10 ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน Canva ที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานกราฟฟิก โดยเฉพาะคนที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น พร้อมช่วยให้การทำงานแบบเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ช่วงที่ใช้เวลานานและเสียเวลาที่สุดของการใช้งาน Canva ก็คงเป็นการเลือกเทมเพลตที่ถูกใจ ด้วยฟีเจอร์ Magic Design เพียงเราอัปโหลดรูปภาพ เลือกสไตล์ที่ต้องการ และปล่อยให้ Generative AI ทำงาน ระบบก็จะสร้างเทมเพลตสำเร็จรูปให้เรา พร้อมเลือกฟอนต์ รูปภาพ และสไตล์ที่เหมาะสมให้ได้ด้วย
ถูกใจสายไอแพดแน่นอน เพราะไม่ว่าจะวาดภาพหรือร่างแบบก็สามารถทำได้แล้วด้วยฟีเจอร์ Canva Magic Draw พร้อมปรับรูปทรงให้อัตโนมัติ และในอนาคตจะมีการอัปเดตให้การเส้นที่เราวาดแปลงไปเป็นกราฟฟิกได้ด้วย
จะส่งการ์ดเชิญให้ลูกค้าที่อังกฤษ แล้วคิดงานโปรเจกต์ให้พาร์ทเนอร์ที่ญี่ปุ่น ก็ไม่ต้องเปิดเว็บแปลภาษาแยกอีกต่อไป Canva ใส่ฟีเจอร์ Translate ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาให้แล้ว แปลภาษาได้เลยกว่า 100 ภาษาในไม่กี่คลิก
ยางลบวิเศษ ลบอะไรก็เนียนไปหมด ไม่ต้องไดคัทให้ยุ่งยาก ด้วยฟีเจอร์ Magic Eraser ลบได้ทั้งวัตถุ คน แบบเนียนๆ ไม่ยุ่งยาก ลบเสร็จก็ใช้ Magic Edit เพื่อแก้ไขในสิ่งที่ลบโดยใช้ AI ตัวอย่างเช่น ใช้ Magic Eraser ลบรูปกาน้ำ จากนั้นใช้ Magic Edit เพื่อป้อนคำสั่งให้ AI ใส่รูปดอกไม้แทนที่เข้าไป ทำได้เนียนเหมือนมันเคยอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
บอกลาปัญหาภาพไม่ตรงกับเสียง ใช้ Beat Sync เพื่อปรับภาพและเสียงให้ตรงกันโดยอัตโนมัติ ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ไม่ต้องเป็นมือโปรก็ทำได้ง่ายแค่คลิกไม่กี่ครั้ง
คิดไอเดียทำพรีเซนต์ไม่ออกบอก AI เพราะแค่ป้อนคีย์เวิร์ดที่เราต้องการที่จะออกแบบงานพรีเซนต์ ระบบจะสร้างตัวเลือกมากมายหลายสไตล์ขึ้นมาให้เลือก จากนั้นก็เลือกได้เลยว่าจะเอาแบบไหน พร้อมเพิ่มรายละเอียดได้ในตอนท้าย
ป้อนคำสั่ง (prompt) เพื่อให้ AI ของ Magic Write จัดการร่างงานเขียนให้เราภายในไม่กี่วินาที จะงานเขียนแบบไหนก็ทำได้ SEO เขียนบล็อก เขียนสรุป หรือประพันธ์บทกลอนก็ทำได้หมด พร้อมปรับความสั้นยาวในการเขียน แถมใช้งานได้กับทุกฟีเจอร์ที่มีใน Visual Worksuite ปัจจุบันรองรับการเขียน 18 ภาษา หนึ่งในนั้นมีภาษาไทยด้วย! สำหรับการใช้งานฟรีจะใช้ได้ 25 ครั้ง และ 75 ครั้งสำหรับ Canva Pro, Canva for Teams, Canva for Nonprofits และ Canva for Education จะใช้งานได้ 75 ครั้งต่อเดือน
เปิดตัวมาครั้งแรกเมื่อปีก่อน ช่วยให้เราเปลี่ยนคำบรรยายที่เราจินตนาการให้เป็นรูปภาพได้ พร้อมปรับสไตล์รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปวาด ภาพถ่าย รูปเหมือน และอื่นๆ อีกมากมาย ทำงานโดยใช้ AI ที่มีฐานข้อมูลรูปภาพกว่า 60 ล้านรูป โดยล่าสุดทีม Canva เพิ่มคุณภาพของรูปภาพมากว่าเดิม 16 เท่าพร้อมใช้เวลาในการสร้างน้อยลง 68%
แต่เดิมฟีเจอร์ animation ของ Canva จะมีเทมเพลตเพียงไม่กี่แบบให้เราได้เลือกใช้ แต่มันจะสนุกมากขึ้นเมื่อฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้เราออกแบบ animation ได้หลากหลายกว่าเดิม เพียงลากไปในทิศทางที่เราต้องการ จากนั้นปรับความเร็วและรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในภายหลัง ใช้งานได้ทั้งในงานวิดีโอและงานนำเสนอ ทำให้การทำอนิเมชั่นเป็นเรื่องง่ายแบบแค่ลากแล้ววางก็ใช้ได้เลย (drag & drop)
ออกแบบงานกราฟฟิกสำหรับแต่ละแบรนด์โดยเฉพาะได้ง่ายกว่าเดิมด้วย Brand Kit รวบรวมเทมเพลตที่เราต้องการไว้ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟ้อนต์ กราฟฟิก โลโก้ และอื่นๆ พร้อมทำงานร่วมกันกับคนในทีมผ่าน Brand Hub ที่เป็นศูนย์รวมการทำงานโดยมีฟีเจอร์ย่อยเพิ่มเติม ดังนี้
Brand Guidelines - ช่วยให้คนในทีมรู้แนวทางและรูปแบบของงานได้ง่ายขึ้น
Brand Folders - ช่วยจัดระเบียบให้งานประเภทต่างๆ กับคนในทีม
Brand Controls - หมดปัญหาเรื่องความวุ่นวายเมื่อเราสามารถตั้งค่าสิทธิในการเข้าถึงให้แต่ละไฟล์ได้ผ่าน Brand Controls
Brand Templates - สร้างหรือใช้เทมเพลตที่มีอยู่แล้วได้สะดวกยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาในการทำงาน
Template Assistant - ตัวช่วยที่จะมาช่วยประเมินคุณภาพของงาน พร้อมแนะนำจุดที่ควรแก้ไขและปรับปรุงให้ผลงานมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
อ้างอิงข้อมูล Canva
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด