่อนเข้าหาธนาคาร นั่นคือ ต้องศึกษา และทำความเข้าใจความต้องการของธนาคารอย่างแท้จริง รวมถึง “ต้องแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ชัดเจน และความแตกต่างจากคู่แข่ง”

...ธนาคารควรมีบทบาทในการเป็น ‘พี่เลี้ยง’ คอยดูแลฟินเทค ... ไม่ใช่แค่ให้บริการทางการเงินแก่พวกเขา แต่ควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขาเติบโตได้

Fintech ก้าวไกล เมื่อมี “คน” เป็นศูนย์กลาง “ความร่วมมือ” เป็นพลังขับเคลื่อน และ “พี่เลี้ยง” คอยสนับสนุน

จากบทสัมภาษณ์คุณ Shayan Hazir ทำให้เห็นภาพอนาคตของ Fintech ใน SEA ที่สดใส โดยมีปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ที่จะขับเคลื่อน Fintech ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่

  • “คน” เป็นศูนย์กลาง: นวัตกรรม Fintech ต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจความต้องการของลูกค้า และนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ปัญหาในชีวิตจริง
  • “ความร่วมมือ” คือหนทางสู่ความสำเร็จ: Fintech และธนาคารต้องร่วมมือกัน เสริมจุดแข็ง ปิดจุดอ่อน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม และขับเคลื่อน Financial Inclusion
  • “พี่เลี้ยง” คอยสนับสนุน: ธนาคารมีบทบาทสำคัญในการเป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับ Fintech โดยให้คำปรึกษา คำแนะนำ และสนับสนุนในด้านต่างๆ

นอกจากนี้ทางสตาร์ทอัพ Fintech เองก็ต้อง “ทำการบ้าน” ศึกษาความต้องการของธนาคาร และนำเสนอคุณค่าที่ชัดเจน เพื่อสร้างความร่วมมือที่ win-win ทั้งสองฝ่าย ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของ Fintech จะนำไปสู่การเติบโตของระบบเศรษฐกิจโดยรวม และสร้างโอกาสทางการเงินให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันนั่นเอง

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สำรวจ 5 เทรนด์สำคัญจากงาน Accenture Life Trends 2025 ที่สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคไทย

สำรวจ 5 เทรนด์สำคัญจากงาน Accenture Life Trends 2025 ที่สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคไทยและทั่วโลก ตั้งแต่ความลังเลในโลกดิจิทัล, การเลี้ยงลูกยุคใหม่, เศรษฐศาสตร์แห่งความใจร้อน, ศักดิ์ศรี...

Responsive image

Qwen2.5-Max คืออะไร หมัดสองจาก AI จีนโดยยักษ์ใหญ่ Alibaba ที่เก่งกว่า Deepseek R1

Qwen2.5-Max โมเดล AI ใหม่จาก Alibaba ท้าชน DeepSeek R1 และ GPT-4o ด้วยประสิทธิภาพสูงกว่า ใช้พลังงานน้อยลง และอาจเปลี่ยนสมดุลอุตสาหกรรม AI ระดับโลก...

Responsive image

NIA เปิดข้อมูลระบบนิเวศสตาร์ทอัพ รับเทรนด์เติบโต 2025 และการจัดหาสเปซสำหรับ Deep Tech

สรุปข้อมูลหลังจากทีมเทคซอสร่วมล้อมวงพูดคุยกับ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA ทั้งภาพรวมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย เทรนด์การเติบโตของสตาร์ทอัพในปี 2...