เผยผลกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2020 ของ 6 ธนาคารไทย | Techsauce

เผยผลกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2020 ของ 6 ธนาคารไทย

อย่างที่ทุกคนรู้ดีกันว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงครึ่งปีแรกของทุกปี หลายๆ ธนาคารนั้นจะออกมารายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของแต่ละธนาคาร มาดูกันว่าในปีนี้ 6 ธนาคารของไทยนั้นมีผลกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2020 อย่างไรกันบ้าง

ธนาคารกรุงเทพ

จากรายงานผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ธนาคารกรุงเทพนั้นมีกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2563 อยู่ที่จำนวน 10,765 ล้านบาท ซึ่งได้รวมผลประกอบการของธนาคารเพอร์มาตาตั้งแต่วันที่ธนาคารเข้าถือหุ้น โดยกำไรสุทธิลดลงจากครึ่งแรกของปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 18,375 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารมีการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อกันเงินสำรองสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่หดตัว

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8  ตามการเติบโตของสินเชื่อ ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 2.31 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงส่วนใหญ่จากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง สาเหตุหลักจากการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อตาม TFRS 9 สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 45.0 โดยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี 2562 

โดยทางธนาคารนั้นมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,353,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 จากสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นไปตามประมาณการสินเชื่อที่คาดไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 170.5

ธนาคารกรุงไทย

จากรายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 ธนาคารกรุงไทย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,296 ล้านบาท ลด 33.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,471 ล้านบาท เป็นผลมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 23,235 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.4 ช่วยลดผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 5 ครั้ง รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ NIM เท่ากับร้อยละ 3.15 ลดลงจากร้อยละ 3.54 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน  

สำหรับรายได้อื่นยังคงขยายตัวดี รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลงถึงร้อยละ 13.2 โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 40.72 ลดลงจากร้อยละ 46.76 ในช่วงเดียวกันของปี 2562 หากไม่รวมรายการพิเศษสำรองด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายและรายได้ดอกเบี้ยรับจากการขายทอดตลาด ทรัพย์สินหลักประกันจำนอง Cost to Income ratio ในครึ่งแรกของปี 2563 เท่ากับร้อยละ 43.11 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 41.77 ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน เท่ากับ 20,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้จากการดำเนินการอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น และจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 3,829 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 40.8 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2563

ธนาคารกรุงศรี 

จากรายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งปีแรกของปี 2563 ธนาคารกรุงศรีมีกำไรสุทธิจำนวน 13,540 พันล้านบาท ลดลง 31.4% จากช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19,747 ซึ่งมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นจำนวน 50% ของบริษัทเงินติดล้อ จำกัด ในช่วงเวลาครึ่งปีแรกของปีก่อน ซึ่งถ้าหากไม่รวมรายการพิเศษในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 กำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 นั้นจะลดลง 2.9% หรือเป็นจำนวน 0.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2562 โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 4.3 พันล้านบาท เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรง 

สำหรับเงินให้สินเชื่อนั้นเพิ่มขึ้น 2.0% หรือเป็นจำนวน 36.9 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากมาตรการสนับสนุนเพื่อตอบสนองความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ขณะที่เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 8.4% หรือจำนวน 131.8 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 สอดคล้องกับอุตสาหกรรมธนาคารทั้งระบบ ในส่วนของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) นั้นอยู่ที่ 3.74% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 เทียบกับ 3.69% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินปรับลดลง  

โดยสำหรับในครึ่งปีแรกของปี 2563 ทางธนาคารนั้นมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยนั้นลดลง 40.3% หรือเป็นจำนวน 10.7 พันล้านบาท เนื่องจากไม่มีการบันทึกกำไรจากการลงทุนเหมือนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 และการปรับลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ซึ่งเป็นผลจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้ารายย่อยที่ซบเซาตามสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว หากไม่รวมรายการพิเศษที่บันทึกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 11.7% หรือจำนวน 2.1 พันล้านบาท 

ธนาคารกสิกรไทย

รายงานผลการดำเนินในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ธนาคารกสิกรไทย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,550 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 10,423 ล้านบาท หรือ 52.18% โดยเป็นผลมาจากการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss) เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 16,937 ล้านบาท หรือ 111.97% 

โดยหากเป็นผลการดำเนินงาน สำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดครึ่งปีแรกปี 2562 ก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 45,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,805 ล้านบาท หรือ 6.50% แต่ด้วยการคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลงจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ประกอบกับมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ยังคงต้องมีการติดตามดูแลคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด ธนาคารและบริษัทย่อยจึงใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 4,142 ล้านบาท หรือ 8.12% ส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของสินเชื่อ รวมทั้งการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรับเกี่ยวกับการให้สินเชื่อด้วยวิธีดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) ซึ่งเป็นการปฏิบัติตาม TFRS 9  ประกอบกับการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลง ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.34% 

นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 1,812 ล้านบาท หรือ 7.00% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมรับเกี่ยวกับการให้สินเชื่อลดลงจากการเปลี่ยนไปแสดงเป็นรายได้ดอกเบี้ย และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง 

ธนาคารไทยพาณิชย์

รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 ธนาคารไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17,611 ล้านบาท ลดลง 12.5% จากจํานวน 20,132 ล้านบาทในครึ่งปีแรกปี 2562 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการตั้งสํารองที่เพิ่มขึ้นจาก ปัจจัยด้านสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง

อย่างไรก็ตาม กําไรจากการดําเนินงานก่อนหักสํารองเพิ่มขึ้น 14.6 % จากปีก่อน จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่แข็งแกร่ง และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่ลดลงเนื่องจากในไตร มาส 1/2562 มีการบันทึกค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสํารองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่

สําหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2563 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงร้อยละ 1.4 จากปีก่อน เป็นจํานวน 49,555 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการลดลงอย่างมากของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนภายหลังที่ธนาคารได้ขาย หุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ซึ่งสุทธิกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับลดการ นําส่งค่าธรรมเนียมกองทุนฟื้นฟู

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 จากปีก่อนเป็นจํานวน 24,363ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้ที่เกิดประจํา (recurring) ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียมจาก bancassurance และค่าธรรมเนียมจากการบริหารความมั่งคั่ง (ธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจหลักทรัพย์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 1/2563 รวมทั้ง กําไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่า ยุติธรรมผ่านกําไรหรือขาดทุน และรายได้อื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เกิดประจํา (recurring) จากค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงิน และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเช่ือลดลงจากปีก่อน การ ลดลงอย่างมากของค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเช่ือเป็นผลมาจากการใช้มาตรฐานการรายงานทาง การเงินฉบับท่ี 9 ตามท่ีกล่าวไว้ข้างต้น และการใช้จ่ายของบัตรเครดิตที่ลดลงตามการลดลงอย่างมากของ จํานวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศนับต้ังแต่เร่ิมวิกฤตการณ์โควิด-19

ธนาคารทหารไทย

ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของธนาคารทีเอ็มบี โดยกําไรสุทธิ หลังตั้งสํารองฯ และหักภาษี อยู่ที่ 7,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.6 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 7.4 %

ขณะที่กําไรจากการดําเนินงานก่อนหักสํารองฯ สําหรับครึ่งปีแรกของปี 2563 อยู่ที่ 18,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss: ECL) จากสภาพเศรษฐกิจที่ ไม่เอื้ออํานวยธนาคารยังคงความรอบคอบและได้ตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หรือ ECL ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 9,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารจะเห็นได้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นช่วงที่สามรถสะท้อนวิกฤตทางเศรษฐกิจในปัจจุบันจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,095 ล้านบาท ลดลง 25.7 % จากไตรมาสที่ 1  แต่เติบโต 61.4 % จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ขณะที่เงินฝากลูกค้ารายย่อยเติบโตตามเป้าหมาย ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องของธนาคารหลังรวมกิจการกับธนาคารธนชาติ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

IMD จัดอันดับ Digital Competitiveness ปีนี้ ไทยร่วงจาก 35 เป็น 37 ถ้าอยากขยับขึ้น...ต้องแก้ไขตรงไหนก่อน?

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ประจำปี 2567 โดย IMD World Competitiveness Center ไทยได้อันดับ 37 ขยับลงจากปีก่อน 2 อันดับ (35) แล้วจะทำอย่างไรให้ไทยได้อยู่ในอัน...

Responsive image

สู่ Siri ยุคใหม่ ! เผย Apple เตรียมเปิดตัว LLM Siri ในปี 2026 ท้าแข่ง ChatGPT โดยเฉพาะ

OpenAI ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวกระโดดด้านการพัฒนา AI หลังจากสร้างกระแสด้วยแชทบอท ChatGPT ไปเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมีดีลกับ Apple ในการนำ Cha...

Responsive image

American Airlines เปิดตัวระบบจัดการคิวอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสียงเตือนสองระดับ ปิดเกมสายแซงคิวขึ้นเครื่อง

เคยเจอไหม? คนแซงคิวขึ้นเครื่องจนวุ่นวายที่ประตูทางขึ้น หลังจากนี้จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อ American Airlines แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยีเสียงเตือนอัจฉริยะ ที่จะจับทุกความพยายามแอบขึ้นเครื...