จากกระแสบนทวิตเตอร์ทำให้ Hashtag #PresidentCuomo ขึ้นมาเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า Hashtag นี้คืออะไร และทำไมชื่อของแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กถึงขึ้นไปอยู่บนเทรนด์ทวิตเตอร์ได้
แอนดรูว์ คูโอโม (Andrew Cuomo) ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก นั้นได้รับการสนใจจากทั่วโลกจากการทำงานของเขาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในสหรัฐฯ นั้นสูงมากกว่า 800,000 ราย และมีอัตรเสียชีวิตสูงถึง 42,500 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อในรัฐนิวยอร์กมากกว่า 250,000 ราย ทำให้รัฐนิวยอร์กนั้นมีอัตราการติดเชื้อที่รุนแรงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการทำงานในฐานผู้นะของเขาทำให้สื่อหลาย ๆ รายในตอนนี้เรียกเวลาในช่วงนี้ว่า “Cuomo’s Moment” หรือเวลาของคูโอโมนั่นเอง
คูโอโมได้ตอบรับกับสถานการณ์ COVID-19 อย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล และได้ประกาศให้รัฐนิวยอร์กนั้นเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน โดยเขาได้พยายามที่จะเพิ่มการตรวจสอบหาผู้ติดเชื้อ สร้างโรงพยาบาลชั่วคราวในฐานทัพของทหาร และสนับสนุนให้ชาวนิวยอร์กนั้นเว้นระยะห่าง และด้วยความพยายามที่จะ “flattening the curve” หรือลดอัตราผู้ติดเชื้อลง เขาได้ออกคำสั่งให้ผู้ที่ไม่เว้นระยะห่างนั้น เสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 ดอลลาร์ หรือเป็นจำนวนเงินกว่า 30,000 บาท
การรับมืออย่างรวดเร็วของคูโอโมในช่วงการระบาดของ COVID-19 นั้นคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของการมีภาวะผู้นำที่ดีภายใต้วิกฤติเช่นนี้ โดยลี มิรินกัฟ (Lee Miringoff) อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จาก Marist College ได้อธิบายถึงการเป็นผู้นำ “ภาวะผู้นำทางการเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในตอนนี้” โดย “สิ่งที่ผู้นำทำนั้นไม่ใช่แค่ควบคุมทรัพยาการอย่างเดียว แต่ยังต้องให้ความรู้สึกของความหวังแก่ผู้คนในช่วงเวลาอันท้าทายเช่นนี้ด้วย” และนี่คือ 3 คุณลักษณะของคูโอโม ที่ผู้นำหลาย ๆ คนสามารถนำไปเป็นบทเรียนและปรับใช้ได้
คูโอโมนั้นจัดการแถลงข่าวในเรื่องของการรับมือกับ COVID-19 ของรัฐนิวยอร์กในทุก ๆ วัน โดยเขาจะเป็นผู้พูดอัปเดทสถานการณ์หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการระบาดให้ชาวนิวยอร์กนั้นได้รับรู้ข่าวสารความเป็นไปของการรับมือและข้อแนะนำในการปฎิบัติตัวในช่วงวิกฤติ ซึ่งการพูดคุยกับประชาชนในทุก ๆ วันยังทำให้ประชาชนนั้นยังรู้สึกถึงการเชื่อมต่อกับรัฐบาล และยังเพิ่มความมั่นใจและความสบายใจว่าตอนนี้รัฐบาลนั้นได้ดำเนินการอย่างไรในการลดการแพร่ระบาด
คูโอโมนั้นยังแสดงให้เห็นการเปิดเผยต่อทีมของเขาเช่นกัน อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Northwestern นั้นยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุกวิกฤตินั้นต่างกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีเกมในการวางแผนในการจัดการกับวิกฤติ คุณจะต้องเปิดเผยและบอกว่าคุณนั้นรู้อะไร หรือคุณไม่รู้อะไร”
ชาวอเมริกันกว่า 6.6 ล้านคนนั้นกำลังจะตกงานภายในสิ้นเดือนนี้ บริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กนั้นกำลังเตรียมตัวที่จะพบกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และหลาย ๆ รายยังคงต่อสู้กับสภาวะวิกฤติฉับพลันนี้อยู่ ซึ่งนี่ทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมหาศาลต่อชาวอเมริกัน
อย่างไรก็ตามแต่ ถึงแม้จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น คูโอโมนั้นยังสามารถที่จะแสดงท่าทางที่สงบเมื่อเขาต้องกล่าวต่อหน้าสาธารณชน เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจของเขาต่อประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนนั้นรู้สึกเชื่อมต่อกับเขาได้ และยังให้ความรู้สึกของความหวังในช่วงเวลาเช่นนี้
คูโอโมนั้นได้เรียกร้องและรวบรวมผู้นำและผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ภาคส่วนมาช่วยรับมือกับวิกฤติ ซึ่งอาจารย์มิรินกัฟยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับมือในสหรัฐฯว่า “ถ้าชาวอเมริกันนั้นเข้าใจว่าสถานการณ์เช่นนี้ต้องใช้ความพยายามร่วมกัน ประเทศนั้นจะสามารถเดินไปในทางที่ดีกว่านี้”
หลังจากที่ประกาศสภาวะฉุกเฉิน คูโอโมได้พยายามเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ และหน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงปรับเปลี่ยนศูนย์ประชุมให้เป็นโรงพยาบาลฉุกเฉิน โดยสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 1,000 เตียง และยังให้ความสำคัญต่อเรื่องความสุขภาพจิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวบโดยได้จัดหาจิตแพทย์กว่า 6,000 คนในการให้คำปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์ฟรี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำหลาย ๆ คนนั้นได้มองข้ามไป
ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กอย่างคูโอโมนั้นแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำที่ดี ในการเข้าไปแทรกแทรงอย่างมีประสิทธิภาพ การแสดงท่าทีอย่างสงบที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชน และแสดงให้เห็นถึงการยอมรับและการร่วมมือร่วมใจ ที่เราจะต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญในการรับมือกับวิกฤติ ซึ่งนี่ก็เป็นคุณลักษณะผู้นำของคูโอโมที่ทำให้ความนิยมของเขาในตอนนี้นั้นกลับมาจนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อย่าง #PresidentCuomo
อ้างอิง: BusinessInsider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด